ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐินีแห่งวงการความงาม

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     มีชีวิตอีกครา?

        เวินซีเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่จ่างกุ้ยจัดเรียงขวดโหลให้เรียบร้อย เมื่อเปิดพวกมันออกก็มีกลิ่นที่คุ้นเคยโชยออกมา ทั้งหมดคือเครื่องหอมที่ตระกูลเวินเพิ่งจะเปิดตัวไป

        “ทั้งเ๱ื่๵๹ที่ฮูหยินผู้เฒ่าเวินเสียชีวิตอย่างกะทันหัน และคนรับใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ทำเ๱ื่๵๹ยาทาผิวงาม หลังจากเกิดเ๱ื่๵๹ไม่ดีติดต่อกัน ตระกูลเวินจึงรู้สึกผิดและเสียใจเป็๲อย่างยิ่ง จึงตัดสินใจปิดร้านเพื่อปรับปรุงใหม่ เครื่องหอมทุกอย่างจึงถูกนำออกมาขายในราคาต่ำ”

        “เพื่อที่จะกอบกู้ชื่อเสียง ฮูหยินใหญ่เวินและคุณหนูได้ลองใช้เครื่องหอมทุกชนิดด้วยตนเอง”

        จ่างกุ้ยควักเครื่องหอมออกมาทาบนแขนของตนพลางอธิบาย

        “ก่อนหน้านี้เครื่องหอมล้วนมีราคาไม่กี่ตำลึงเงิน ทว่ายามนี้ราคาเพียงสองสามอีแปะ สตรีในเมืองจึงพากันไปแย่งซื้อ ทั้งยังมีพวกคนรับใช้จากบ้านเศรษฐี ข้าเห็นว่าราคาถูกจึงให้คนไปซื้อมาสองสามอย่าง เครื่องหอมพวกนี้ล้วนเป็๞สูตรของเวินอี๋เหนียง ไม่รู้ว่าพวกเขายังมีสูตรของนางอีกมากน้อยเพียงใดนะขอรับ”

        เวินซีมองไปที่เครื่องหอมโดยไม่พูดอันใด นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าขนาดฮูหยินผู้เฒ่าเวินเสียไปแล้วก็ยังถูกตระกูลเวินดูดเ๣ื๵๪เช่นนี้ หากหญิงชรารู้เข้าคงต้องโกรธจนฟื้นคืนชีพขึ้นมาแน่

        ตระกูลเวินถือว่าเป็๞ตระกูลที่อึดมากทีเดียว แต่ไม่ว่าอย่างไรเวลานี้พวกเขาก็ยังสร้างคลื่นลมใดมิได้

        “คุณหนูเวิน ข้ายังได้ยินข่าวลือมาอีกเ๱ื่๵๹ด้วยขอรับ” จ่างกุ้ยที่มีท่าทีลับๆ ล่อๆ เขาลดเสียงลงแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

        “ว่ามา” เวินซีเลิกคิ้ว

        “ข้าได้ยินมาว่ามีอีกเหตุผลหนึ่งที่ตระกูลเวินทำเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็๲เพราะการแข่งขันทำเครื่องหอมนะขอรับ”

        “การแข่งขันทำเครื่องหอมที่จัดขึ้นทุกๆ สามศก จะมีขุนนางจากเมืองหลวงมาเป็๞ผู้ตัดสิน ผู้ชนะจะได้เข้าเมืองหลวงและเป็๞ผู้ทำเครื่องหอมให้ฮองเฮา ตระกูลเวินน่าจะฝากความหวังกับการพลิกชะตาในการแข่งขันครั้งนี้”

        “ก่อนหน้านี้ล้วนเป็๲เวินอี๋เหนียงที่เข้าร่วมแทนตระกูลเวิน แต่ยามนี้ไม่มีเวินอี๋เหนียงแล้ว พวกเขาจะต้องเตรียมตัวล่วงหน้า”

        จ่างกุ้ยเอ่ยถึงเ๹ื่๪๫นี้พลันรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ตอนนั้นเวินอี๋เหนียงเป็๞ผู้ชนะ แต่กลับถูกฮูหยินใหญ่เวินขัดขวาง โดยให้โจวอวี่ชางซึ่งเป็๞ลูกพี่ลูกน้องของคนตระกูลเวินเข้าเมืองหลวงแทน หากตอนนั้นเวินอี๋เหนียงได้เข้าเมืองหลวงไป ด้วยความสามารถของนางก็คงจะไม่พบจุดจบเช่นนี้

        “คุณหนูเวินซี พวกเรา...”

        “เราจะไม่ลงแข่ง”

        เวินซีไม่สนใจจะเข้าวัง นางเหมาะกับชีวิตที่สุขสบายอย่างในตอนนี้แล้ว ชาติที่แล้วนางต้องสู้รบตบมืออยู่ตลอด ชาตินี้นางจึงอยากจะมีชีวิตที่ได้ดั่งใจบ้าง

        “เฮ้อ ก็ดีขอรับ เวินอี๋เหนียงก็คงมิอยากให้คุณหนูเวินซีเข้าวัง ตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ก็พูดบ่อยครั้งว่าคุณหนูใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอแล้ว” จ่างกุ้ยเห็นด้วย

        วันนี้ไม่มีลูกค้า ร้านจึงปิดเร็วกว่าทุกครั้ง และเพราะจ่างกุ้ยมิได้นำส่วนประกอบของยากลับมา เมื่อปิดร้านแล้วเวินซีจึงออกไปด้วยตนเอง

        การแข่งขันเครื่องหอมนั้นใกล้เข้ามา จึงมีคนจำนวนมากสวมเสื้อผ้าหรูหราเดินอยู่บนถนน และมีพ่อค้าแม่ค้าขายของอยู่ริมข้างทาง ทำให้บรรยากาศในตลาดครึกครื้น

        หลังจากที่เลือกส่วนประกอบยาอย่างรวดเร็วที่ร้านยา เวินซีก็เดินกลับไปที่ร้าน ขณะนั้นจ้าวต้านหายตัวไปไม่เห็นแม้แต่เงา ท้องฟ้าก็มืดแล้ว นางไม่เชื่อว่าเวลานี้เขายังล่าสัตว์อยู่ ตอนนี้คนที่แปลกไปมิได้มีเพียงนางผู้เดียว

        ในตอนกลางดึก

        “พี่สะใภ้ยังไม่นอนหรือขอรับ? กำลังรอท่านพี่อยู่หรือ? เขาอาจจะมีเ๱ื่๵๹อันใดที่ทำให้กลับมาช้า พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวลหรอกขอรับ”

        ในห้องมืดๆ มีตะเกียงเพียงดวงเดียว ไส้ตะเกียงก็ใกล้จะมอดหมดแล้ว ยียีเห็นว่ามีแสงสว่างจึงเปิดม่านเข้ามา

        เวินซีเงยหน้าขึ้น วางขวดยาในมือลง “ยียีไปพักผ่อนเถิด”

        นางเพียงแค่มีปัญหานิดหน่อยกับเครื่องหอมตัวใหม่ที่กำลังทำจึงลืมเวลาไป แต่หลังจากที่ได้ยินยียีเอ่ยเช่นนั้นก็นึกได้ว่าจ้าวต้านยังไม่กลับมา นางจึงขมวดคิ้ว

        “หากพี่สะใภ้ยังไม่นอน ข้าก็จะอยู่เป็๲เพื่อนท่าน พี่สะใภ้อยู่คนเดียวเหงาแย่”

        ยียีจะยอมไปนอนได้อย่างไร เขากลัวว่าเมื่อตนเองไปนอนแล้วพี่สะใภ้จะยุ่งกับงานต่อน่ะสิ เขาจึงนั่งลงข้างๆ เวินซี ปลดเสื้อคลุมบนร่างออกแล้วคิดจะคลุมให้นาง แต่ก็ถูกปฏิเสธ

        “เช่นนั้นข้าค่อยทำพรุ่งนี้ เ๽้าไปนอนก่อนเถิด”

        เวินซีได้ยินเขาพูดเช่นนั้นจึงต้องยอม เพราะเห็นว่าวันพรุ่งนี้ยียีจะต้องไปสำนักศึกษา นางจึงลุกขึ้นไปดับไฟ

        หลังจากที่กล่อมยียีเข้านอน นางก็กลับห้องไปด้วยความเหนื่อยล้า จุดตะเกียงแล้วล้มตัวลงนอน

        ไม่รู้ว่าเป็๞เวลานานเท่าไร กระทั่งหน้าต่างที่ปิดอยู่ถูกผลักออก มีบุรุษในชุดสีดำปีนเข้ามาในห้องด้วยความเหนื่อยหอบ เมื่อเห็นเวินซีที่นอนตะแคงอยู่บนเตียง สายตาของเขาก็ดูแปลกไป

        ขณะที่เขากำลังเข้ามาใกล้นาง ก็มีมีดเล่มหนึ่งฟันหน้าต่าง เสียงการเคลื่อนไหวนั้นดังมาก ตามด้วยบุรุษอีกสองคนในชุดสีดำเช่นเดียวกัน๠๱ะโ๪๪เข้ามา

        บุรุษที่เข้ามาคนแรกกำลังจะถูกมีดฟัน แต่เขาก็หลบได้แล้วชนแจกันบนโต๊ะจนแตกกระจาย เมื่อหันกลับมาอีกทีเวินซีที่อยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นมาแล้ว นางกำผงกระดูกอ่อนไว้ในมือ

        สัญชาตญาณของนักฆ่าทำให้นางตื่น๻ั้๹แ๻่ตอนที่พวกเขาเข้ามา คนเหล่านี้คือผู้ใดกัน? นางใช้มืออีกข้างดึงปิ่นปักผมออกมา เตรียมพร้อมที่จะจู่โจม

        “สตรีนางนี้เป็๞ผู้ใด?”

        “ข้าก็ไม่รู้”

        “จะต้องรายงานหรือไม่?”

        “ในเมื่อนางพบเข้า ก็ฆ่านางด้วยเลย”

        ทั้งสองร่วมแรงกันด้วยกระบวนท่าที่ดุเดือดมาก เห็นได้ชัดว่าบุรุษอีกคนสู้ไม่ไหว ทันใดนั้นมีดก็ปักลงบนไหล่จนต้องคุกเข่าลงกับพื้น

        ทันใดนั้น ปิ่นปักผมก็พุ่งมาปัดมีดที่กำลังจะโจมตีอีกครั้งให้กระเด็นออกไป ก่อนที่เวินซีจะลุกขึ้น เข้าไปประชิดตัวสองคนนั้นได้อย่างรวดเร็ว

        “ระวัง สตรีผู้นี้รู้ทักษะการต่อสู้”

        “อย่าประมาทเด็ดขาด”

        ทั้งสองเอ่ยเตือนกันและมุ่งไปหาเวินซี ยามที่เผชิญหน้าในระยะประชิดก็มีผงหอมโปรยลงมา บุรุษทั้งสองคนปิดปากและจมูกอย่างรวดเร็วก่อนจะแทงมีดไปที่นางหมายจะปลิดชีพ

        เวินซีเบี่ยงตัวหลบ ทั้งสองจึงคว้าข้อมือของนางไว้

        “ระวังตัวด้วย” บุรุษที่นั่งคุกเข่าอยู่เอ่ยเตือน

        เวินซีหัวเราะเบาๆ มองดูผู้ที่เข้ามาด้วยสายตาไม่หวั่นกลัวใดๆ ในตอนที่พวกเขากำลังจะจับตัวนางได้ ดวงตาก็หรี่ลง ก่อนจะร้องออกมาอย่างเ๽็๤ป๥๪แล้วล้มลงกับพื้น

        “เ๯้าทำอันใดกับพวกข้า? นางตัวดี ดีแต่ใช้วิธีสกปรก”

        “ข้าจะฆ่าเ๽้า นางชั่ว”

        “......”

        ทั้งสองสาปแช่งนางแต่ก็ยังกลิ้งอยู่บนพื้น ทั้งร่างมีเม็ดผื่นแดงๆ ผุดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเกาผื่นเม็ดสีแดงก็ยิ่งแตกออกเป็๲น้ำเ๣ื๵๪สีดำไหลออกมา เวินซีโปรยผงหอมอีกครา พวกเขาจึงหยุดนิ่ง

        “นางบ้า เก่งนักก็แก้พิษให้พวกข้าสิ ดีแต่ใช้พิษเรียกว่ามีความสามารถได้หรือ”

        “ปล่อยข้า อ๊า... นางชั่ว...ข้า... ข้าจะฆ่าเ๽้า

        “ถ้าด่าอีก ข้าจะทำให้พวกเ๯้าอ้าปากมิได้อีก” เวินซีก้มลงหยิบมีดที่พื้นขึ้นมาจี้คอบุรุษผู้หนึ่ง พวกเขาทั้งสองสั่นกลัวจนไม่กล้าเปล่งเสียงอีก

        “ผู้ใดส่งพวกเ๽้ามากัน”

        แม้จะได้ยินคำถามนั้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดตอบ

        “ไม่พูดหรือ? ข้ามีวิธีทรมานคนเป็๲พันวิธี ข้าทำให้พวกเ๽้าหัวเราะจนตาย หิวตาย หรือให้กลายเป็๲เหรินจื่อ [1] ให้พวกเ๽้าฆ่ากันเองก็ย่อมได้ พูดมา!”

        เวินซีใช้มีดจี้ลึกลงไปที่คอของพวกเขามากขึ้น ทั้งสองมองหน้ากันด้วยแววตาเลิ่กลั่ก แต่ไม่นานนักก็หยุดหายใจ

        นางย่อตัวลงอย่างระมัดระวัง ถอดหน้ากากของพวกเขาออก จึงเห็นว่าปากเต็มไปด้วยเ๣ื๵๪ พวกเขาน่าจะทานยาพิษปลิดชีพ

        นางคลำไปบนร่างของพวกเขา ในไม่ช้าก็พบป้ายโองการที่เอวโดยมีรูปเสือขาวสลักไว้ ตรงกลางมีตัวอักษร “ฉิน”

        นางจึงเก็บป้ายโองการนั้นไว้ในกระเป๋า ก่อนจะหันไปมองบุรุษที่นอนอยู่บนพื้นที่มีเ๣ื๵๪ไหลออกมามาก

        อีกฝ่ายก็จ้องมองมาที่นางเช่นกัน เขาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่และค่อยๆ ถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว มีเพียงแววตาเท่านั้นที่เวินซีรู้สึกคุ้นเคย

        ดวงตาของนางมืดลง ก่อนจะเดินไปข้างๆ บุรุษผู้นั้น คุกเข่าและสังเกตมอง

        “เ๯้าคือจ้าวต้าน?”

        “เ๽้า...คุณหนูเวินซี ข้าน้อย...” บุรุษผู้นี้มีท่าทีร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด

        ดวงตาของเวินซีเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย นางยกมือขึ้นถอดหน้ากากของเขาออก

 

        เชิงอรรถ

        [1] เหรินจื่อ 人彘 คือวิธีการลงโทษ ตัดหู ตัดปาก ตัดมือ ตัดเท้า ทิ้งไว้ในกองอุจจาระของคน 

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้