บทที่ 18 เกมไล่ล่า
ความโกรธแค้นในใจของจูฉงยากจะกล่าวออกมาเป็คำพูดได้ เขาระมัดระวังตัวขนาดนี้แล้วแท้ๆ ยังไม่วายถูกลั่วถูเล่นงานเข้าจนได้ ทว่าอย่างน้อยการโจมตีเมื่อครู่ก็ทำให้เขาเห็นตำแหน่งของลั่วถูแล้ว เมื่อแสงไฟสะท้อนตำแหน่งของลั่วถู ร่างของเขาก็พุ่งออกไปดั่งสายลม
ทว่าลั่วถูราวเองก็เตรียมพร้อมไว้เช่นกัน เมื่อยิงการโจมตีเสร็จเขาหนีทันทีโดยไม่สนว่าจะโจมตีสำเร็จหรือไม่ ไหวร่างหนีเข้าไปในเงาของต้นไม้ใหญ่ รอจนจูฉงพุ่งมาถึงจุดที่มีคบเพลิง รอบด้านก็เหลือเพียงเงาดำราวกับภูตผี มีเพียงเสียงกิ่งไม้หักใบไม้ร่วงให้ได้ยินอยู่ไม่ไกล
โจวฟางก็ตามไปด้วย คบเพลิงในมือพวกพ้องตกลงบนพื้นก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
สำหรับโจวฟางและจูฉงแล้วกลางคืนที่มืดมิดคือบทลงโทษ หลังจากไล่ตามบนพื้นที่ไม่สู้เรียบนักได้ร้อยกว่าจั้ง ทั้งป่าก็กลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ข้างหน้าไม่มีเสียงกิ่งไม้หักดังขึ้นแล้ว ราวกับว่าลั่วถูหายเข้าไปในป่าอย่างสมบูรณ์ ไม่มีแม้เสียงหายใจ
จูฉงและโจวฟางเหลือเพียงความโกรธอยู่เต็มอก พวกเขาไล่ตามลั่วถูไม่ทันอีกแล้ว ทำเอาพวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็คนโง่ที่ถูกคนธรรมดาปั่นหัวซ้ำไปซ้ำมา ไล่ไม่ทันแม้แต่ปลายผมแถมพี่น้องของตนยังถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารเสียอีก ขนาดเขาเองยังอดสงสัยไม่ได้ เ้าลั่วถูนี่เป็แค่คนขนศพธรรมดาจริงๆ หรือ?
โจวฟางและจูฉงหยุดเคลื่อนไหว ขณะที่วิ่งด้วยความรวดเร็วคบเพลิงในมือถูกลมยามกลางคืนพัดจนไฟทั้งวูบไหวและหมองแสงลงกว่าเดิม ตอนนี้พอหยุดฝีเท้า แสงไฟในมือยังคงมืดสลัวเช่นเดิม ราวกับเปลวเพลิงแสนริบหรี่ถูกกลืนกินโดยความมืดไร้สิ้นสุดไปเสียแล้ว ตอนที่เงียบเสียงจูฉงรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจของโจวฟางเต้นเสียด้วยซ้ำ ความน่ากลัวอันไร้ที่มาก็ไม่ต่างกับค่ำคืนมืดมิดที่ปิดล้อมจิตใจ สร้างภาระหนักอึ้งอันไร้สิ้นสุดที่ให้แก่จิตใจมากทีเดียว
ทั้งสองมองหน้ากันเอง ราวกับเห็นความกดดันที่อยู่ในสายตาอีกฝ่าย
“ไปกันเถอะ!” จูฉงราวกับตัดสินใจได้แล้ว ไม่ได้ค่อยๆ ถอยหนีอีก แต่เพิ่มความเร็วเพื่อหนีออกนอกพื้นที่ป่า ตอนนี้เขากำลังประลองความเร็วกับลั่วถู ดูว่าใครจะกลับไปยังถนนซีเสินกู่ได้เร็วกว่า ถ้าเพียงออกจากป่าแห่งนี้ได้ ลั่วถูก็จะเสียเกราะกำบังไป ทำให้เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามลอบสังหารอีก!
ลั่วถูที่อยู่ในป่ายามค่ำคืน ก็เหมือนกับเทพปรากฏผีหายตัว[1] จูฉงไม่รู้ว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาเมื่อไร และจะปรากฏออกมาอย่างไร
ในขณะที่จูฉงกลับมาถึงทางเดิมที่เขาเคยผ่าน แม้แต่ศพของงูหลามหยินหวานตัวนั้นก็หายไปแล้ว คบเพลิงที่ตกอยู่ก็ดับไปแล้ว และป่าแห่งนี้ก็ไม่ได้เกิดเพลิงไหม้เสียด้วย ในใจสั่นสะท้าน ลั่วถูเคยกลับมาที่นี่ เป็สุนัขจิ้งจอกเ้าเล่ห์ที่ล่อพวกเขาออกไป ส่วนตัวเองอ้อมกลับมา จากนั้นเก็บศพของงูหลามหยินหวานออกไป ศัตรูใช้วิธีใดศพที่ใหญ่โตของงูหลามกัน? ทว่าเขาไม่จำเป็ต้องสนใจมันแล้ว คิดเพียงรีบออกจากป่าให้เร็วที่สุดก็พอ ที่นี่อันตรายเกินไป
พอวิ่งมาตลอดทาง แสงสว่างบนคบเพลิงในมือค่อยๆ มอดลง ทำให้จูฉงเริ่มมองทางไม่ชัดแล้ว ถึงอยากจะเร่งความเร็วให้มากที่สุด แต่ภูมิประเทศของป่าซับซ้อนมาก เส้นทางไม่ราบรื่นอย่างที่หวังสักนิด
“อ้าก...” ขณะที่จูฉงกับโจวฟางหนีไปนับสิบกว่าลี้ ลมประหลาดหอบหนึ่งพัดเข้าใส่ใบหน้า ไม้ไผ่แหลมขนาดใหญ่หลายท่อนลอยมาพร้อมเสียงทะลุลมทะลวงผ่านกิ่งไม้พุ่งเป้าเข้าหามนุษย์ทันที
จูฉงกับโจวฟางตกตะลึง กว่าจะรู้สึกตัวว่าตนไม่ทันระวังสะดุดเถาวัลย์ไร้ที่มาเส้นหนึ่งเข้า และไม้ไผ่แหลมหลายท่อนถูกผูกติดไว้กับเถาวัลย์เส้นนั้น ทว่าแค่ไผ่แหลมไม่กี่ท่อนหยุดพวกเขาไม่ได้ ขณะที่ไม้ไผ่พุ่งมาถึง ร่างของทั้งสองะโม้วนตัว หลบหลังต้นไม้ใหญ่ได้ทันเวลา
“อ้าก...” เสียงโจวฟางกรีดร้อง แม้ร่างกายของเขาจะพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ แต่กลับรู้สึกถูกแทงเข้าที่แผ่นหลังอย่างเ็ป ราวว่ามีอาวุธแหลมคมมากมายแทงเข้าไปสู่ร่างของเขาในพริบตา
“โจวฟาง...” จูฉงเรียกอย่างร้อนรน
“ไม่เป็ไร ยังไม่ตาย...” โจวฟางพึมพำตอบกลับอย่างเ็ป คบเพลิงของเขาตกพื้นไปแล้ว โดยอาศัยแสงไฟดวงน้อยทำให้เขาเห็นว่าบนผิวไม้ด้านหลังของเขามีตะปูยาวแหลมคมถูกตอกยึดอยู่... บนตะปูยาวแถวหนึ่งยังมีเืหยดอยู่ด้วย และนั่นก็คือเืของเขานั่นเอง
“น่ารังเกียจนัก...” จูฉงผ่อนลมหายใจเล็กน้อย เขาคิดว่าลั่วถูลอบโจมตีอีกครั้ง แต่ว่าเมื่อเขาเห็นตะปูยาวที่เสียบอยู่บนต้นไม้ ก็ได้แต่สูดลมหายใจเยียบเย็นอย่างห้ามไม่ได้ วิธีนี้อำมหิตเหลือร้ายจริงๆ โดยเฉพาะในยามค่ำคืนมืดมิดเช่นนี้ ไม้ไผ่แหลมพวกนั้นหลอกให้เขารู้สึกว่าตนตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว และในสถานการณ์แบบนี้ สัญชาตญาณของมนุษย์ย่อมต้องหาที่ปลอดภัยหลบ และที่ที่ปลอดภัยที่สุดคงหนีไม่พ้นการพิงต้นไม้ใหญ่ ต่อให้ลั่วถูคิดจะยิงพวกเขา ก็ทำให้เล็งได้ยากขึ้นไปอีก และเพราะภายใต้ความคิดเช่นนี้ ร่างของพวกเขาก็พิงต้นไม้ใหญ่เต็มๆ และปรากฏว่า หลงกลเข้าให้แล้ว!
“ไม่ดีแล้ว บนตะปูพวกนี้มีพิษ...” จูฉงยกคบเพลิงขึ้นมองเืที่ไหล่ออกมาจากแผ่นหลังของโจวฟางที่กลายเป็สีดำแล้ว จึงรีบถอดเสื้อบนร่างเขาออก าแมากมายเต็มหลังของเขากลายเป็สีดำไปเสียแล้ว
“รีบกลืนลงไปเร็วเข้า...” จูฉงรีบเทยาแก้พิษออกมาหลายขวด โดยไม่สนว่าหยิบถูกหรือไม่ กรอกทั้งหมดให้โจวฟางกลืนลงคอไป
โจวฟางสูดลมหายใจยาว ในตอนแรกบนหลังยังรู้สึกเ็ปอยู่บ้าง แต่ ณ เวลานี้กลับเหมือนว่าด้านชาไปหมดแล้ว ไม่มีความรู้สึกเจ็บสักนิด นี่ไม่ใช่เื่ดีเอาเสียเลย
“ไป รีบออกจากที่นี่กัน...” จูฉงรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ เขาลอบตัดสินใจเงียบๆ ขอแค่กลับเมืองม่อหลานได้ และแจ้งเื่ให้พี่ใหญ่รับรู้โน้มน้าวให้เขาจัดการลั่วถูให้ได้ ถ้าหากลั่วถูกลับเมืองต่อให้ต้องใช้วิธีไหนก็ต้องเอาชีวิตมันให้ได้ ต่อให้ต้องทำให้ผู้พิทักษ์กับผู้รักษากฎทั้งหลายลงโทษก็ช่าง ไม่ว่าจะเสียอะไรก็ยอม
“เ้าไปก่อนเถอะ หากพาข้าไปด้วยมีแต่จะทำให้เ้าช้าเสียเปล่าๆ จงมีชีวิตรอดกลับไป บอกพี่ชายของข้า ให้เขาต้องแก้แค้นให้ข้าให้ได้!” โจวฟางกล่าวอย่างโเี้ เขารู้สึกได้ว่ายาแก้พิษที่กลืนลงไปไม่ค่อยเห็นผลเท่าไรนัก ตอนแรกเพียงแค่รู้สึกชาที่หลัง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเท้าและมือของตนก็ชาไปด้วย ถึงขนาดที่แม้แต่ลำคอก็เริ่มรู้สึกชาบ้างแล้ว
“ข้าจะแบกเ้าไปเอง...” จูฉงกัดฟันกล่าว
“ไม่มีประโยชน์ นี่คือพิษของงูหลามหยินหวาน เ้าเด็กนั่นวิ่งมาดักหน้าเรา ยิ่งช้าเกรงว่ามันจะยิ่งวางกับดักเพิ่มอีก อีกไม่นานร่างของข้าคงชาไปทั้งตัว แบบนี้มีแต่จะเป็ตัวถ่วงเ้า!” โจวฟางฝืนยิ้มกล่าวตอบไป
“งูหลามหยินหวาน...” จูฉงนึกถึงซากงูหลามหยินหวานที่หายไป ทำเอาในใจของเขาผุดความรู้สึกทางลบขึ้นมาเต็มไปหมด ถ้านี่คือพิษงูหลามหยินหวานจริง ย่อมหมายความว่า กับดักนี้ลั่วถูเพิ่งทำได้ไม่นาน ซ้ำร้ายลั่วถูยังวิ่งมาดักหน้าพวกเขา มีเวลาวางกับดักพิษร้ายที่นี่ หากเป็เช่นนั้นป่านับสิบลี้จากตรงนี้ไปถึงถนนซีเสินกู่ จะกลายเป็สนามล่าเหยื่อที่สมควรตาย
จูฉงไม่ดึงดันอีก พิษงูหลามหยินหวานพิเศษมาก ยิ่งกว่านั้นหากหวังจะรอดก็มีแต่ต้องพึ่งโชคเท่านั้น สำหรับร่างกายบางคนที่อาจทนพิษได้ แต่คนมากมายล้วนแต่ตายเพราะความชาทำให้อวัยวะภายในล้มเหลว จูฉงหวังว่าโจวฟางจะทนได้... ดังนั้น หลังจากจัดที่อยู่ของโจวฟางเสร็จ ก็รีบถอยออกไปทางถนนซีเสินกู่อย่างรวดเร็ว เพียงแต่เขาเพิ่งหนีไปได้เพียงร้อยกว่าลี้ กลับได้ยินเสียงกรีดร้องดังลอยมาจากด้านหลังของตน
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง หัวใจของจูฉงบีบรัดอย่างห้ามไม่ได้ นั่นคือเสียงของโจวฟาง เพียงแต่โจวฟางต้องพบกับศัตรูแบบไหน เขากลับเดาไม่ออกเลย แต่จากการคาดเดาของเขา สิ่งที่เป็ไปได้มากที่สุดคือเป็ลั่วถูลงมือด้วยตัวเอง สังหารโจวฟางที่เขาวางร่างไว้บนต้นไม้ เดิมทีเขาก็ไม่คิดว่าโจวฟางจะโอกาสรอดชีวิตอยู่แล้ว
จูฉงกลับมาใต้ต้นไม้ที่โจวฟางอยู่ หยดเืหยดลงบนศีรษะของเขา เงยหน้ามองไปแวบหนึ่ง ศพของโจวฟางถูกแขวนไว้บนต้นไม้ ดวงตาคู่นั้นแฝงไว้ด้วยความสิ้นหวัง ดวงตากลมจ้องมาทางจูฉง และบนหัวมีลูกศรแทงอยู่แทบมิดด้าม เป็อย่างที่จูฉงคาดเดา ผู้ที่ลงมือคือลั่วถู ช่างเป็คนขนศพที่โเี้อำมหิตกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก จูฉงเสียใจและโกรธแค้นอย่างที่ไร้สิ้นสุด
“ลั่วถู ไสหัวออกมา... เ้าคิดจะสังหารข้าไม่ใช่หรือ? ข้าจะรอเ้าอยู่ที่นี่...” จูฉงคำรามอย่างบ้าคลั่งในป่าที่มืดมิด ทำให้นกที่อยู่รอบด้านใบินหนีออกไป
ที่ตอบกลับเสียงของจูฉงมีเพียงเสียงหมาหอนเสือคำรามจากที่ไกลๆ กับเสียงที่ราวกับนกฮูกและหนอนแมลงกำลังล้อเลียนเขา
“ลั่วถู เ้าคนขี้ขลาด ขอแค่ข้ากลับไปถึงเมืองม่อหลาน ข้าจะจับคนที่เกี่ยวข้องกับเ้ามาเค้นคอทีละคนละคน... ทำให้พวกมันอยู่อย่างทรมานเจียนตาย!” จูฉงแทบเสียสติไปแล้ว ความดำมืดที่กดทับในใจของเขาเหมือนหินก้อนใหญ่ทำให้เขาหายใจไม่ออก
“ถ้าเ้ามีปัญญาสังหารลั่วเหยียน สังหารคนของตระกูลลั่วที่อยู่โลกชั้นล่างทั้งหมดได้ละก็ เช่นนั้น ข้าลองพิจารณาปล่อยเ้ากลับเมืองม่อหลาน... แล้วจะให้ยาพิษเ้าด้วย...” ในตอนที่จูฉงกล่าวจบ ในป่าลึกกลับมีเสียงเฉยชาที่แฝงไว้ซึ่งความเหยียดหยามอยู่หลายส่วนดังขึ้น
ร่างของจูฉงพุ่งไปทางต้นเสียงทันที เพียงแต่สิ่งที่เขาได้รับคือสายลมที่แหลมคมกระทบเข้าใบหน้าของเขา
จูฉงเอี้ยวตัวหลบอย่างเสียมิได้ ลูกศรดอกหนึ่งพุ่งผ่านข้างหูของเขา ปักลงบนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง ในขณะที่เขาชะงักไปเล็กน้อยนั้นเอง ป่าไม้เบื้องหน้าพลันเงียบสงบอีกครั้ง เขาไม่อาจััถึงลมหายใจของลั่วถูได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ที่ไหน ทว่าเขากลับเข้าใจดี ลั่วถูอยู่ใกล้ๆ เขา เหมือนกับปีศาจอย่างไรอย่างนั้น รอโอกาสโจมตีเอาชีวิต คนผู้นี้คือเสือดาวเ้าเล่ห์ส่วนตัวเขาเป็เพียงเหยื่อที่น่าสงสาร
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[1] เทพปรากฏผีหายตัว(神出鬼没)หมายถึง การปรากฏตัวขึ้นและหายไปอย่างเดาทางไม่ได้และไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร เหมือนกันตอนที่เทพปรากฏตัวและเหมือนตอนที่ผีหายตัวไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้