อู่ซื่อเม้มปาก จ้องมองหลินฟู่อิน
ก่อนจะกล่าวกับหลี่ฮูหยิน “ตาเฒ่าที่บ้านข้ายังไม่กล่าวอะไร ข้าจะว่าอะไรได้? ซ้ำเ้าสามยังตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ ตอนจะแต่งเมียคนนี้ยังก่อเื่วุ่นวาย ยามนี้เกิดเื่ขึ้นย่อมจัดการได้ด้วยตนเอง”
“หมายความว่าพวกเ้าสกุลหลินจะไม่ทำอะไรเื่งานศพของฉู่ซื่อหรือ?” หลี่ฮูหยินถามด้วยอารามโมโหขึ้นมา
หากสกุลหลินไม่ยอมแตะต้องเื่นี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านย่อมต้องมาช่วยเหลือ ฤดูเก็บเกี่ยวใกล้เข้ามาแล้ว ผู้ใดจะไปมีเวลาเล่า?
“ฮึ!” อู่ซื่อแค่นเสียง “พวกเ้ามิได้ส่งคนไปตามหลินหยวนหรืออย่างไร?”
หลี่ฮูหยินเกรี้ยวกราดนัก “หลี่เจิ้งส่งคนหนุ่มขึ้นเขาไปตามหาแล้ว ทว่าอากาศร้อนขึ้นทุกวัน ก่อนจะเจอตัวเขา ร่างฉู่ซื่อคงเริ่มส่งกลิ่นเสียก่อน!”
“ก็เป็เื่ของมัน ใครขอให้มันขึ้นเขาล่าสัตว์ตอนเมียท้องแปดเดือนกว่าเล่า?” อู่ซื่อยังคงกล่าวด้วยท่าทีดื้อดึง
อู่ซื่อยังไม่ให้อภัยหลินหยวน ล้วนเป็ความผิดบุตรชายคนนี้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังตอนให้เขาแต่งกับญาติผู้น้องที่นางสู้อุตส่าห์จัดแจงเอาไว้ให้ ดื้อดึงจะแต่งฉู่ซื่อที่อายุสั้นผู้นี้
อู่ซื่อดูถูกฉู่ซื่อด้วยเหตุผลแค่นี้เอง กล่าวว่าอีกฝ่ายไม่เหมาะสม ไม่สามารถตัดใจเพื่อบุตรชายของนางได้
เพียงเื่นี้ก็ทำให้อู่ซื่อเกลียดชังบ้านสามมาแทบทั้งชีวิต ซ้ำเ้าสามยังไม่เคยเชื่อฟังนาง ไม่ยอมรับลูกชายของบ้านใหญ่เป็บุตรบุญธรรม
“ถูกต้อง เื่นี้ย่อมไม่เกี่ยวอะไรกับพวกข้าบ้านสกุลหลิน” ใบหน้าจ้าวซื่อเข้มจัด คิดแล้วนางก็ยิ่งแค้น “ป้าหลี่ หากท่านยังไม่เผาพวกปีศาจนั่นเสียเดี๋ยวนี้ นางต้องฆ่าทุกคนในหมู่บ้านจริงๆ แน่ ท่านจะรับผิดชอบไหวหรือ?”
ดวงตาหลินฟู่อินทอแววเ็าเมื่อได้ยินดังนี้
“ไม่ต้องนอกเื่ หากเ้ากล้าสั่งให้ใครเผาข้า ท่านพ่อข้าจะเป็คนแรกที่ตวัดมีดใส่เ้าเมื่อกลับมาถึง อย่าได้ทำร้ายผู้อื่นเลย รวมถึงตัวเ้าเองด้วย” หลินฟู่อินกล่าวเตือน แม้คนพวกนี้จะคิดว่านางเป็ดาวหายนะและอยากฆ่านางแค่ไหน แต่ฟู่อินก็ไม่ได้หวาดกลัวหรือประหม่าเลยสักนิด
ดวงตาของนางทั้งกระจ่างใสและเ็า เต็มไปด้วยร่องรอยเหยียดหยันจนใจจ้าวซื่อกระตุก
นางไม่เคยรู้เลยว่าหลินฟู่อินที่ฉู่ซื่อคนนั้นเลี้ยงมาเป็กุลสตรีจะหัวไวทั้งยังวางตัวได้มีอำนาจอย่างอธิบายไม่ถูกขนาดนี้
ไม่เพียงจ้าวซื่อเท่านั้น สตรีในหมู่บ้านคนอื่นๆ รวมไปถึงหลี่ฮูหยินต่างก็มองนางด้วยความประหลาดใจ
ทุกคนต่างก็คิดเช่นเดียวกัน “เด็กคนนี้ได้ฉู่ซื่อสั่งสอนมาดีจริงๆ ฉู่ซื่อรู้หนังสือ ใส่ใจเื่มารยาทและการวางตัว…จึงสอนลูกสาวออกมาแตกต่างจากลูกสาวชาวบ้านคนอื่นๆ …”
หากเป็เด็กสาวชาวบ้านทั่วไปเจอเื่เช่นนี้คงมิอาจใช้ตรรกะมาสนทนากับผู้าุโได้แล้ว คงได้แต่สับสนไปหมด!
จ้าวซื่อมองหลินฟู่อินด้วยใจริษยาเล็กน้อย ราวกับเป็ครั้งแรกที่ได้พบตัวตนของอีกฝ่ายหนึ่ง
เด็กนี่เก่งกาจนัก ลูกสาวโง่ๆ สองคนของนางต่อให้ขี่ม้าก็ไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทัน
คนไม่ใช่เด็กสาวชาวบ้านทั่วไป หากผู้อื่นมาเห็นคงได้คิดว่าอีกฝ่ายเป็คุณหนูจากครอบครัวร่ำรวยที่ใดเข้า!
นางคิดจะให้อีกฝ่ายมาเป็ลูกสะใภ้ ‘หากมาเป็เ้าสาวให้ลูกชายข้าไม่ได้ก็ต้องถูกทำลายเสีย!”
หาไม่แล้วนางเกรงว่ายามที่พวกลูกๆ สารเลวของฉู่ซื่อเติบโตขึ้นมาและมีพี่สาวเก่งกาจเช่นนี้ ลูกชายคนที่สามของบ้านใหญ่คงมิได้ลิ้มลองความร่ำรวยของบ้านสามแล้ว
นางไม่เคยคิดให้ลูกชายของคนที่สามของตนเองได้เรียนรู้งานเรือนสวนไร่นาง ไม่เคยคิดให้เขาได้เรียนเขียนอ่าน ยามนี้อีกฝ่ายโตแล้ว จะเอาตัวรอดได้อย่างไรหากมิได้สืบทอดทรัพย์สินของบ้านสาม?
ยิ่งคิด จ้าวซื่อยิ่งแน่วแน่ว่าจะต้องกำจัดหลินฟู่อินและน้องๆ ให้ได้
ทว่าเ้าหน้าที่ทางการประจำหมู่บ้านกลับมิกล้าผลีผลามเพราะฉู่ซื่อตายเสียแล้ว จ้าวซื่อเองก็ไม่มีแผนการณ์อื่น
แต่ไม่มีปัญหาแน่ นางยังขอให้นักทำนายจ้าวมาช่วยได้…
“ป้าหลี่ ในเมื่อบ้านใหญ่ไม่คิดจะจัดงานศพให้ท่านแม่ข้า เช่นนั้นข้าจะทำเอง แต่ช่วยบอกท่านเ้าหน้าที่หลี่ช่วยเหลือฟู่อินจัดการเื่นี้ด้วย ฟู่อินจะนับเป็พระคุณ!”
หลินฟู่อินไม่คิดหวังว่าบ้านใหญ่จะจัดงานศพให้ฉู่ซื่อ ดังนั้นจึงไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวหรือแตกตื่นแม้แต่น้อยยามมองหลี่ฮูหยินด้วยสายตาหนักแน่น
หลี่ฮูหยินตะลึงไปอีกครั้ง มองหลินฟู่อินที่สงบนิ่งเกินไปด้วยความประหลาดใจ
กระทั่งสตรีวัยกลางคนที่ค่อนข้างมีความรู้หลายๆ คนก็ยังไม่กล้ากล่าวว่าจะเป็ผู้จัดงานศพเอง
“ฟู่อิน…” ซ่งซื่อแม่ต้ายาดูเหมือนจะรู้สึกะเืใจขึ้นมา ทั้งยังเป็ห่วงเป็ใย “จัดงานศพไม่ใช่เื่ง่าย เ้ายังเป็เด็ก จะทำได้อย่างไร?”
หลินฟู่อินรู้ว่าซ่งซื่อเป็ห่วงตนเอง จึงได้มองซ่งซื่อด้วยความจริงใจ “ท่านป้า ข้าทำได้เ้าค่ะ”
“ข้าทำได้” สามคำนี้ทำให้ทุกคนต่างประทับใจ เว้นแต่อู่ซื่อจ้าวซื่อสองคนนี้เท่านั้น
ต่อให้เด็กคนนี้เกิดเป็ดาวหายนะจริง แต่ก็เป็ลูกสาวที่กตัญญูยิ่งนัก!
ความกตัญญูเป็คุณธรรมที่สำคัญที่สุดในต้าเว่ย ทำให้ทุกคนเริ่มสนับสนุนหลินฟู่อิน
“ข้าจะคุยเื่นี้กับหลี่เจิ้ง” หลี่ฮูหยินคิดๆ ดูก็พูดออกมา
หลินฟู่อินพยักหน้ายินดี ก่อนจะโค้งกายต่ำ “เื่นี้ต้องฝากท่านและท่านลุงหลี่เจิ้งแล้วเ้าค่ะ”
หลี่ซื่อถอนใจแล้วจากไป
เ้าหน้าที่หลี่เชิญสกุลหลินไปยังส่วนกลาง พอฟังสิ่งที่หลี่ฮูหยินบอกกล่าวแล้วก็นิ่วหน้าครุ่นคิด ในเมื่อสกุลหลินไม่คิดช่วย อากาศไม่รอใคร เขาก็ตกลงให้หลินฟู่อินจัดงานศพมารดาเอง
แต่เขารังเกียจบ้านสกุลหลินขึ้นมาจริงๆ
การทะเลาะโกรธเคืองกันก็นับเป็เื่หนึ่ง ตอนนี้เื่ผู้ตายสำคัญกว่า!
นิสัยบ้านสกุลหลินต่ำช้าเกินไปแล้ว!
หลินฟู่อินขอให้จูซื่อ แม่ของต้ายาให้เชิญหญิงสูงอายุมาช่วยเก็บข้าวของของผู้เป็แม่ จากนั้นนางก็ออกจากบ้านเพื่อเข้าพบหลี่เจิ้ง
เ้าหน้าที่หลี่ผู้นี้อายุราวสี่สิบกว่าแต่ยังดูกะปรี้กระเปร่า ดวงตาทอประกายเฉลียวฉลาดเหมือนพ่อค้า
เมื่อหลี่เจิ้งออกมาต้อนรับหลินฟู่อินก็ประทับใจ เด็กคนนี้เป็เหมือนข่าวลือจริงๆ ได้ฉู่ซื่อเลี้ยงดูมาเป็อย่างดี
ไม่เพียงจะหน้าตาดี แต่ทั้งการพูดจาและการวางตัวก็แตกต่างจากเด็กสาวชาวบ้านคนอื่นๆ ความกล้าหาญของนางทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ จนอดมิได้ให้สงสัยขึ้นมาว่าเด็กเช่นนี้น่ะหรือจะเป็ “ดาวหายนะ” ได้จริงๆ หรือ?
แต่เขาเองก็ทราบว่าเมื่อสิบสามปีก่อนมีเด็กสาวคนหนึ่งคลอดก่อนกำหนดในวันที่มีฝนดาวตก…หมอตำแยและผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านล้วนแต่ทราบเื่นี้ทั้งสิ้น
ซ้ำจ้าวซื่อยังกล่าวว่านักทำนายจ้าวจากหมู่บ้านสกุลจ้าวที่นางจากมาได้ทำนายเอาไว้แล้วว่านางจะพบชีวิตยากลำบากทั้งยังเป็ดาวหายนะรุนแรง
เขามิกล้านำชีวิตชาวบ้านทุกคนมาเดิมพัน…
“ท่านลุงหลี่?” หลินฟู่อินเรียน
“วางใจเถอะ” หลี่เจิ้งกล่าวเสียงนุ่ม ไม่อาจทำตัวหยาบคายใส่เด็กที่พูดจาแสนสุภาพกับตนเองได้ “ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เ้าคิดจะจัดการงานศพท่านแม่อย่างไรหรือ?”
ไม่รอให้ฟู่อินพูดอะไร เขาก็กล่าวต่อ “ที่ข้า้าจะบอกเ้าก็คือมารดาเ้าตายั้แ่ยังสาวทั้งยังตายตอนคลอด งานไว้อาลัยนี้ไม่ดีเลย เป็งานอัปมงคล ต่อให้มิใช่เพราะอากาศร้อนก็มิอาจทิ้งศพเอาไว้นานนัก ยิ่งจัดงานได้เร็วก็ยิ่งดี”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้