บทที่ 44 ศัตรูของหม่าทงเทียน
“นี่มัน...” สายตาของเถ้าแก่มองไปยังเหรียญซิงเหินที่เปล่งประกายสีฟ้าอยู่บนโต๊ะ พลางถูมือไปมาและกล่าวตอบว่า “ข้าจะรับไว้เช่นนี้ได้อย่างไรกันขอรับ”
“ในเมื่อยังตกลงกันไม่เรียบร้อย เช่นนั้นก็ไม่ถือว่าเถ้าแก่ผิดคำพูดมิใช่หรือ ราคาบอกไว้ชัดแล้วก็จริง แต่ถ้าหากมีคนเสนอราคามากกว่านั้น จะมีเหตุผลใดให้ปฏิเสธกันเล่า? ผู้ที่ให้ราคาสูงกว่าก็ได้ไป ท่านคิดเห็นเช่นไรหรือศิษย์พี่หม่า!” ลั่วถูมองไปยังหม่าทงเทียนด้วยหางตาแล้วจึงถามกลับอย่างท้าทาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องลั่ว เ้าโตขึ้นมากทีเดียว กลับมาจากสนามรบครั้งนี้ก็กลายเป็คนใจกว้างไปเสียแล้ว เพียงครู่เดียวถึงขนาดยอมจ่ายถึงยี่สิบเหรียญฟ้า ทว่าหนนี้ศิษย์พี่อารมณ์ดี ข้าขอจ่ายยี่สิบห้าเหรียญฟ้าแล้วกัน... ” ท่าทางหม่าทงเทียนก็สนใจร่วมาประสาทกับลั่วถูเช่นกัน ถึงการต้องจ่ายเหรียญฟ้าซิงเหินจะทำให้เขาไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง แต่เขาจะยอมแพ้ให้ขยะอย่างนี้ได้อย่างไร ว่าก็ว่าเถอะ ครั้งนี้เขาได้รางวัลมาจากแม่ทัพใหญ่มามากโข และคาดว่าอีกไม่นานทางสำนักคงตกรางวัลให้อีกไม่น้อย พอคิดได้เช่นนี้ เขาก็ไม่ห่วงอะไรอีก กล่าวไปพลางเขาก็โยนเหรียญฟ้าอีกหลายเหรียญไปยังกองของเขา รวมแล้วเป็ยี่สิบห้าเหรียญพอดี
“หึ...” ใบหน้าของลั่วถูแดงก่ำ ควักถุงเงินออกมาอีกหลายถุง ซ้ำยังควักเหรียญออกมาจากแต่ละถุง ถุงละเหรียญสองเหรียญอีกต่างหาก นับดูทั้งหมดแล้วก็มีเหรียญฟ้าสิบเหรียญพอดี
“ข้าให้สามสิบเหรียญ ศิษย์พี่หม่าเ้าเก็บเงินของเ้าไปเสียเถอะ อย่ารบกวนธุรกิจของเถ้าแก่อีกเลย!” ลั่วถูหน้าแดงก่ำ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยแสนเยือกเย็น ดูท่าคงอับอายจนโมโหเพราะหม่าทงเทียนขึ้นมาแล้ว
สีหน้าของหม่าทงเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดิมทีเมื่อเห็นว่าลั่วถูยังล้วงกระเป๋าไม่หยุด เขากับคนข้างกายสองสามคนก็หัวเราะ “ฮ่าฮ่า” เสียงดัง ทว่าพอได้ยินลั่วถูกล่าวออกไปเช่นนี้ สีหน้าพลันหมองลง
“ศิษย์น้องลั่วยังมีนิสัยเช่นเดิม แต่ศิษย์พี่อย่างข้าก็มีนิสัยไม่ยอมใครเช่นกัน ในเมื่อถูกใจโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ข้าไม่ยอมยกให้คนอื่นแน่ ข้าให้สี่สิบเหรียญฟ้า ไม่รู้ว่าศิษย์น้องลั่วยังจะยังมีปัญญาจ่ายได้อีกหรือไม่”
“คุณชายขอรับ ทำเช่นนี้ไม่ค่อยดีกระมัง หากเป็เช่นนี้ข้าน้อยคงเอาเปรียบท่านเกินไป ข้าว่าแท้จริงแล้วคุณชายคงอยู่เพียงไม่กี่ห้อง ทำไมไม่แบ่งสองห้องให้สหายท่านนี้พักเสียหน่อย ส่วนเื่ราคาพวกเราค่อยตกลงกันอีกที... ” เถ้าแก่กล่าวออกมา
“คำพูดของเถ้าแก่ไม่ค่อยถูกต้องนัก เมื่อครู่ข้ากับศิษย์น้องท่านนี้ได้ตกลงกันแล้ว ถึงมีราคาชัดเจน แต่ถ้ามีคนยอมจ่ายมากกว่าก็ได้ไป เช่นนี้ถึงจะเรียกว่าทำธุรกิจไม่ใช่หรือ หากต้องใช้ของร่วมกับคนอื่นข้าไม่สู้คุ้นชินนัก เช่นนั้นแล้วห้องพักที่เหลือข้าขอเหมาหมด ถ้าไม่มีปัญหา เ้าก็เก็บเงินได้เลย นี่คือค่าห้องพักหนึ่งคืน” หม่าทงเทียนควักเงินออกมาอีกสิบเหรียญฟ้า ในใจเริ่มรู้สึกเ็ปเล็กน้อย ทว่าใบหน้ายังคงไว้ซึ่งความหยิ่งผยอง กับแค่ขยะชิ้นหนึ่ง เขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร อีกทั้งข้างกายเขายังมีสหายอีกหลายคน และสาวงามอีกนางหนึ่ง... ครั้งนี้เขาจะเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด
“ศิษย์พี่ช่างร่ำรวยนัก หลิงเอ๋อร์ชอบคนที่เป็วีรบุรุษเช่นศิษย์พี่ที่สุด... ไม่เหมือนกับบางคน เป็แค่คนจนไม่เอาไหนกลับทำทียกตนข่มท่าน เอาแต่อวดร่ำอวดรวย” สาวงามของหม่าทงเทียนก็เปิดปากพูดเช่นกัน ทำเอาหม่าทงเทียนอารมณ์ดีขึ้นมาก เขารู้สึกว่าสี่สิบเหรียญฟ้าที่จ่ายไปนี้คุ้มค่าแล้ว
“เ้าเด็กน้อย ถ้ารู้เื่แล้วก็ไสหัวไปเสีย โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่มีห้องเหลือให้เ้าแล้ว” ศิษย์าที่อยู่ข้างกายหม่าทงเทียนคนหนึ่งมองลั่วถูด้วยสายตาดูถูก เป็แค่คนที่ยังไม่แม้แต่เปิดิญญา กลับกล้าอวดดีแข่งความร่ำรวยกับหม่าทงเทียนเสียได้
“ก็ดี เช่นนั้นข้าขออวยพรล่วงหน้าให้คืนนี้ศิษย์พี่หม่าพักอย่างสุขสบาย ห้องพักทั้งหมดนี้เป็ของเ้าแล้ว!” ลั่วถูโกยเหรียญฟ้าสามสิบเหรียญลงถุงเงินของตน พลางกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณชายหม่า ท่านเป็แขกผู้ทรงเกียรติของโรงเตี๊ยมเราแล้ว ห้องพักที่เหลือทั้งหมดห้าสิบหกห้องเป็ของท่านเพียงผู้เดียว นี่คือหมายเลขห้องพักที่ยังว่างทั้งหมด ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้ใครเช่าอีกแม้แต่ห้องเดียว!” ใบหน้าอ้วนท้วนของเถ้าแก่ปรากฏรอยยิ้มขึ้นจนดวงตาทั้งสองข้างกลายเป็กลายเป็เส้นตรง
“เช่นนั้นก็ดี!” หม่าทงเทียนสูดลมหายใจเข้า รับเลขห้องมาดู และกล่าวกับคนข้างกายว่า “พี่หลิ่ว ท่านให้สหายทั้งหลายเลือกได้เลย อยากพักห้องไหนก็ตามสะดวก ศิษย์น้องหลิงเอ๋อร์ก็เช่นกัน แต่หากเ้าจะเลือกอยู่ห้องเดียวกับข้าก็ย่อมได้... ” กล่าวไปพลาง ใบหน้าของหม่าทงเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มเ้าเล่ห์ไปด้วย ไม่สนใจลั่วถูที่ยังอยู่ไม่ไกลสักนิด
“อะไรอีก เ้ายังไม่ไสหัวไปอีกหรือ? ที่นี่ไม่มีห้องเหลือแล้ว!” เมื่อเห็นว่าลั่วถูยังคงมองมาที่เขาด้วยสายตาเหยียดหยาม หม่าทงเทียนก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที จนอดด่าออกไปไม่ได้
“ทำไมหรือ ศิษย์พี่หม่าเพียงเหมาห้องที่เหลือห้าสิบหกห้อง ไม่ได้เป็เ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้เสียหน่อย เ้าไม่มีสิทธิ์ไล่แขกของโรงเตี๊ยมกระมัง?” ลั่วถูถามกลับไปด้วยความกังขา บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มหยอกล้อ นี่เป็รอยยิ้มที่หม่าทงเทียนเกลียดที่สุด
“เ้า... ” หม่าทงเทียนโกรธมาก ศิษย์าข้างกายของเขาล้วนก้าวออกมาพร้อมลงมือกับลั่วถูในทันที ทว่าเพียงเริ่มขยับตัวเท่านั้น แรงกดดันมหาศาลพลันกดทับพวกเขาเอาไว้ในทันที
หม่าทงเทียนกับคนเ่าั้ได้แต่ตกตะลึง มองไปยังใบหน้าอ้วนท้วนของเถ้าแก่ ความใผุดขึ้นในใจอย่างไม่อาจบรรยาย เพราะเขาพบแท้จริงแล้วว่าเถ้าแก่ผู้นี้เป็ยอดฝีมือที่หลบซ่อนตัวคนหนึ่ง อาศัยเพียงคาดการณ์จากพลังลมปราณ เกรงว่าอย่างน้อยคงไม่ต่ำกว่าศิษย์าขั้นหกแน่นอน ถึงพวกเขาจะมีพร์ไม่ใช่เล่น ซ้ำยังมาจากสำนักตูหลิง ทว่าหลิ่วฉิงคงที่แข็งแกร่งที่สุดก็เพิ่งทะลวงขั้นสี่เท่านั้น อีกทั้งยังเป็การเลื่อนระดับกลางสนามรบในครั้งนี้ด้วย ยังไม่ทันได้ปรับลมปราณเสียด้วยซ้ำ และเพราะเหตุนี้ ถึงได้กลับไปที่สำนักตูหลิงก่อน เพื่อปรับลมปราณให้มั่นคง หวังเข้าร่วมชิงชัยในการทดสอบเพื่อเข้าสู่สำนักระดับกลางครั้งนี้
“คุณชายทั้งหลายล้วนเป็แขก ได้โปรดเห็นแก่หน้าของตาเฒ่าผู้นี้ด้วยเถิด อย่าเพิ่งลงมือกันในโรงเตี๊ยมแห่งนี้เลย การทำลายข้าวของเป็เื่ไม่ดี ทำให้แขกคนอื่นใ รังแต่จะทำให้ชื่อเสียงของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ต้องเสื่อมเสียไม่ใช่หรือ?” เถ้าแก่หน้าอ้วนกล่าวไปพลางยิ้มไปพลาง วางท่าทีราวกับว่าลมปราณเมื่อครู่ไม่ใช่ของเขาอย่างนั้น
เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่งกลับมีวิชาจนเป็ถึงศิษย์าขั้นหก ตัวตนที่แท้จริงของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่ หรือก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่ใช่โรงเตี๊ยมธรรมดาสามัญเสียแล้ว หากเป็แค่ศิษย์าขั้นหกคนเดียว ตระกูลหม่าของเขาไม่สู้ใส่ใจนักอยู่แล้ว ทว่าหากเื้ัของศิษย์าขั้นหกยังมีเงาของมหาอำนาจอื่นหนุนหลังอยู่ บิดาของเขาไม่มีทางล่วงเกินอำนาจที่ไม่รู้จักเพียงเพื่อความหุนหันพลันแล่นของเขาแน่นอน
“เ้าเด็กน้อย ่นี้ระวังให้ดีเสียเถอะ เส้นทางกลับสู่สำนักจ๋าเสวียครั้งนี้ไม่ราบรื่นแน่... ” ใบหน้าของหลิ่วฉิงผุดสีหน้าหยอกล้อขึ้นมา เื่ที่เขาร่วมทางกับหม่าทงเทียน ก็ใช่ว่าตระกูลหลิ่วไม่คิดเอาใจตระกูลหม่าเสียเท่าไรนัก เพราะบิดาของหม่าทงเทียนเรียกได้ว่าเป็ปรมาจารย์ด้านอาคม ธุรกิจจานอาคมมากมายที่พวกเขามี ตระกูลหลิ่วเองคิดอยากรับมาขยายกิจการของตนบ้าง
“โอ้ มิน่าเล่าศิษย์พี่หม่าถึงเชิญพวกคนไม่ได้เื่มาเป็ผู้คุ้มกันเสียมากมาย เดิมทีทางกลับสำนักจ๋าเสวียก็ไม่สู้ปลอดภัยนักอยู่แล้ว เพียงแต่หากศิษย์พี่หม่าจะเชิญคนคุ้มกันเหตุใดถึงไม่เชิญคนที่ระดับสูงหน่อยเล่า อย่างไรเสียข้าก็เป็ศิษย์น้องของท่าน ท่านดูเอาเถิดว่าคนคุ้มกันพวกนี้คิดจะทำอะไรกับศิษย์น้องของท่าน เื่เช่นนี้มีแต่จะทำให้ท่านเสียหน้ามิใช่หรอกหรือ?” ลั่วถูยิ้มอย่างดูถูก พลางโต้กลับอย่างหน้าสงบนิ่ง ทำเอาสีหน้าของหลิ่วฉิงคงแดงก่ำราวกับเืหมูอย่างไรอย่างนั้น ส่วนทางด้านหม่าทงเทียนก็ได้แต่อึ้งไปเช่นกัน เขาถึงกับหมดคำพูดไปชั่วเวลาหนึ่งเลยทีเดียว
“ข้าว่าศิษย์น้องลั่วเข้าใจผิดแล้ว พี่หลิ่วเป็สหายของข้า เป็ถึงอัจฉริยะของสำนักตูหลิง ไม่ใช่พวกคนคุ้มกันของสำนัก ทางที่ดีศิษย์น้องรีบขอโทษเขาเสียดีกว่า ไม่เช่นนั้นหากเกิดเื่ขึ้น เกรงว่ากระทั่งศิษย์พี่อย่างข้าก็คงช่วยเ้าไม่ได้”
“สำนักตูหลิงหรือ? ได้ยินว่าศิษย์ที่นั่นยากจนใช้ได้ ศิษย์มากมายยังต้องรับภารกิจสำนักจ๋าเสวียของพวกข้าเสียด้วยซ้ำ พวกที่รับภารกิจเป็คนคุ้มกันก็ไม่ใช่ไม่มี จะว่าไปข้าก็ไม่ได้พูดผิดนะ... ” ลั่วถูทำสีหน้าเข้าใจพลางกล่าวกับตัวเองอย่างมั่นใจ การแสดงออกเช่นนั้นแทบทำให้หลิ่วฉิงคงโมโหเกือบกระอักเืออกมาแล้ว ส่วนเซวี่ยหลิงเอ๋อร์ สาวงามข้างกายก็อ้าปากค้าง ราวกับได้เห็นอีกมุมหนึ่งของศิษย์แห่งสำนักจ๋าเสวียผู้แกล้งโง่อยู่ต่อหน้านาง
ถึงแม้เื่ที่ศิษย์มากมายของสำนักตูหลิงรับภารกิจจากสำนักจ๋าเสวียจะเป็เื่จริง เช่นภารกิจเก็บวัตถุดิบยา ล่าสัตว์อสูร ยังต้องมีเหล่าคุ้มกันศิษย์สำนักจ๋าเสวียออกไปเก็บพวกสมุนไพรพิเศษในที่อันตรายอยู่ดี ทว่ากลับไม่มีใครกล้ากล่าวถึงเื่เช่นนี้ออกมาตรงๆ แม้ศิษย์ของสำนักตูหลิงจะไม่ได้ร่ำรวยนัก แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือคนของตระกูลหลิ่ว ที่มีฐานะเทียบเท่ากับหม่าทงเทียน อย่างไรเสียก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินแน่นอน แต่สิ่งที่ลั่วถูกล่าวมานั่นคือสถานการณ์โดยทั่วไปของศิษย์ทั้งสองสำนัก ทำให้หลิ่วฉิงคงหมดคำจะเถียง ทำได้เพียงรู้สึกคับแค้นอยู่ในใจ ทว่าลมปราณของเถ้าแก่อ้วนที่อยู่ด้านข้างก็กดดันเสียเขาจนไม่อาจลงมือได้ ไม่เช่นนั้นเพียงหมัดเดียวก็ทำให้ศีรษะของศิษย์สำนักจ๋าเสวียน่ารังเกียจตรงหน้าะเิเละได้แน่
“พอกันที ถึงพวกเ้าทั้งหลายจะเป็ศิษย์ของสำนักตูหลิง แต่ก็ยังเป็ศิษย์ของหกสำนักเทียนตูเช่นกัน อย่าได้ใช้สายตาเช่นนั้นมองข้าอีก ถ้ายังกล้าใช้สายตาเช่นนั้นมองข้าอีก หลังจากนี้ภารกิจที่สำนักข้าเป็ผู้จ้างวาน จะปฏิเสธไม่ให้พวกเ้ารับเสีย ทำให้เ้าไม่มีแม้แต่โอกาสจะหาเงินด้วยซ้ำ พวกเ้าอย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน... ”
“บ้าเอ๊ย ข้าโมโหจะตายอยู่แล้ว... เ้าหมอนี่ ข้าคุณชายคือหลิ่วฉิงคงจากตระกูลหลิ่วแห่งตันหยาง เหรียญซิงเหินของเ้าสองเหรียญ ยังเทียบกับเงินเดือนทุกเดือนของข้าผู้แซ่หลิ่วไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่าบังอาจเอาแค่เศษเงินพวกนี้มาทำอวดเบ่งนักเลย...” ในที่สุดหลิ่วฉิงคงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ถึงจะไม่ได้ลงมือ ได้แต่ะโส่วนไปอย่างเกรี้ยวกราด
“อื้ม อื้ม... ” ลั่วถูตอบรับไปสองสามคำ แต่กลับโบกมือเป็เชิงปฏิเสธอย่างเรียบเฉย “ที่เ้ามีเงินก็เป็เพราะผู้าุโในตระกูลเ้าหามาไม่ใช่หรือ ใช่ว่าเ้าหามาเองเสียหน่อย แกล้งทำเป็ร่ำรวยอยู่ได้ ถ้าเ้าผลาญเงินที่หามาเองมากขนาดนี้เมื่อไร ข้าถึงจะยอมรับ”
หลิ่วฉิงคงแทบไม่เหลือแววตาหยามเหยียดอีกต่อไป เขาเป็ถึงศิษย์าขั้นสี่ มีหรือจะเคยโดนดูถูกถึงขั้นนี้ ทว่าเขากลับเถียงไม่ออก เ้าเด็กตรงหน้าแม้จะดูเบาปัญญา ทว่าวาจากลับเชือดเฉือนยิ่งนัก คำพูดคำจาแทงใจดำอย่างร้ายกาจ...
“พอแล้ว ต่อปากต่อคำกับพวกเสเพลอย่างเ้าไปก็เปลืองน้ำลายข้าเปล่าๆ ข้าจะบอกอะไรพวกเ้าอย่าง ศิษย์พี่หม่าก็ด้วย หัดเรียนรู้เสียบ้างเถอะ วันนี้ข้าจะพักอยู่ที่นี่แน่นอน พวกเ้าเชื่อหรือไม่?” สีหน้าลั่วถูเปลี่ยนไป กลายเป็ส่งยิ้มหยอกล้อให้กับหม่าทงเทียนแทน
“เ้าเด็กน้อย ที่นี่ไม่มีห้องว่างแล้ว เ้าควรพอได้แล้วกระมัง!” ศิษย์สำนักตูหลิงคนหนึ่งกล่าวอย่างดูถูก
“ช่างโง่เขลานัก ข้าล่ะไม่รู้เลยว่าเ้าเข้าสำนักตูหลิงได้อย่างไร แต่มิน่าล่ะสำนักตูหลิงถึงได้ยากจนเช่นนี้ ลูกศิษย์ยิ่งจนเสียยิ่งกว่าอีกจน ก็เป็เพราะสมองใช้ไม่ค่อยได้ ไม่รู้จักพลิกแพลงเอาเสียบ้าง”
ศิษย์ทั้งหลายของสำนักตูหลิงโมโหจนแทบขาดสติ ไม่รู้ว่าลั่วถูไปเอาความกล้ามาจากไหน สีหน้าของหม่าทงเทียนย่ำแย่เสียจนดูไม่ได้ เซวี่ยหลิงเอ๋อร์เองก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก ลั่วถูที่อยู่ตรงหน้าถึงจะดูคล้ายยังไม่เปิดิญญา แต่ความหยิ่งทะนงบนร่างกลับชวนให้รู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามยังมีวิธีเข้าพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้อยู่ดี นางเองก็พลอยสงสัยเช่นกันว่าลั่วถูจะใช้วิธีแบบไหนกันแน่!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้