ซูเฟยได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเปลี่ยนเป็ซีดขาว ลอบมองเฉินอวี้ผาดหนึ่ง ก่อนจะพบว่าบิดากำลังถลึงตามองมาที่นางเช่นกัน นางจึงรีบก้มหน้าลงโดยพลัน “ท่านอ๋อง ข้าแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ”
ท่านอ๋องมีสีหน้าไม่ดีนัก ด้านจ้าวซีเหอมุมปากยกเป็รอยยิ้มดูแคลน “ความเลอะเลือนของพระสนมซูเฟยเกือบทำให้คนที่ไม่รู้เื่ราวอะไรด้วยต้องมาตาย แต่เผอิญว่าหนิงมู่ฉือเป็สาวใช้ข้างห้องของกระหม่อม เช่นนั้นพระองค์ก็ต้องให้คำอธิบายแก่ตำหนักอ๋องของกระหม่อมสักหน่อย”
“คือ…” ซูเฟยก้มหน้าอย่างหงุดหงิดที่ไม่อาจทำอะไรได้ ต่อมาไม่นานนางได้ยินเสียงขันทีน้อยเข้ามารายงานว่า “หัวหน้าศาลต้าหลี่เมิ่งเคอขอเข้าเฝ้าพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวซีเหอได้ยิน มุมปากยกขึ้นรอยยิ้มบางๆ
ในใจซูเฟยราวกับมีคลื่นลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นก็มิปาน ขณะมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่กำลังเดินเข้ามาภายในตำหนัก ใจนางเต้นแรง ทั้งยังหอบหายใจแรงขึ้นอีกด้วย
“ถวายบังคมฝ่าา คารวะท่านอ๋อง อัครมหาเสนาบดีขอรับ” เมิ่งเคอในชุดขุนนางสีดำหน้าตาจริงจังเอาการเอางานถวายความเคารพ ที่สะดุดตาทุกคนที่สุดคือเศษกระเบื้องสีขาวที่อยู่ในมือ
ครั้นซูเฟยเห็นเศษกระเบื้องสีขาว รีบคว้าแขนผู้เป็บิดาเอาไว้ทันควัน มองหน้าผู้เป็บิดาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
อัครมหาเสนาบดีถอนหายใจขณะมองตอบบุตรสาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินไม่แม้แต่จะหันไปมองซูเฟย ตรัสถามออกมา “เจอเบาะแสใดจากเศษแก้วใบนี้หรือไม่”
เมิ่งเคอยื่นเศษแก้วไปเบื้องหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน พร้อมกับคุกเข่าลง “ทูลฝ่าา เศษแก้วใบนี้มีรอยชาดทาปากของพระสนมอยู่ ทั้งบนแก้วยังมีเศษสีดำของยาพิษติดอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
ซูเฟยได้ยินเช่นนั้นตัวพลันอ่อนไร้เรี่ยวแรงทันที นางยื่นมือไปจับชายแขนเสื้อของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเอาไว้ “ฝ่าา พระองค์ทรงเห็นแล้วใช่หรือไม่เพคะว่ามีคนคิดจะทำร้ายหม่อมฉัน!”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมองซูเฟยอย่างรังเกียจ พร้อมกับพูดเหน็บแนม “เช่นนั้นสนมรักบอกเราได้หรือไม่ว่า ชุนเถาตายเพราะสาเหตุใด!”
ซูเฟยมองศพของชุนเถาที่ถูกนำตัวเข้ามาในตำหนัก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเล็บ ศพอยู่ในสภาพน่าอนาจ ไม่มีส่วนไหนที่อยู่ในสภาพดี เล็บก็หลุด แลดูน่ากลัวยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าถูกทุบตีจนตาย
ศพถูกนำไปถ่วงน้ำจึงทำให้มีสภาพบวมขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง จนคนที่อยู่ในที่นั้นแทบอยากจะอาเจียนออกมา
ซูเฟยรีบกล่าวกับฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินอย่างร้อนใจ “ฝ่าา นาง…นางทำผิด หม่อมฉันแค่กล่าวตักเตือนนางแค่ไม่กี่คำ คิดไม่ถึงว่านางจะวางยาพิษหม่อมฉัน แล้วก็ฆ่าตัวตาย!”
เมิ่งเคอตรงเข้าไปที่ศพ มองรอยเล็บที่อยู่บนใบหน้าของชุนเถา ก่อนจะเอ่ยกับฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “ทูลฝ่าา รอยที่อยู่บนใบหน้าเป็รอยเล็บของคน ดูจากาแแล้ว เหมือนกับรอยเล็บของพระสนมซูเฟยไม่มีผิดพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวซีเหอยกยิ้มมุมปากขณะเอ่ย “พระสนมช่างจิตใจโเี้นัก ถึงกับทำลายโฉมของนางกำนัลเพียงเพราะทำผิดแค่เล็กน้อย ทั้งยังสั่งให้คนทุบตีนางจนสภาพดูไม่ได้ ถ้ารู้ว่านางจะน่าสงสารเช่นนี้ ข้าคงช่วยนางไม่ให้นางต้องได้รับความทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ไปแล้ว”
ซูเฟยกล่าวเสียงแหลม “นางไม่ได้ทำผิดแค่เล็กน้อยเท่านั้น นางทำร้ายข้า จับข้ากดหัวลงในน้ำ…”
จ้าวซีเหอยิ้มพร้อมกับเอ่ยต่อ “เช่นนั้นนางก็คือคนที่น่าสงสัยั้แ่แรก แล้วเพราะเหตุใดท่านถึงกล่าวว่าเป็ฝีมือของหนิงมู่ฉือเล่า อีกประการหนึ่ง นางกำนัลผู้นี้ใจกล้าถึงเพียงนี้ กล้าทำร้ายพระสนม เหตุใดพระสนมถึงไม่ส่งตัวนางไปให้กรมอาญาตัดสิน กลับใช้ศาลเตี้ยมาตัดสินนาง ข้าว่านางกำนัลผู้นี้น่าจะตายโดยไม่ได้รับความเป็ธรรมมากกว่า”
ซูเฟยได้ยินเช่นนั้นก็โมโหยิ่ง ะโเสียงดังว่า “ข้าเป็ถึงพระสนมขั้นเฟย พูดเช่นนี้กำลังจะหมายความว่า ข้าไม่มีสิทธิ์ฆ่านางกำนัลผู้ที่ชีวิตเปรียบดั่งแค่หมาแมวเช่นนั้นหรือ”
จ้าวซีเหอยิ้มกว้าง “ที่แท้พระสนมก็เห็นชีวิตผู้อื่นเป็แค่หมาแมวหรอกหรือ ถึงว่าเหตุใดถึงมีคนมากมายคิดอยากจะทำร้ายพระสนม เกิดเื่กับพระสนมเช่นนี้แล้วก็ยังหาตัวผู้ร้ายไม่เจอ”
ซูเฟยกราดเกรี้ยวจนแทบจะกระอักเืออกมา โมโหจนแทบอยากจะเป็ลมเสียตรงนี้ เฉินอวี้เห็นสถานการณ์เป็เช่นนี้จึงรีบเอ่ยออกมาว่า “ฝ่าา บุตรสาวของกระหม่อมได้รับความใมากพออยู่แล้ว ชุนเถาคือข้ารับใช้ที่ติดตามบุตรสาวของกระหม่อมมาจากจวนอัครมหาเสนาบดี หากนางถึงกับกล้าวางยาสนมของฮ่องเต้ สามารถเรียกได้ว่าใจกล้าไม่เบา ส่วนเื่ที่ตำหนักอ๋องได้รับความไม่เป็ธรรม ไว้กระหม่อมจะหาโอกาสไปขอโทษถึงตำหนักเองพ่ะย่ะค่ะ!”
ท่านอ๋องหันไปมองจ้าวซีเหอผาดหนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มอ่อนให้แก่เฉินอวี้ “ท่านอัครมหาเสนาบดีเกรงใจเกินไปแล้ว ส่วนเื่แม่ครัวของตำหนักพวกเรา คิดว่าตอนนี้น่าจะพ้นผิดแล้วกระมัง!”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินหันไปสั่งทหารองครักษ์ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง “ถ่ายทอดคำสั่งของเราลงไป ปล่อยตัวหนิงมู่ฉือ!”
ท่านอ๋องลุกขึ้นยืนถวายความเคารพฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “ฝ่าา ถ้าไม่มีเื่ใดแล้ว เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินพยักหน้าขณะมองส่งท่านอ๋องและจ้าวซีเหอเดินออกจากตำหนักไป จากนั้นหันไปถลึงตาใส่ซูเฟย เขามีหรือจะไม่รู้ว่าสนมผู้นี้มีจิตใจโเี้เพียงใด ทว่าวันนี้เขาได้รับรู้และประจักษ์ต่อตาแล้วว่านางเห็นชีวิตคนเป็ดั่งผักปลา ได้เห็นศพนางกำนัลที่อยู่ในสภาพน่าอนาจ ในใจเขานึกรังเกียจนางอสรพิษใจมารผู้นี้นัก
เขาพูดเพียงประโยคเดียวว่า “วันหลังอย่าได้ก่อเื่ในวังของเราอีก!” เอ่ยจบเขาหันไปมองเฉินอวี้ด้วยแววตาเ็าผาดหนึ่งก่อนจะเดินออกจากตำหนักไป
ซูเฟยน้ำตาไหลอาบแก้มขณะมองฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเดินออกจากตำหนัก นางหันไปมองผู้เป็บิดาด้วยใบหน้าหม่นเศร้า “ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยลูกนะเ้าคะ ตอนนี้ฝ่าาทรงรังเกียจลูกแล้ว!”
เฉินอวี้ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เ้าคิดว่าหนิงมู่ฉือคือผู้ใด”
ซูเฟยส่ายหน้าด้วยความไม่รู้ เวลานี้เองที่แววตาของเฉินอวี้เปลี่ยนเป็โเี้ “ข้ารู้มานานแล้วว่าเด็กสาวผู้นี้จัดการไม่ได้ง่ายๆ เ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็ถึงบุตรสาวคนเดียวของหนิงจื้อหย่วน ครั้งนี้เ้าสังหารนางไม่สำเร็จ ครั้งหน้าข้าไม่มีทางปล่อยนางไปแน่!”
ซูเฟยมีสีหน้าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเค้นเสียงฮึขึ้นจมูก “ลูกก็คิดอยู่ว่าเหตุใดนางถึงได้ดูคุ้นหน้าคุ้นตานัก ท่านพ่อ ครั้งนี้ลูกรู้สึกขายหน้ายิ่งนัก แต่ลูกเองก็มีความลำบากของลูกเช่นกัน!”
เอ่ยจบนางก้มมองท้องของตัวเอง นางอยากจะเอามีดแทงเข้าไปแล้วควักเอาหนอนพิษพวกนั้นออกมาให้หมดเสียเดี๋ยวนี้ ตอนนี้นางหวาดกลัวเหลือเกิน ถ้านางพูดว่าทั้งหมดเป็ฝีมือขององค์หญิงซีเยวี่ย ก็เกรงว่านางจะไม่อาจรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้อีก!
เฉินอวี้มองซูเฟยที่มีสีหน้าเ็ป พร้อมกับเอ่ยถาม “เกิดอันใดขึ้นกับเ้า”
ซูเฟยส่ายหน้า ด้านนอกหน้าต่างนางเห็นองค์หญิงซีเยวี่ยที่กำลังซ่อนตัวจ้องมองนางราวกับภูตผีก็ไม่ปาน นางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
เฉินอวี้ลูบเคราของตัวเองขณะเอ่ย “ต่อจากนี้เ้าต้องดูแลองค์หญิงต่างแคว้นผู้นั้นให้ดีๆ นางรูปโฉมงดงาม ภูมิหลังก็ไม่ธรรมดา อีกทั้งฝ่าายังดูจะสนใจนางไม่น้อย ไม่แน่ว่าวันหน้านางอาจจะได้เลื่อนขั้น พอถึงตอนนั้นเ้าก็จะถือว่ามีต้นไม้ใหญ่ไว้ให้พึ่งพิง นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าควรต้องกลับได้แล้ว”
หลังจากจ้าวซีเหอเดินออกจากตำหนักก็ตรงไปยังคุกหลวง เขาเดินไปพร้อมกับเมิ่งเคอ ตบไหล่คนคุ้นเคยผู้นี้อย่างดีอกดีใจ “คุณชายเมิ่ง ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เมิ่งเคอยิ้มพร้อมกับตบไหล่จ้าวซีเหอคืนเช่นกัน ขณะที่น้ำเสียงที่เอ่ยเต็มไปด้วยความท้าทาย “ดูท่านจะใส่ใจแม่ครัวผู้นั้นไม่น้อยเลย”
จ้าวซีเหอยิ้มแห้ง พร้อมกับเอ่ยตอบ “ที่ข้าแปลกใจคือ เศษแก้วชิ้นนั้นมีเศษของยาพิษติดอยู่จริงๆ หรือ”
เมิ่งเคอนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ “พูดตามตรง ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าที่ติดอยู่ที่เศษแก้วชิ้นนั้นคือยาพิษชนิดใด ข้าไม่เคยเจอพิษชนิดนี้มาก่อนเลย”
จ้าวซีเหอมีสีหน้าเคร่งขรึมไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาแย้มยิ้มดังเดิม “วันนี้ข้าขอขอบใจมากที่ท่านช่วยข้า ข้าขอตัวกลับก่อน ไว้วันหลังค่อยพบกันใหม่ ข้าจะหาโอกาสตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”
เมิ่งเคอพยักหน้า ก่อนจะแยกกับจ้าวซีเหอ
หนิงมู่ฉือกำลังหลับขณะได้ยินเสียงประตูห้องขังถูกเปิดออก นางลืมตาขึ้นมาก็ได้เห็นหัวหน้าผู้คุมกำลังส่งยิ้มให้นาง “เ้านี่โชคดีเหลือเกิน เ้าเป็คนแรกที่สามารถออกจากคุกหลวงแห่งนี้ได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่”
นางเอานิ้วชี้ที่ตัวเองด้วยสีหน้างุนงง “ท่านกำลังพูดเื่อะไร”
หัวหน้าผู้คุมหัวเราะก่อนจะเอ่ยตอบ “ฝ่าาทรงมีรับสั่งให้ปล่อยตัวเ้าออกไปได้”
ครั้นหัวหน้าผู้คุมเห็นหนิงมู่ฉือยังคงยืนนิ่ง ก็เข้ามาในห้องขังแล้วดึงตัวหนิงมู่ฉือออกมา หนิงมู่ฉือร้องไห้ด้วยความดีใจ “ข้าสามารถออกไปได้จริงๆ หรือ”
หัวหน้าผู้คุมพยักหน้า หนิงมู่ฉือยังคงร้องไห้ขณะเดินออกจากห้องขัง ด้านนอกภายใต้ท้องฟ้าสีดำสนิทซึ่งมีดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าอย่างหาเจอได้น้อยครั้งนัก ใต้ต้นไม้ใหญ่มีคุณชายในชุดอาภรณ์สีขาวผู้หนึ่งยืนอยู่ คุณชายท่านนั้นมองมาทางนางพร้อมทั้งยกยิ้มมุมปาก
จ้าวซีเหอถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นใบหน้าของหนิงมู่ฉือเต็มไปด้วยน้ำตา แม้ในใจจะนึกต่อว่านางต่างๆ นานา หากอีกใจหนึ่งก็ใจอ่อนให้แก่นาง เขาค่อยๆ ก้าวตรงเข้าไปหา
“ออกมาก็ดีแล้ว กลับตำหนักกันเถิด”
จ้าวซีเหอเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะหมุนตัวเดินนำออกไป ไม่เอ่ยวาจาใดออกมาอีกแม้แต่คำเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้