หนิงมู่ฉือมองโคมไฟกระดาษที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า มุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้ม ในแววตาเต็มไปด้วยความเศร้า ความเหงา และโดดเดี่ยว นางพึมพำเสียงเบา ขณะที่สายตาไม่ละไปจากโคมไฟกระดาษเ่าั้ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าอยู่ที่นี่สุขสบายดีมากเ้าค่ะ”
ผู้ดูแลห้องครัวเห็นท่าทางเช่นนั้น ในใจรู้สึกเ็ปตามไปด้วย นางตรงเข้าไปหาหนิงมู่ฉือ เอ่ยพร้อมกับยิ้ม “แม่นางหนิง ท่านอ๋องกำลังรอเ้าอยู่ ไปกันเถิด”
หนิงมู่ฉือพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว ยกอาหารที่ทำเสร็จเรียบร้อยไปวางไว้เบื้องหน้าท่านอ๋อง นางยิ้มพร้อมกับเอ่ยอย่างนอบน้อม “ท่านอ๋องเ้าคะ ฉือเอ๋อร์ทำอาหารหน้าตาน่าทานมากมายมาให้ท่านเ้าค่ะ”
ท่านอ๋องมีสีหน้าตื่นตะลึงเมื่อเห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ริมฝีปากจะยกเป็รอยยิ้ม พร้อมกับตบที่นั่งข้างตัว “นางหนูหนิง เ้ามานั่งนี้สิ มานั่งข้างๆ คุยเป็เพื่อนข้า”
นางมีท่าทีลังเล “ท่านอ๋อง ฉือเอ๋อร์มีฐานะเป็บ่าว ทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมเ้าค่ะ”
ท่านอ๋องมองอย่างไม่พอใจนัก “เ้านี่ ข้าบอกให้เ้ามานั่งนี่เ้าก็มาเถิด ในตำหนักของข้าไม่ได้เคร่งครัดกฎระเบียบมากมายนัก ข้าทานข้าวคนเดียวเหงายิ่งนัก ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีคนมาคุยเป็เพื่อนข้า มีคนมานั่งคุยเป็เพื่อน ข้าจะดีใจมากกว่า”
นางได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้ม นางไม่เกรงใจอีกต่อไป นั่งลงตรงข้ามกับท่านอ๋อง ท่านอ๋องยิ้มอย่างพอใจก่อนจะกวักมือเรียกผู้ดูแลห้องครัวให้มานั่งทานด้วยกัน หนิงมู่ฉือมองที่นั่งของจ้าวซีเหอที่ยังคงว่างอยู่พร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัย “ท่านอ๋อง ซื่อจื่อไปที่ใดหรือเ้าคะ เหตุใดถึงยังไม่กลับมา”
ท่านอ๋องมีสีหน้าดูไม่ดีนัก ทว่าเวลานี้เองที่เสียงของจ้าวซีเหอดังลอยมาแต่ไกล น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ข้าจะไปที่ใด แล้วเกี่ยวอันใดกับบ่าวอย่างเ้าด้วย”
จ้าวซีเหอจูงฉู่เมิ่งเอ๋อร์ในชุดเสื้อคลุมขนสัตว์สีแดงตัวใหญ่เดินเข้ามา ท่านอ๋องเห็นเช่นนั้นใบหน้าก็ฉายแววไม่พอใจ
หนิงมู่ฉือหันไปมอง ส่วนท่านอ๋องลุกขึ้นยืน ก่อนจะต่อว่าอย่างกรุ่นโกรธ “เหลวไหล!”
ประโยคนี้ทำให้ฉู่เมิ่งเอ๋อร์รู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก เนื่องจากฉู่เมิ่งเอ๋อร์ทาแป้งหนาเกินไป ท่านอ๋องถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดจมูก เอ่ยอย่างไม่ชอบใจว่า “แค่ทานข้าวตามประสาคนในครอบครัว เหตุใดจึงต้องแต่งตัวแต่งหน้าหนาราวกับอยู่ในหอนางโลมเช่นนี้”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์มีสีหน้าไม่ดีนัก ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยออกมา กลับเหลือบเห็นสัญญาณทางสายตาจากจ้าวซีเหอเสียก่อน นางจึงต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงท้อง ยิ้มพร้อมกับเอ่ยอย่างเอาใจ “ท่านอ๋อง เป็เมิ่งเอ๋อร์ที่เสียมารยาทแล้ว หากท่านอ๋องไม่ชอบ เมิ่งเอ๋อร์จะกลับไปล้างออกประเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”
“ไม่จำเป็” ท่านอ๋องเอ่ยจบก็ก้มมองอาหารฝีมือหนิงมู่ฉือ เขารู้สึกหิวขึ้นมาทันที จึงี้เีจะไปสนใจฉู่เมิ่งเอ๋อร์อีก
จ้าวซีเหอตักปีกไก่ชิ้นใหญ่ใส่ถ้วยให้ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ พร้อมกับเอ่ยอย่างอ่อนโยน “กินเยอะๆ อากาศหนาว ร่างกายจะได้อบอุ่น”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ส่งยิ้มตอบกลับไปให้จ้าวซีเหอ ก่อนจะหันไปมองหนิงมู่ฉือซึ่งมีสีหน้าหม่นหมอง นางส่งยิ้มอย่างถือดีไปให้
หนิงมู่ฉือรู้สึกเ็ปในใจยิ่งนัก ทว่านางก็กัดฟันทน ใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากคำหนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้ฉู่เมิ่งเอ๋อร์
ท่านอ๋องเอ่ยชมหนิงมู่ฉือออกมา “นางหนูหนิงนี่นับวันฝีมือการทำอาหารจะยิ่งดีขึ้น น่าเสียดายที่หลังจากนี้ข้าคงจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ทานอีกแล้ว”
หนิงมู่ฉือยิ้มพลางเอ่ย “หากท่านอ๋องอยากทาน บอกฉือเอ๋อร์ได้เลยเ้าค่ะ ฉือเอ๋อร์ต้อง…”
ทว่ายังไม่ทันได้พูดจบ จ้าวซีเหอชิงตัดบทขึ้นมาเสียก่อน “ท่านพ่อ ใต้หล้านี้มีแม่ครัวเยอะแยะ ไม่เห็นต้องไปง้อคนอย่างนางเลย”
หนิงมู่ฉือลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ฉือเอ๋อร์…” ท่านอ๋องรู้ดีว่าหนิงมู่ฉือ้าจะพูดอะไร จึงพยักหน้า เมื่อได้รับอนุญาตหนิงมู่ฉือก็วิ่งออกไปด้วยสีหน้าน้อยใจ
ท่านอ๋องลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงดังใส่บุตรชาย “เ้าลูกไม่รักดี วันสิ้นปีทั้งทีจะให้พ่อทานข้าวอย่างสงบหน่อยไม่ได้เชียวหรือ”
จ้าวซีเหอกรอกสุราลงท้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไป ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นรู้สึกประดักประเดิดยิ่ง
จ้าวซีเหอเดินออกมา ทันเห็นแผ่นหลังของหนิงมู่ฉืออยู่ไวๆ เขารู้สึกเสียใจไม่น้อยกับประโยคเมื่อครู่ของตัวเอง
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ที่รีบตามออกมาเห็นสายตาจ้าวซีเหอที่มองไปยังหนิงมู่ฉือ ในใจรู้สึกปวดร้าวขณะถอนหายใจออกมา
นางรู้สึกว่าจะปล่อยให้เื่มันเป็เช่นนี้ต่อไปอีกไม่ได้ จึงเดินเข้าไปหาจ้าวซีเหอ เอาแขนคล้องกับแขนของเขา พร้อมกับยื่นหน้าไปกระซิบข้างหู “ซื่อจื่อ เมิ่งเอ๋อร์หนาวเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว หันไปมองนาง ยื่นแขนไปกอดนางเอาไว้ พร้อมกับกระซิบข้างหู “หากเ้าหนาว เช่นนั้นก็ดื่มเป็เพื่อนข้า เพียงเท่านี้เ้าก็จะรู้สึกอบอุ่นแล้ว”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ยิ้มขณะจูงมือพาจ้าวซีเหอไปยังเรือนสวนไผ่ของนาง ในขณะเดียวกันก็สั่งให้ฉีอันไปน้ำสุราร้อยบุปผามา
หนิงมู่ฉือเหม่อมองโคมไฟกระดาษที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ขณะนั้นเองนางได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง “นางหนูหนิง เ้ากำลังคิดถึงครอบครัวอยู่หรือ”
นางรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ท่านอ๋อง “ฉือเอ๋อร์คารวะท่านอ๋องเ้าค่ะ”
ท่านอ๋องส่งโคมไฟกระดาษให้นางพร้อมกับยิ้มอย่างมีเมตตา “เมื่อครู่ข้าได้ยินผู้ดูแลกล่าวว่า เ้าชอบเหม่อลอยมองโคมไฟกระดาษเหล่านี้ ข้าจึงคิดขึ้นมาได้ว่าที่ตำหนักข้ามีเก็บไว้อันหนึ่ง พรุ่งนี้เ้าต้องไปจากที่นี่แล้ว ฉวยโอกาสนี้อธิษฐานเสียสิ พรุ่งนี้จะได้เจอแต่เื่ดีๆ”
นางยิ้มขอบคุณขณะรับโคมไฟกระดาษมา เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจต่อท่านอ๋อง “หลายเดือนมานี้ที่ฉือเอ๋อร์อยู่ที่ตำหนักนี้ ฉือเอ๋อร์ขอบคุณท่านอ๋องมากเ้าค่ะที่ดูแลฉือเอ๋อร์อย่างดี ฉือเอ๋อร์จะจดจำบุญคุณเหล่านี้ไว้ในใจไม่มีวันลืม”
“เด็กโง่ จวนแม่ทัพกับตำหนักอ๋องของของข้ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ข้าเคยเจอเ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแต่ตอนนั้นเ้ายังเล็กนัก ตอนนั้นข้ายังพูดกับบิดาเ้าอยู่เลยว่า รอเ้าโตเมื่อไรจะสู่ขอเ้ามาเป็ชายาซีเหอ” ท่านอ๋องพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
นางยิ้มอย่างทำอะไรไม่ถูก ทำได้แค่ก้มหน้า ไม่กล่าวตอบสิ่งใดเท่านั้น
ท่านอ๋องถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดต่อ “เพียงแต่ข้าไม่คิดเลยว่า… เฮ้อ เื่ทุกอย่างมักเปลี่ยนแปลงได้เสมอ”
นางลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มบางๆ ประกายตาสดใสให้ท่านอ๋อง “ท่านอ๋องปล่อยโคมกับฉือเอ๋อร์ดีกว่าเ้าค่ะ”
ท่านอ๋องพยักหน้า มองหนิงมู่ฉือจุดไฟแล้วค่อยๆ ปล่อยโคมกระดาษลอยขึ้นฟ้า หนิงมู่ฉือประสานมือเข้าด้วยกันพร้อมกับหลับตาอธิษฐาน
ท่านอ๋องยิ้มมองหนิงมู่ฉืออยู่เช่นนั้น ครั้นหนิงมู่ฉือลืมตาก็ส่งยิ้มกว้างให้ท่านอ๋อง “ท่านอ๋องเ้าคะ พรุ่งนี้ฉือเอ๋อร์ก็ต้องจากไปแล้ว ต่อจากนี้ขอให้ท่านดูแลตัวเองให้ดี”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้