เมืองจูเซียน ภายในห้องโถงอันใหญ่โตโอ่อ่าแห่งหนึ่ง
บรรดาเถ้าแก่ร้านค้าและสานุศิษย์ตระกูลผู้ฝึกฌานจากทั่วเมืองจูเซียนนั่งอัดกันจนเต็มขนัด ทุกคนต่างกำลังจับจ้องไปที่บุรุษในอาภรณ์ขาวสะอาดผู้หนึ่งที่กำลังเอ่ยวาจาลื่นไหลคล่องแคล่วอยู่บนเวทีสูงทางฝั่งเหนือของห้องโถง
“ข้าก็พูดไปตั้งขนาดนี้แล้ว คาดว่าทุกท่านคงจะพอเข้าใจในสิ่งที่ข้า้าสื่อแล้วกระมัง” บุรุษชุดขาวกวาดตามองคนทั้งห้องด้วยรอยยิ้ม
“ประมุขหวัง สิ่งที่ท่านพูดพวกเราย่อมเข้าใจ เพียงแต่ว่าก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดี! ท่านเองก็มีเงินไม่ขาดมือ แล้วยังจะ้าเงินของพวกเราไปทำอะไรอีกเล่า” ชายที่นั่งอยู่ด้านล่างเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็กังวล
“เงิน? ใครเล่าจะไม่ชอบเงินเยอะๆ ยิ่งมีเงินมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งสามารถทำเื่สำคัญได้มากขึ้นเท่านั้น ข้าสามารถใช้เงินเชิญนักปรุงยาที่มีฝีมือมากกว่านี้มาปรุงโอสถสรรพคุณล้ำเลิศขายออกไปในราคาแพงขึ้น สามารถเชิญนักหลอมศาสตรามาหลอมสร้างอาวุธระดับสูงกว่าเดิม ในหมู่พวกท่านมีใครที่คิดว่าข้าหวังเค่อทำการค้าขาดทุนบ้าง?” บุรุษชุดขาวนามหวังเค่อยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีๆ นับแต่ที่ประมุขหวังมาถึงเมืองจูเซียน การเงินของเมืองนี้ก็ไหลสะพัดเข้าสู่ตระกูลท่านไม่ขาดสาย แล้วประมุขหวังจะทำการค้าขาดทุนได้อย่างไร” คนกลุ่มนั้นพากันหัวเราะโดยพลัน
“งั้นพวกท่านยังต้องกังวลอะไรอยู่อีกเล่า? หรือกังวลว่าข้าหวังเค่อคิดหลอกเอาเงินจากพวกท่านกัน?” หวังเค่อยิ้มถาม
“นั่นจะเป็ไปได้อย่างไร? อย่างไรเสียตระกูลหวังของท่านก็คือหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจูเซียน มีสมบัติพัสถานมากมาย การค้าส่วนใหญ่ในเมืองจูเซียนก็มีตระกูลหวังของพวกท่านร่วมหุ้นอยู่ด้วย แล้วมีหรือจะมาสนใจเงินเล็กน้อยของพวกเรา” ชายคนเดิมหัวเราะออกมาทันที
ทันใดนั้นบรรยากาศภายในห้องโถงก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย
“่นี้สิบหมื่นมหาบรรพตเปี่ยมภยันตรายมากขึ้น การจะออกไปรวบรวมสมุนไพรหรือศิลาิญญามายิ่งยากเย็นแสนเข็ญ ทุกท่านต่างพูดเป็เสียงเดียวกันว่าข้าหวังเค่อสันทัดทางด้านธุรกิจการค้า ้าถามหาความเห็นจากข้า ตัวข้าที่เห็นว่าเราต่างก็เป็ชาวเมืองจูเซียนไม่ต่างกันจึงได้เปิดการชุมนุมนี้ขึ้นมา ชี้แนะแนวทางให้กับพวกท่าน ทำไม? หรือพวกท่านยังมีอะไรอยากจะถามข้าอีก?” หวังเค่อนิ่วหน้าถาม
“ประมุขหวัง ที่ท่านพูดเป็ความจริงรึ? ที่ว่าขอเพียงพวกเราซื้อ ‘แผนการลงทุน’ นี้จากท่าน ในแต่ละปีพวกเราจะได้ดอกเบี้ยสองในสิบส่วน” ชายในชุดสีเทาถามขึ้นด้วยความคาดหวัง
“แน่นอน ใช่ว่าตระกูลหวังของเราทำการค้ามาแค่ปีสองปีเสียเมื่อไหร่ พวกเรามีธุรกิจใหญ่โต แถมยังลงลายลักษณ์อักษรกันเป็ที่เรียบร้อย แล้วพวกเรายังจะหลอกพวกท่านได้อีกหรือ” หวังเค่อเปลี่ยนสีหน้าเป็เคร่งขรึมขึ้นมา
“ไม่หรอก พวกเราย่อมต้องเชื่อใจประมุขหวังอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเื่เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พวกเราก็เลยตื่นเต้นกันไปหน่อย!” บุรุษชุดเทาคนเดิมหัวเราะกลบเกลื่อน
“ในเมื่อประมุขหวังรับปาก พวกเราก็ย่อมเชื่อท่าน! แม้ว่าพวกเราเองก็เป็ผู้ฝึกฌาน แต่ย่อมไม่อาจเทียบศิษย์จากตระกูลใหญ่ได้ พวกมันมีทั้งทรัพยากรกับศิลาิญญานับไม่ถ้วน ส่วนพวกเราได้แต่ต้องขวนขวายกันปากกัดตีนถีบ สมุนไพรวิเศษบนสิบหมื่นมหาบรรพตมีอยู่ไม่น้อยก็จริง แต่ก็ล้วนมีสัตว์อสูรเฝ้าอยู่เช่นกัน คิดถอนเขี้ยวพยัคฆ์รังแต่จะเป็การเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่าๆ สิบหมื่นมหาบรรพตอันแสนโกลาหลนี้มีแต่เื่ฆ่าชิงวิ่งปล้นเป็กิจวัตร แค่จะเก็บเกี่ยวทรัพยากรเล็กๆ น้อยๆ ยังต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ร่ำไป หากพลั้งเผลอแม้เพียงนิดก็อาจตายได้ทุกเมื่อ เส้นทางการฝึกตนของพวกเราลำบากยากเข็ญเกินไปแล้ว!” บุรุษชุดแดงอีกคนโอดครวญออกมา
“นั่นน่ะซี ประมุขหวังคือผู้มีจิตโอบอ้อมอารีโดยแท้ พวกเราแค่นั่งอยู่บ้านก็สามารถทำเงินให้งอกเงยออกมาได้?”
“ประมุขหวังก็พูดแล้วนี่ ว่าหากเ้าไม่เหลียวแลเงิน เงินก็จะไม่เหลียวแลเ้าเช่นเดียวกัน วันๆ เ้าเอาแต่กอดถุงเงินไว้แนบอก มีแต่จะยิ่งทำให้มันลดน้อยถดถอยลงไปเปล่าๆ ยังคงเป็ประมุขหวังที่มอบเส้นทางการทำเงินนี้แก่พวกเรา!”
“มิผิด ประมุขหวัง แผนการลงทุนนี้ ข้าขอซื้อ!”
“ข้าด้วย!”
“หนึ่งปีได้ดอกเบี้ยสองในสิบส่วน? ข้ากักตนครั้งหนึ่งก็กินเวลาร่วมปีเข้าไปแล้ว แบบนี้ไม่เท่ากับว่าหากข้ากักตนหนึ่งครั้ง ศิลาิญญาของข้าก็จะงอกเงยขึ้นสองส่วนหรอกรึ?”
.........
......
...
ภายในห้องดูจะมีคนที่คอยปลุกกระแสให้บรรยากาศครื้นเครง ชวนให้พวกมันทุกคนเริ่มเืลมพลุ่งพล่านขึ้นมาทีละน้อย
“สิ่งที่ควรพูดข้าก็ล้วนพูดออกไปหมดแล้ว ใครที่อยากซื้อขอเชิญชวนพวกท่านที่โถงหน้าของตระกูลหวังเพื่อทำสัญญาซื้อขายกัน! แผนการลงทุนชุดแรกมีจำนวนจำกัด! ทุกท่าน เชิญ!” หวังเค่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง
“โถงหน้า? ที่ไหน ข้าต้องไปแลกเงินที่ไหน? ข้าให้ศิลาิญญาห้าสิบชั่งเลย!” บุรุษชุดเทาเ้าเก่าเป็คนแรกที่วิ่งนำออกไปจากห้อง
“เถ้าแก่จางรอข้าด้วยซี่ เหลือไว้ให้ข้าด้วย แผนการลงทุนมีจำกัด ท่านอย่าได้เหมาหมดเชียว!” บุรุษชุดแดงอีกท่านหนึ่งรีบร้อนตามออกไป
“เดี๋ยวก่อนๆ เหลือไว้ให้พวกเราด้วย!”
“ข้าจะซื้อให้เกลี้ยงเลยคอยดู!”
.........
......
...
ห้องโถงที่เพิ่งจะคึกคักพลุกพล่านอยู่หลัดๆ พลันกลับกลายเป็โล่งโจ้งในพริบตา พวกมันต่างยื้อแย่งกันไปซื้อแผนการลงทุนของตระกูลหวังกันหมด
ภายในห้องโถงใหญ่จึงเหลือเพียงหวังเค่อผู้ยิ้มกริ่มอย่างสุขอุรา รวมถึงศิษย์ในตระกูลหวังอีกกลุ่มหนึ่ง
“เห็นแล้วหรือยัง? แผนการลงทุนเขาขายกันแบบนี้ นอกจากเมืองจูเซียนแล้ว ขอให้พวกเ้าช่วยกันไปจัดการตามเมืองเซียนอื่นๆ ด้วย!” หวังเค่อพูดจบก็รับถ้วยน้ำชาที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นให้ขึ้นมาจิบ
“ท่านประมุข คนกลุ่มนี้ยินยอมควักเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อกระดาษเพียงแผ่นเดียวจริงหรือ เงินก้อนนี้ไม่ได้มาง่ายเกินไปหน่อยรึ? ท่านประมุข เหตุใดพวกเราถึงไม่ใช้กลยุทธ์นี้เสียแต่เนิ่นๆ เล่า” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความพิศวง
หวังเค่อเหลือบตามองอีกฝ่าย “เ้าจะไปเข้าใจอะไร ถ้าหากตระกูลหวังของเราไม่ได้ปักหลักยืนฐานในเมืองจูเซียนอย่างมั่นคง ไม่ได้สร้างสมชื่อเสียงความไว้ใจมามากพอ แล้วใครจะเชื่อถือแผนการลงทุนนี้กัน?”
“อ๋า?”
“อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยอธิบายให้พวกเ้าฟังไปแล้วรึไง? หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ข้าควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยดี การชุมนุมครั้งนี้คงล่มไม่เป็ท่าเพราะพวกเ้าไปแล้ว!” หวังเค่อตำหนิด้วยเสียงทุ้มลึก
“เป็พวกเราละเลยหน้าที่เอง!” เหล่าลูกน้องต่างลดหน้ายอมรับความผิดโดยปริยาย
“ช่างเถอะ ยังไงนี่ก็เป็ครั้งแรกที่ข้าลองใช้แผนการลงทุนนี้เหมือนกัน สามารถได้ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว! จริงสิ เื่ที่ข้าให้พวกเ้าคัดเลือกคนล่ะเป็อย่างไรบ้าง” หวังเค่อมองลูกน้องคนนั้น
“ท่านประมุขวางใจได้ คนที่พวกเราเชิญมาในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็พวกมีเงินแต่ไร้คุณธรรมทั้งนั้น ส่วนเหล่าสาธุชนนั้นข้าไม่ได้ให้พวกเขามาเข้าร่วมแต่แรก แถมข้ายังตั้งใจสร้างเื่ยุ่งยากจนพวกเขาไม่อาจซื้ออะไรกลับไปได้อีกด้วย!” ลูกน้องคนนั้นตอบด้วยความเคารพ
“ดี! ข้าหวังเค่อมีแต่ทำเงินจากพวกทรชนเท่านั้น!” หวังเค่อจิบชาพลางเอ่ยด้วยความพึงพอใจ
“แต่ว่าท่านประมุข แผนการลงทุนที่ท่านว่านี้ พวกมันสามารถนำมาขึ้นเงินได้ตลอดเวลา แล้วถ้าเกิดพวกมันมาขอขึ้นเงินแล้วจะทำอย่างไร?” ลูกน้องคนนั้นเอ่ยด้วยความกังวล
“ก็ปล่อยให้พวกมันมาขึ้นเงินไป! เ้าลืมเื่การ ‘สร้างภาพลักษณ์’ ของตระกูลหวังในเมืองจูเซียนไปแล้วรึไง? ความมีหน้ามีตา ในเมืองจูเซียนนี้ พวกเราก็คือความมีหน้ามีตาอย่างไรเล่า!” หวังเค่อกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“อ๋า? เงินที่อุตส่าห์ใช้ความสามารถฉ้อฉลมา สุดท้ายก็ยังต้องคืนกลับให้พวกมันไปหรือขอรับ?”
“ฮึ่ม หากไม่คืนพวกมัน แล้วพวกมันจะไปเอาเงินจำนวนมากกว่าเดิมเพื่อมาซื้อแผนการลงทุนของพวกเราได้ยังไง?” หวังเค่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“เอ๋? อ๊ะ!”
“รอจนหิมะปกคลุมศิลาิญญาเมืองจูเซียน พวกเราตระกูลหวังจะไปจากที่นี่กันทันที!” หวังเค่อสูดลมหายใจลึกพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงขึงขังจริงจัง
“ไปจากเมืองจูเซียน? งั้นก็น่าเสียดายแย่เลยสิขอรับ พวกเราเริ่มกิจการกันมาสิบปีแล้วแท้ๆ!”
“ผลตอบแทนก้อนโตย่อมต้องแลกมาซึ่งความเสี่ยงมหาศาล! ตอนนี้พวกเรา้าศิลาิญญาเป็การด่วน เมื่อหิมะครั้งนี้มาเยือนย่อมมีศิลาิญญามากพอจะอุดช่องโหว่ของพวกเราได้” หวังเค่อเอ่ย
“ท่านประมุข ท่านเองก็เก่งกล้ามากฝีมือ ท่านไม่มีวิธีที่จะทำให้พวกเราอยู่ต่อได้เลยหรือ? หากจากไปเช่นนี้คงน่าเสียดายแย่!” ลูกน้องคนนั้นยังคงอาลัยอาวรณ์ไม่หาย
“มีอยู่ เปิดธนาคาร ขายประกัน!” หวังเค่อสูดลมหายใจลึก
“อ๋า? ธนาคาร? ประกัน? มันคืออะไรหรือขอรับ?” ลูกน้องคนนั้นถามด้วยสีหน้าเหลอหลา
หวังเค่อถอนหายใจบาง “ช่างเถอะ ตอนนี้พวกเ้ายังไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น หากไม่มีคนหนุนหลังที่แกร่งพอ อาศัยพวกเราในตอนนี้ก็รังแต่จะถูกผู้อื่นเอาเปรียบ! ทั้งธนาคาร ทั้งประกัน ไว้เวลาสุกงอมเมื่อไหร่ข้าค่อยสอนพวกเ้าแล้วกัน หน้าที่ของพวกเ้าตอนนี้คือขายแผนการลงทุนให้ได้มากๆ ชะล้างพวกที่ได้เงินมาในทางที่ไม่ชอบ แล้วเสริมสร้างความแข็งแกร่งของพวกเราเอง! เื่ในอนาคตก็ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง!”
“ทราบ!” เหล่าลูกน้องขานรับ
“เมืองจูเซียนเป็เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น จากนี้เมืองเซียนอื่นๆ ต้องฝากไว้ในมือพวกเ้าแล้ว!” หวังเค่อมองตรงไปที่เหล่าลูกน้องตรงหน้าพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“ท่านประมุขวางใจได้เลย!” เหล่าลูกน้องตอบรับด้วยความเทิดทูน
“อืม! ไปได้!” เมื่อนั้นหวังเค่อถึงค่อยเอนหลังได้อย่างวางใจ
“ทราบ!” ลูกน้องกลุ่มนั้นตอบรับก่อนถอนตัวจากไป
แต่ในตอนนั้นเองลูกน้องอีกคนหนึ่งก็ผลุนผลันเข้ามาในห้อง
“ท่านประมุข ด้านนอกมีชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็สหายซี้ปึ้กของท่าน บอกว่า้าเข้าพบท่านขอรับ!” ลูกน้องคนนั้นเอ่ยด้วยความเคารพ
“ข้าไปมีสหายซี้ปึ้กั้แ่เมื่อไหร่? มันหน้าตายังไง?” หวังเค่อเลิกคิ้วสูง เผยสีหน้ากังขาชัดเจน
“หน้าตารึ? มันค่อนข้างเ้าเนื้อ สวมชุดนักพรตสีดำตลอดศก ในมือถือพัดอันหนึ่ง แต่สีหน้าสีตาของมันออกจะ...ออกจะ...” ชายคนนั้นไม่รู้ว่าจะพรรณนาออกมาอย่างไรดี
แต่หวังเค่อดูคล้ายจะเดาได้แล้วว่าผู้มาเป็ใคร ทันใดนั้นสีหน้าชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป “หน้าตามันชั่วร้ายมากใช่หรือไม่”
“อ๊ะ ใช่ขอรับ ดูเหมือนจะเป็เช่นนั้นอยู่จริงๆ!” ลูกน้องคนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าแปลกพิกล
อย่างไรก็ตามหวังเค่อกลับหน้าดำทะมึน ผุดลุกขึ้นทันควัน “ไอ้คนไร้ยางอาย มันหาที่นี่เจอได้ยังไงกัน”
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงหวังเค่อดี มันก็เห็นบุรุษเ้าเนื้อในชุดดำพรวดพราดเข้ามาแล้ว
“โอ้ พี่หวัง ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องอยู่ที่นี่ ข้าตามหาท่านซะแทบแย่แหน่ะ!” บุรุษชุดดำเอ่ยปากทักทายหวังเค่ออย่างกระตือรือร้น
ศิษย์ตระกูลหวังสองคนที่อยู่ด้านหลังพุ่งตัวตามมาโดยพลัน สีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น “ท่านประมุข พะ พวกเราห้ามมันไม่อยู่!”
แต่หวังเค่อดูจะคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ชายหนุ่มโบกมือ “ช่างเถอะ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับพวกเ้า ออกไปก่อน!”
“ทราบ!” ศิษย์ตระกูลหวังถอนตัวออกจากห้องโถงใหญ่ด้วยสีหน้างุนงง
“พี่หวัง ตอนนี้ท่านใช้ชีวิตอย่างสุขสบายดีเหลือเกิน อาศัยอยู่ที่นี่คงจะปลอดโปร่งสบายอุราไม่น้อยเลยกระมัง ครั้งก่อนที่ท่านย้ายสำมะโนครัว ไฉนจึงไม่บอกกล่าวข้าบ้างเลยสักคำ ลำบากข้าต้องพลิกแผ่นดินหาท่านอยู่นานตั้งสิบปี!” บุรุษชุดดำแม้จะพูดเช่นนั้นแต่ก็ยิ้มกว้างขยับเข้ามาใกล้
หวังเค่อมองดูบุรุษชุดดำตรงหน้าแล้วสีหน้าก็ต้องหม่นลง “จางเจิ้งเต้า เ้ามีจมูกสุนัขรึยังไง! ข้าอุตส่าห์หนีมาขนาดนี้แล้วแท้ๆ ทำไมเ้าถึงยังหาข้าเจออีก”
“พี่หวัง เหตุใดทุกครั้งที่เราเจอกันท่านต้องดุดันกับข้าเรื่อยเลยเล่า? ท่านคงจะไม่รู้ แต่ตลอดสิบปีที่ไม่มีท่าน ทุกวันข้าล้วนกินไม่ได้นอนไม่หลับ คอยแต่จะคิดถึงท่านอยู่ตลอดเวลา!” จางเจิ้งเต้าย่างสามขุมเข้าหาด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ
“ไสหัวไปเลย เ้ายังสร้างความวอดวายให้ข้าไม่พออีกหรือ? ความอับโชคจากเื่ครั้งก่อนยังส่งผลมาถึงทุกวันนี้อยู่เลยด้วยซ้ำ ส่วนเ้ากลับหนีเอาตัวรอดไวปานลมกรด!” หวังเค่อถลึงตาใส่
“ครั้งก่อน? เื่ครั้งก่อนจะมาโทษข้าไม่ได้นะ พวกเราสองคนไปขุดสุสานบรรพชนของาาปีศาจ เดิมทีก็เป็เื่อัปมงคลอยู่แล้ว หากจะเกิดโชคร้ายอะไรตามมาย่อมไม่ใช่เื่แปลก ท่านเองก็ได้ประโยชน์ไปไม่น้อยไม่ใช่รึไง” จางเจิ้งเต้าจู่ๆ ก็หัวเราะออกมา
“ไม่ใช่เป็เพราะว่าเ้าไม่ตรวจสอบข้อมูลมาให้ดีก่อนรึ!” หวังเค่อตาแทบถลนออกจากเบ้า
“นะ นี่จะมาโทษข้าไม่ได้! ข้าเองก็เป็เหยื่อเหมือนกัน! ข้าสิ้นเปลืองของวิเศษกับศิลาิญญาไปตั้งมากมาย สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลยสักอย่าง ท่านคงจะไม่รู้ แต่ตลอดสิบปีที่ไม่มีท่านอยู่ด้วย ข้าไม่กล้าออกไปใส่ความรับบทเป็เหยื่อเรียกค่าเสียหายเลยสักครั้ง! พี่หวัง ท่านคือผู้มีพร์เป็เลิศ แต่ทุกวันนี้ท่านกลับเอาแต่อยู่เหย้าเฝ้าเมืองจูเซียนอันกระจ้อยร่อยนี่มันใช้ได้ที่ไหน เอาเป็ว่าพวกเราออกไปก่อกวนเื่ราวกันอีกครั้งดีหรือไม่?” จางเจิ้งเต้าเอ่ยด้วยแววตาเปล่งประกาย
“เ้าจะให้ข้าไปช่วยเ้าเลือกเหยื่อมาใส่ความอีกอย่างนั้นรึ”
“ใส่คงใส่ความอันใด พวกเรากำลังปล้นคนรวยประทังชีพคนจนกันอยู่ต่างหาก ดูสิ ข้ายากจนข้นแค้นขนาดไหน! วันๆ ท่านเองก็เอาแต่พร่ำบ่นว่าจนๆๆ พวกเราต่างก็จนกรอบกันขนาดนี้ เพราะงั้นก็ต้องเอาเงินจากพวกใจดำขูดรีดประชาชนมาแจกจ่ายทำการกุศลจึงจะถูกต้อง! ตัวท่านเฉียบแหลมชาญฉลาด ตัวข้าหน้าหนาไร้ยางอาย หากเราสองคนร่วมมือกัน ใต้หล้าใครเล่าจะสู้ได้!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าแววตาแสนภาคภูมิ
หวังเค่อหรี่ตามองเ้าคนหน้าหนาไร้ยางอายตรงหน้าโดยไม่ขยับ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้