ณ ตอนนี้ ทุกคนอยากรู้เพียงอย่างเดียวว่า
เขาเป็ใคร?
เป็ใครกันแน่?
ทุกคนต่างถามตัวเองว่า ภายใต้หมวกอัศวินที่ย้อมด้วยเืสีแดงนั่นจะมีใบหน้าแบบไหนรออยู่?
ซุนเฟยค่อยๆ ยกแขนขึ้นมา
เพียงการเคลื่อนไหวเล็กๆ นี้ก็ส่งผลต่อหัวใจทุกคน
เขาใช้มือซ้ายจับด้ามดาบก่อนจะกัดฟันแน่นแล้วดึงดาบที่ปักคาไหล่ตัวเองออกมา...
ปุ๊!
เืทะลักออกมาเป็สายจากาแที่อยู่ในชุดเกราะ
บางคนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความใ
การกระทำที่ดูเรียบง่ายนี้กลับสั่นะเืจิตใจผู้คนที่อยู่รอบข้างนับไม่ถ้วน
ซุนเฟยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อครู่ที่ดึงดาบออก ความเจ็บมันรุนแรงมากเสียจนทำให้เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย รอจนหายใจได้คล่อง เขาถึงเอื้อมมือไปจับหมวกของชุดอัศวินเกราะหนักแล้วถอดมันออกมา
ฉากนี้ ในสายตาของคนรอบข้างมันดูเหมือนเป็การกระทำที่เชื่องช้ามากๆ
เพียงชั่วพริบตากลับยาวนานเสียเหลือเกิน
ในที่สุด ข้อเท็จจริงก็กำลังปรากฏแล้ว
พวกเขาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าที่อยู่ใต้หมวก ใบหน้าและหน้าผากปกคลุมด้วยผมยาวสีดำ คิ้วหนาเข้มเข้ารูปกับใบหน้าที่หล่อเหลาและริมฝีปากโค้งได้รูปที่กำลังคลี่ยิ้มน้อยๆ...
“เขาคือ...”
ทหารทุกคนบนกำแพงเมืองเหมือนโดนสาปให้กลายเป็หิน แต่ละคนลืมแม้แต่การพูดหรือแม้กระทั่งการหายใจ
แม้แต่นักรบสามดาวอย่างแลมพาร์ดที่ปกติจะเป็คนสุขุมหนักแน่น แต่ตอนนี้เขากลับตะลึงจนอ้าปากอย่างลืมตัว ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี แม้แต่บรู๊คผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ก็ยังยกมือขยี้ตาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ที่จริงแล้วเป็...องค์าาอเล็กซานเดอร์!
จะเป็ไปได้อย่างไร?!
พูดกันตามตรง ก่อนหน้านี้ในใจทุกคนต่างเดาไปต่างๆ นานา ว่านักรบอัศวินเกราะหนักผู้นี้เป็ใครแน่? แม้ว่าพวกเขาจะลองนึกภาพทุกคนในเมืองแซมบอร์ด แม้กระทั่งขอทานผอมแห้งที่ขอทานตามถนนทุกวัน กลับไม่เคยคิดเลยว่าภายใต้หมวกเปื้อนเืนี้ จะเป็ใบหน้าที่ไม่น่าเชื่อมากที่สุด!
องค์าาโง่เง่าขี้ขลาดอเล็กซานเดอร์ที่เป็ที่รู้จักกันดี!
อเล็กซานเดอร์ที่ถูกขนานนามว่าเป็สิ่งที่น่าอับอายที่สุดของเมืองแซมบอร์ดมาเป็ระยะเวลาสามปี
นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็เขา?
จะเป็เขาได้อย่างไรกัน?
ในตอนนั้นเง บนกำแพงเมืองได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น
มันคือความเงียบสงบ
ฉากที่ซุนเฟยถอดหมวกออกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ สร้างความตื่นตะลึงมากกว่าตอนที่ซุนเฟยใช้ขวานฆ่าเงาดำ และเตะดาบทะลุร่างเงาดำหรือตอนที่ทำให้นักดาบสามดาวอย่างแรนดุ๊กได้รับาเ็จนกระอักเืออกมาเสียอีก ฉากนี้มันน่าใมากกว่านั้นอีก!
หลังจากความเงียบกินเวลาไปได้สามสี่นาที ในที่สุดก็มีบางคนได้สติกลับมา จิตใต้สำนึกร้องบอกให้เขาะโออกมาประโยคหนึ่งว่า “อะ...องค์าาอเล็กซานเดอร์...องค์าาทรงพระเจริญ!”
ประโยคแ่ๆ นี้ ดังก้องในกลุ่มคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์
คนอื่นๆ ที่เริ่มเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น ใบหน้าแต่ละคนล้วนแดงก่ำแล้วะโออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“โอ้พระเ้า เป็องค์าาอเล็กซานเดอร์จริงๆ!”
“เป็องค์าาอเล็กซานเดอร์จริงๆ!”
“องค์าาอเล็กซานเดอร์ ท่านช่วยชีวิตพวกเรา...”
“องค์าาทรงพระเจริญ!”
“องค์าาทรงพระเจริญ! ทรงพระเจริญ!”
“…”
“…”
เหล่าทหารต่างโห่ร้องอย่างคึกคัก
พวกเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์คึกคักนี้ได้แล้ว!
ราวกับโรยเกลือลงไปในกระทะร้อนๆ ตอนนี้เหมือนพลังกำลังลุกโชน ทหารทุกคนที่เข้าร่วมาครั้งนี้ต่างรู้สึกว่าเืในกายตัวเองเริ่มร้อนระอุ เหมือนมีเปลวไฟกำลังลุกอยู่ในกาย ราวกับมีพลังบางอย่างในร่างของเขาถูกปลุกเร้าขึ้น และความรู้สึกฮึกเหิมและเป็เกียรติที่ได้ร่วมรบกับาาของตัวเอง รวมทั้งประโยคสุดท้ายที่กลายเป็คำขวัญปลุกใจพวกเขา
“องค์าาทรงพระเจริญ!”
เสียงนี้ ราวกับเสียงคำรามที่ดังกึกก้องลอยไปยัง์ชั้นฟ้า ลอยไกลออกไป ไกลถึงค่ายของศัตรูชุดดำที่ตั้งอยู่ตรงแม่น้ำจูลี่ ให้พวกข้าศึกอดไม่ได้ที่จะปั่นป่วน
ซุนเฟยก็โห่ร้องไปด้วยกันกับเหล่าทหารของเขา
แต่ในใจ ปากของสัตว์ร้ายตัวนี้กำลังแอบฉีกยิ้มอย่างสมใจอยู่
ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็ครั้งแรกที่ความคิดและการกระทำตรงกัน สามารถบันทึกลงในตำราเรียนเสแสร้งแห่งชาติได้เลยนะเนี่ย เขาให้คะแนนการแสดงของตัวเองเต็มร้อยไปเลย
เขาเชื่อแล้วว่าตัวเองได้เอาชนะใจทหารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
เพื่อตอกย้ำถึงชัยชนะที่ได้รับ ซุนเฟยจึงตัดสินใจแสดงให้สมบทบาทมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงโบกมืออย่างช้าๆ
เหล่าทหารจึงพากันเงียบลง
ซุนเฟยเดินไปที่ขอบกำแพงเมือง ในมือยังคงถือดาบที่ชโลมเืตัวเองอยู่ จากนั้นก็ชูดาบขึ้นเหนือหัวแล้วะโอีกครั้งว่า “แซมบอร์ดจงเจริญ!”
ดาบที่ชโลมด้วยเื วีรบุรุษผู้พิชิต ซากศพของศัตรู แสงสีทองของอาทิตย์ยามอัสดงและาาที่เป็ดั่งพระเ้า...
ทั้งหมดนี้ ทำให้เหล่าทหารไม่อาจความคุมอารมณ์ฮึกเหิมไว้ได้ พวกเขาชูมือแล้วโห่ร้องตามซุนเฟย
“แซมบอร์ดจงเจริญ! องค์าาจงเจริญ!”
“จงเจริญ!”
ในระหว่างที่โห่ร้อง ซุนเฟยก็หันร่าง ใช้ปลายดาบชี้ไปที่ค่ายของศัตรูชุดดำที่ตั้งอยู่ไกลๆ แล้วพูดเสียงดังว่า “เหล่าทหารหาญของข้า มาะโไปพร้อมๆ กับข้า กลับไปอัดตูดนายท่านพวกเ้าซะ!”
เหล่าทหารได้ยินดังนั้นก็พากันหัวเราะออกมา
พวกเขารู้สึกชอบาาที่เป็แบบนี้ พวกเขาหัวเราะพลางพุ่งเข้าไปชิดขอบกำแพงและะโไปทางด้านนั้นว่า “กลับไปอัดตูดนายท่านพวกเ้าซะ...ไอ้พวกลูกหมา! ฮ่าๆ”
ความโศกเศร้าและหวาดกลัวในาทั้งหมดดูเหมือนจะจางหายไปในพริบตา
และระยะห่างระหว่างเหล่าทหารและซุนเฟยก็ดูเหมือนจะย่นระยะเข้าใกล้กันมากขึ้นทันที
ตอนนี้เอง
“อเล็กซานเดอร์ ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เสียงหวานๆ ที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และกังวลใจอย่างมากดังขึ้นมาจากด้านหลัง
ซุนเฟยหันหลังกลับมามอง
ตรงขั้นบันไดหินเขาเห็นแองเจล่าในชุดกระโปรงเอวสูงสีม่วงกำลังวิ่งมาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ มือข้างหนึ่งกำกระโปรงถลกขึ้น อีกข้างจับราวกำแพงเมืองเพื่อพยุงตัววิ่งขึ้นมา ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
สาวน้อยผมทองเจ็มม่าะโไล่หลังตามมาติดๆ ท่าทางของนางดูโมโหมากๆ
ซุนเฟยรีบโยนดาบเปื้อนเืในมือทิ้งอย่างไม่ใยดี แล้วหันกลับมาเช็ดเืบริเวณปากจนแน่ใจว่าสภาพตัวเองจะไม่ทำให้หญิงสาวใกลัวแล้วค่อยหันกลับมา
ซุนเฟยรีบวิ่งเข้าไปหาแองเจล่าที่กำลังวิ่งขึ้นมาด้วยความร้อนรนจนเกือบจะหกล้ม ในตอนนั้นซุนเฟยดึงร่างคู่หมั้นตัวน้อยเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเอง ความนุ่มนิ่มในมือทำให้หัวใจของซุนเฟยสั่นไหว
“ที่นี่อันตราย ท่านรีบเสด็จกลับเถอะ!”
ไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นแต่ทว่าหน้าอกอวบอิ่มของแองเจล่าที่สะท้านขึ้นลง สิ่งนี้มันช่างดึงดูดสายตาของซุนเฟยได้เป็อย่างดี มีเหงื่อเกาะพราวอยู่บนจมูกน้อยๆ ของนางและใบหน้าขาวเนียนแดงระเรื่อ ในดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ประโยคแรกที่นางพูดหลังจากที่พบซุนเฟยนั่นก็คือการให้ซุนเฟยรีบกลับไป
ยี่สิบนาทีก่อนหน้านี้ หลังจากที่แองเจล่ากลับมาจากการพาเจ็มม่าไปรักษาแผลที่ถูกตบ ก็พบหมวกเกราะถูกฟันขาดเป็สองส่วนในห้องโถง แล้วไหนจะอเล็กซานเดอร์ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีก มันทำให้นางรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
ในใจของสาวงามก็ตำหนิตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่น่าเลย นางไม่น่าปล่อยอเล็กซ์ซานเดอร์ให้อยู่ในห้องโถงตามลำพังเลย
นางและเจ็มม่าต่างพากันตามหาเขาทั่วพระราชวัง ทั้งไปตามหาตามสถานที่ที่อเล็กซ์ซานเดอร์ชอบไปบ่อยๆ แต่ก็ไม่พบ ตอนนั้นนางรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา ขณะที่กำลังสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนหลายคนะโว่า ‘องค์าาทรงพระเจริญ’ ดังมาจากกำแพงเมือง สาวงามไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและไม่สนคำพูดคัดค้านของเจ็มม่า ตลอดทางนางวิ่งเข้าสู่สนามรบโดยไม่หยุดพัก
โชคดีที่าได้สิ้นสุดไปแล้ว ในบรรดาเหล่าทหาร แองเจล่ากวาดสายตามองเพียงครั้งเดียวก็เห็นอเล็กซานเดอร์ที่สวมชุดเกราะยืนอยู่ตรงนั้น
“ท่านได้รับาเ็หรือ?” แองเจล่าเห็นรอยเืจากร่างของซุนเฟย
ซุนเฟยหัวเราะอย่างภูมิใจ เขาชี้นิ้วไปที่ศพของชายชุดดำอย่างหยิ่งผยอง “ของพวกมันทั้งหมด...เอ๊ะ เ้าอย่ามองนะ คนพวกนี้ตายอย่างอนาถไปหน่อย” เขารีบยกมือปิดตาแองเจล่า ไม่อยากให้สาวน้อยที่แสนบริสุทธิ์คนนี้มาเห็นฉากนองเืแบบนี้
การกระทำที่เรียบง่ายนี้ทำให้แองเจล่าใจเต้นแรงและหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ในตอนนั้นเอง
“อเล็กซานเดอร์ เ้าเป็เด็กหรือไง อายุใกล้จะสิบแปดแล้วแท้ๆ ทำไมไม่เลิกสร้างปัญหาให้พี่แองเจล่าสักทีนะ? วิ่งเล่นไปทั่วได้อย่างไร ที่นี่มันอันตรายมากขนาดไหนเ้าไม่รู้หรือไง? พี่แองเจล่าแทบจะร้องไห้อยู่แล้วนะ....”
สาวน้อยผมทองที่วิ่งเข้ามาจากด้านหลังด้วยอาการหอบๆ เมื่อเห็นหน้าซุนเฟยก็ไม่คิดถามถูกผิดและต่อว่าขึ้นมาเลย
เนื่องจากเมื่อก่อน อเล็กซานเดอร์เป็คนปัญญาอ่อน เจ็มม่าและแองเจล่าก็ดูแลเขาเหมือนน้องชายตัวเอง ดังนั้นในตอนที่เป็ห่วงขึ้นมา เจ็มม่าจะไม่สนใจสถานะองค์าาของอเล็กซ์ซานเดอร์และนางก็จะตำหนิออกมาตรงๆ
ซุนเฟยตัดสินใจจะหยอกล้อสาวน้อยน่ารักคนนี้
เขาแสร้งทำตัวโง่ๆ ทึ่มๆ พูดอย่างโอ้อวดว่า “ข้าไม่ได้วิ่งเล่นไปทั่วนะ...อเล็กซานเดอร์มาฆ่าศัตรูต่างหาก...ถ้าไม่เชื่อเ้าก็ดูสิ เห็นไหมว่าอเล็กซานเดอร์เก่งแค่ไหน ฆ่าศัตรูได้ตั้งเยอะ....”
สาวน้อยยิ่งโกรธหนักกว่าเดิม
“เ้ายังกล้าพูดอีกเหรอ ครั้งที่แล้วที่ถูกคนยิงธนูใส่ก็น่าอายพอแล้ว ตอนนี้ยังวิ่งมาก่อปัญหาอีก...ฆ่าศัตรู? แค่เ้าก่อเื่วุ่นวาย มันก็ดีมากแล้ว รีบกลับมาเดี๋ยวนี้นะ ถ้ายังซนอีกล่ะก็ จะให้พี่แองเจล่าตีก้นเ้า!”
ตีก้น?
ใบหน้าของซุนเฟยก็พลันทำหน้าประหลาดๆ ขึ้นมาทันที
หรือว่าเมื่อก่อนยามที่อเล็กซานเดอร์ไม่เชื่อฟัง แองเจล่าก็จะตีก้นเขางั้นเหรอ?
ในหัวของสัตว์ร้ายก็ปรากฏฉากวาบหวิวที่แองเจล่าสาวผู้อ่อนโยนและขี้อายใช้นิ้วเรียวยาวแสนนุ่มนิ่มฟาดมาที่ก้นของตน...โดยไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตนกำลังน้ำลายไหลออกมา
“เอาล่ะ รีบกลับกันเถอะอเล็กซานเดอร์ ที่นี่อันตรายมาก”
แองเจล่าเริ่มสงบจิตใจลงบ้างแล้ว นางดึงมือซุนเฟยเพื่อ้าพาเขากลับไปที่พระราชวัง ในใจก็คิดว่า ต้องรีบออกจากสถานที่นองเืนี้ให้เร็วที่สุด จะต้องไม่สร้างาแทางจิตใจให้กับอเล็กซ์ซานเดอร์ที่น่าสงสาร
“แองเจล่า ไม่!”
เป็ครั้งแรกที่ซุนเฟยปฏิเสธความหวังดีของสาวงาม
เขายื่นมือไปเกี่ยวผมสีดำที่ยุ่งเหยิงจากการวิ่งไปทัดที่หลังหูขาวๆ ของแองเจล่า การกระทำนี้ดูเป็ธรรมชาติ ไม่ได้แฝงความมักมากแต่อย่างใด
หลังจากทัดผมให้สาวงามแล้วก็กระซิบพูดว่า “แองเจล่า เ้าจำได้ไหม เป็เ้าที่บอกข้าเองว่าข้าเป็าาที่กล้าหาญคนหนึ่ง ตอนนี้ ข้าจะอยู่ที่นี่ด้วยกันกับเหล่าทหารของข้า จนกว่าจะขับไล่ศัตรูไปได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้