ฮวาเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่ากลับแฝงถ้อยคำเ็าไว้หนึ่งสาย ซึ่งพาให้ใบหน้าและหูของหลงจู้แดงก่ำ ผู้ชมโดยรอบต่างบ่นเสียงเล็กเสียงน้อยใส่เขาเช่นกัน
ดูเหมือนเ้าของร้านจะรู้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยอำนวยสำหรับฝั่งตนนัก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าหักล้างคำพูดของฮวาเหยียน และได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้ากล่าวอันใด
ฮวาเหยียนไม่คิดที่จะเสียเวลากับเขานานกว่านี้ นางเพียงสูดลมหายใจเบาๆ พลางจับมือของญาญ่าไว้ ก่อนกล่าวว่า “แม่นางน้อย ไปกันเถิด”
ทิ้งผู้คนที่เฝ้ามองเื่สนุกเอาไว้เื้ั
“ล้วนเป็เพราะเ้าของร้านเช่นเ้า เด็กตัวแค่นั้นไม่มีเงิน เ้าให้คนไล่ออกไปก็พอแล้ว เหตุใดต้องผลักนางด้วยเล่า?”
“ใช่แล้ว ผลักจนเด็กกลิ้งไปเช่นนั้น หาใช่เื่ง่าย”
“พวกเราต่างมาที่นี่เพื่อขอยาและรับการรักษา ยามปกติข้าเห็นเ้ามีคุณธรรมสูงส่ง เหตุใดจึงหยาบคายกับเด็กเล็กๆ เช่นนั้น ไม่ถูกต้องเลยจริงๆ”
ทันทีที่ฮวาเหยียนพาร่างทั้งสามจากไป เหล่าผู้ชมก็เริ่มส่งเสียงซุบซิบนินทา เหงื่อเย็นไหลซึมบนหน้าผากของหลงจู้ชั้นแล้วชั้นเล่า เป็เพราะวันนี้เขาอารมณ์ไม่ดี จิตใจจึงหยาบกระด้าง พอดีพบเด็กน้อยผู้นี้เข้า จึงนำความโกรธทั้งหมดไปลงที่นาง ผู้ใดจะรู้ว่า...
“ไอ้หยา ล้วนเป็เื่เข้าใจผิดทั้งสิ้น แค่เข้าใจผิด”
“พวกเ้าฟังข้าก่อน...”
หลงจู้ผู้นั้นพูดสิ่งใดต่อ ฮวาเหยียนก็มิได้ฟังแล้ว นางมุ่งหน้าไปยังเรือนของญาญ่าตามการนำทางของเด็กหญิงตัวน้อย
เรือนของญาญ่าตั้งอยู่ในเขตชานเมือง เป็เรือนชั้นเดียว รูปแบบก่อสร้างเป็เพียงเรือนเล็กแบบทั่วไป ดูแล้วทรุดโทรมเล็กน้อย รั้วคดเคี้ยวเป็วงกลม มีที่ดินซึ่งปลูกผักไว้หลายแปลงล้อมอยู่โดยรอบ
“พี่หญิงคนงาม พี่ชายน้อย เรือนของข้าค่อนข้างรก พวกท่านอย่าได้รังเกียจเลยนะเ้าคะ”
เด็กหญิงตัวน้อยมีท่าทีอึดอัดอยู่บ้าง นางทราบฐานะของฮวาเหยียนกับหยวนเป่าดี เมื่อครู่ตอนที่ได้ยินว่าพี่หญิงคนงามกับพี่ชายน้อยจะมาเยี่ยมเรือนตน นางดีใจเป็อย่างยิ่ง แต่เมื่อมาถึงที่หมายกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย ครอบครัวของนางยากจนเกินไป ไม่มีอันจะกินเกินไปแล้วจริงๆ
“รังเกียจอันใดเล่า? สภาพแวดล้อมของที่นี่มิใช่ว่าดีมากหรือ?”
ฮวาเหยียนเอ่ยปาก
เรือนหลังนี้ทำให้ฮวาเหยียนย้อนนึกถึงชีวิตของตนในหุบเขา ครานั้นนางอาศัยอยู่ในกระท่อมมุงใบจากอย่างเรียบง่าย ซึ่งมีเพียงสองห้องเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน ญาญ่าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางแต้มรอยยิ้มที่มุมปาก แววตาทอประกายตื่นเต้น
“ท่านย่า ดูสิเ้าคะว่าข้าพาผู้ใดมา?”
เวลานี้ญาญ่าพุ่งเข้าไปข้างในพลางะโเรียกออกมาเสียงหนึ่ง เมื่อนางผลักประตูรั้วออกก็หันมาเรียกฮวาเหยียนกับหยวนเป่าให้ตามเข้าไป
ภายในเรือนไม่สว่างนัก มีหน้าต่างบานเล็กเปิดให้แสงเข้ามาเพียงน้อย เมื่อเดินเข้ามาจะได้กลิ่นสมุนไพรรุนแรง
“แค่กๆ ญาญ่า...กลับมาแล้วหรือ...”
เสียงแ่เบาดังมาจากห้องนอนทางด้านขวา
เมื่อญาญ่าเปิดประตู ฮวาเหยียนก็เห็นท่านย่าของญาญ่าพยายามลุกจากเตียงด้วยท่าทางไร้เรี่ยวแรง ดวงตาของอีกฝ่ายลึกโบ๋ ริ้วรอยบนใบหน้าชัดเข้ม ริมฝีปากแห้งแตกอยู่บางส่วน ทั้งใบหน้าแดงก่ำอย่างไม่เป็ธรรมชาติ เพียงมองก็รู้ว่าหญิงชราผู้นี้มีไข้
“ท่านย่า ญาญ่าไร้ประโยชน์ มิอาจนำยากลับมาให้ท่านได้...”
เด็กหญิงตัวน้อยรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อสวมกอดหญิงชราเอาไว้ ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็สีแดง
“เด็กโง่เอ๋ย ย่าสบายดี ร่างกายแข็งแรงยิ่ง อีกสักพักจะทำแป้งทอดต้นหอมให้เ้าทาน ดีหรือไม่...”
หญิงชรามองญาญ่าด้วยสีหน้าเ็ป พลางคิดอยากลุกขึ้นจากเตียง
“ท่านย่า อย่าเพิ่งขยับเ้าค่ะ ดูสิว่าผู้ใดมาเยี่ยมท่าน?”
ญาญ่าเงยหน้าขึ้นมองฮวาหยียน ก่อนยกนิ้วชี้ไปที่ปากของท่านย่า ดวงตาหยักโค้งเป็รอยยิ้ม
หญิงชรามองตามการเคลื่อนไหวของญาญ่าไปที่ประตูห้องนอน และพบฮวาเหยียนกับหยวนเป่าอย่างรวดเร็ว นางมึนงงไปครู่หนึ่ง มิได้ตอบสนองอันใดกลับมาสักนิด กระทั่งนางมองจนละเอียดแล้ว จึงรีบร้อนลงไปคุกเข่าที่พื้นโดยพลัน “คุณหนูมู่ คุณชายน้อย พวกท่านมาที่นี่ได้อย่างไรเ้าคะ?”
หลังฮวาเหยียนเข้ามาภายในเรือน นางก็ถอดผ้าโปร่งคลุมศีรษะออก ดังนั้นหญิงชราจึงจำนางกับหยวนเป่าได้ทันที
“ท่านย่า ท่านอย่าเพิ่งขยับ”
ฮวาเหยียนรีบก้าวไปข้างหน้า พยุงตัวหญิงชราและปลอบโยนอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล
หยวนเป่าเองก็เดินตามฮวาเหยียนมาข้างหลังเช่นกัน
“คุณหนูมู่ เรือนเก่าของข้าทั้งคับแคบและทรุดโทรม เหตุใดท่านจึงมาเยือนที่แห่งนี้ นี่ นี่มัน...”
หญิงชราตื่นตระหนกจนกล่าวไม่เป็คำ พลางพยายามก้มลงเพื่อโขกหัวอยู่หลายครั้ง แต่กลับโดนฮวาเหยียนหยุดเอาไว้ เพราะนางพยุงแขนของหญิงชราอยู่จึงรู้ว่าอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายสูงยิ่ง คนผู้นี้มีไข้สูงจริงๆ
“ท่านย่ามิต้องตระหนกไป เดิมทีพวกเราก็มีวาสนาร่วมกันอยู่แล้ว วันนี้ข้าพบญาญ่าที่ถนนสายยาวโดยบังเอิญ รู้ว่าท่านเป็ไข้จึงอยากมาเยี่ยมสักครา”
ฮวาเหยียนใช้น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบโยนอีกฝ่าย เป็น้ำเสียงที่แม้แต่นางเองก็ยังมิได้สังเกตว่าอ่อนโยนเพียงใด
“คุณหนูมู่เป็คนจิตใจดี งดงามเลิศล้ำ ท่านผู้สูงส่งอุตส่าห์มาเยี่ยมหญิงชราเช่นข้า แล้วข้าจะตอบแทนเมตตาครั้งนี้ได้อย่างไร...”
ใบหน้าของฮวาเหยียนร้อนขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้รับคำสรรเสริญจากท่านย่า แท้จริงแล้วนางไม่เก่งในการจัดการกับฉากแสดงความกตัญญูต่อบุญคุณที่มอบให้เช่นนี้ นางรีบดึงบุตรชายของตนให้มายืนตรงหน้าแทน “ท่านย่ามิต้องกล่าวคำยกย่องอันใดแล้ว อันเหยียนละอายมิอาจรับไว้ นี่คือบุตรชายของข้า หยวนเป่า หากญาญ่ากับท่านย่าไว้วางใจในตัวข้า ก็ให้หยวนเป่ารักษาท่านเถิด แม้บุตรของข้าจะอายุเพียงห้าขวบ แต่เขาได้ติดตามท่านอาจารย์ร่ำเรียนวิชาแพทย์ ทักษะด้านการแพทย์ของเขาสามารถพึ่งพาได้”
ฮวาเหยียนเอ่ยปาก ถ้อยคำของนางมิได้กล่าวเกินจริง ทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพยิ่ง
ทันทีที่เสียงนั้นจบลง นางก็ได้รับการขอบคุณนับพันจากท่านย่าของญาญ่าอีกครั้ง
ญาญ่าที่อยู่ด้านข้างเองก็เงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน นางใช้ดวงตากลมโตจ้องมองฮวาเหยียน ก่อนเหลือบมองไปทางหยวนเป่า “พี่ชายน้อยรู้วิชาแพทย์ด้วยหรือเ้าคะ? พี่ชายน้อยช่างยอดเยี่ยมนัก!”
ญาญ่าถอนหายใจ น้ำเสียงของนางแฝงความเคารพอย่างมิอาจปกปิดได้
หยวนเป่าแย้มรอยยิ้มขณะเดินเข้าไปหาท่านย่าของญาญ่า เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนขึ้น เด็กหญิงตัวน้อยจึงขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม “พี่ชายน้อย คราก่อนที่ท่านมอบขี้ผึ้งให้ข้า เป็ของที่ท่านทำขึ้นมาเองหรือเ้าคะ?”
“อืม”
หยวนเป่าตอบเสียงเรียบ
ผู้ใดจะรู้ เพียงคำว่าอืมถูกกล่าวจบ เด็กหญิงตัวน้อยก็ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว “เป็พี่ชายน้อยทำขึ้นมาเองจริงหรือ? ขี้ผึ้งอันนั้นมีประโยชน์อย่างยิ่งจนญาญ่ามิกล้าใช้ พี่ชายน้อย ท่านช่างเก่งกาจเหลือเกิน”
ญาญ่าเอ่ยชมโดยไม่ลังเลสักนิด ดวงตาของนางเป็ประกายเปี่ยมด้วยความเลื่อมใส
สายตานี้ร้อนแรงเป็อย่างยิ่ง จนหยวนเป่าน้อยต้องขมวดคิ้ว มิอาจบังคับให้หน้าและหูของตนไม่แดงก่ำได้ แม่นางน้อยผู้นี้เสียงดังโหวกเหวกนัก!
ฮวาเหยียนที่อยู่อีกด้านเม้มริมฝีปากหัวเราะ บุตรชายของนางได้รับแฟนคลับตัวน้อยเพิ่มหนึ่งอัตราแล้ว
“เ้าช่วยเงียบเสียงได้หรือไม่ ข้าจะเริ่มการรักษาแล้ว”
หยวนเป่าเหลือบมองญาญ่าพลางกล่าวอย่างเ็า
ญาญ่ารีบยกมือเล็กๆ ขึ้นมาปิดปากทันที นางพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ฮวาเหยียนเลิกคิ้วมองจากด้านข้าง นางย่อมรู้จักบุตรชายของตนเองดีที่สุด เขาเป็เหมือนผู้สูงศักดิ์ตัวน้อย มีมารยาท สุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน ทว่าเหตุใดท่าทีที่ปฏิบัติต่อญาญ่าจึงไม่ดีเล่า? เอ๋...ญาญ่าไปยั่วโมโหบุตรชายของนางเมื่อไรกัน?
ฮวาเหยียนคิดอย่างไรก็มิอาจเข้าใจ
อีกด้านหนึ่ง หยวนเป่ากำลังจับชีพจรของท่านย่า
เดิมทีคิดว่าหญิงชราเป็แค่ไข้หวัดธรรมดา แต่คิ้วของหยวนเป่าน้อยกลับเริ่มขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มของเขาพลันดูจริงจังขึ้นมา
ในเรือนไร้สรรพเสียง จักจั่นที่อยู่ด้านนอกส่งเสียงร้องดังเป็อย่างยิ่ง
จากนั้นไม่นาน หยวนเป่าก็เก็บมือของตนกลับมา เขาสบตากับฮวาเหยียน คิ้วที่ขมวดมาั้แ่ต้นยังมิได้คลายออก
“เป็อย่างไรเล่า ลูกรัก?”
ฮวาเหยียนถาม
หยวนเป่าสูดลมหายใจเข้าลึก “อาการของท่านย่ามิค่อยดีนักขอรับ...”
“พี่ชายน้อย ทะ ท่านหมายความว่าอย่างไร? ท่านย่าของข้าเป็อันใดหรือเ้าคะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนเป่า ทั้งร่างของญาญ่าก็ตกตะลึงจนโง่งม เืบนใบหน้าพลันเหือดหาย ใบหน้าเล็กซีดเผือดในทันที...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้