“เ้าพูดว่าอันใดนะ?” เวินอวิ๋นโปขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขานั้นจริงจังมาก คนรับใช้ได้ยินดังนั้นจึงคุกเข่าลงด้วยร่างกายที่สั่นเทา
“นายท่าน เมื่อครู่ข้านำอาหารไปให้ฮูหยินผู้เฒ่า แต่เมื่อเข้าไปก็เห็นนางล้มลงกับพื้น ข้ารีบไปพยุงนางขึ้นมาแต่ก็พบว่านางเสียแล้วขอรับ”
เสียแล้ว?
เวินอวิ๋นโปหันหลังกลับแล้วเดินไปที่สวนหลังทันที แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเวินจะทำเื่บัดสีเช่นนั้น แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็มารดา การที่เขาขังนางไว้ในห้องบรรพบุรุษก็เพื่อตัวนางเองและตระกูลเวิน แต่จู่ๆ วันนี้นางมาเสียชีวิต ในใจของเขาย่อมรู้สึกแปลกๆ จึงรีบก้าวเท้าโดยมีคนรับใช้ติดตามไป
เมื่อสถานการณ์เป็เช่นนี้ เวินซีกับจ้าวต้านก็ยังกลับไปมิได้เช่นกัน ทั้งสองจึงเดินตามเขาไปด้วย
ศพของฮูหยินผู้เฒ่าเวินถูกคนรับใช้ขนออกมาวางไว้บนแผ่นไม้กลางลาน ขณะนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดในห้องบรรพบุรุษ เหล่าคนรับใช้พากันคุกเข่าเรียงกัน
เวินอวิ๋นโปจ้องมองคนเ่าั้ด้วยความโกรธ พลันรีบเดินไปที่ร่างของศพด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าหมอง “เกิดอันใดขึ้น? ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้มีสุขภาพดีมาตลอดหรอกหรือ?”
แวบแรกที่เวินซีสังเกตเห็นก็คือรอยฟกช้ำสีเขียวที่คอของศพ หัวใจของนางเต้นแรงและมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“นายท่าน ฮูหยินผู้เฒ่า...นางน่าจะถูกรัดคอขอรับ ที่คอของนางมีรอยฟกช้ำสีเขียว” ในหมู่คนรับใช้ มีบุรุษผู้หนึ่งกล้าเอ่ยขึ้นมา
“รัดคอ? ผู้ใดกันที่กล้า!” เวินอวิ๋นโปเห็นรอยฟกช้ำที่น่ากลัวเช่นกัน เขากำมือแน่น ส่งสายตาเ็ากวาดมองทุกคนที่อยู่ด้วย
เื่นี้เกิดขึ้นในตระกูลเวิน ผู้ที่เสียชีวิตคือฮูหยินผู้เฒ่า สำหรับเวินอวิ๋นโปแล้วคนที่กล้าทำเื่เช่นนี้ถือเป็การท้าทายเขาอย่างใหญ่หลวง ด้วยท่าทางที่ดุดันของเขาทำให้คนรับใช้กลัวจนไม่กล้าเอ่ยปาก พวกเขาพากันก้มหน้าลง
“ผู้ใดเข้ามาที่สวนหลังวันนี้บ้าง?”
“ข้า...ข้านำอาหารมาให้นางขอรับ เื่อื่นข้าก็ไม่ทราบ”
“เ้ารีบไปเชิญท่านเ้าอำเภอ ต้องหาฆาตกรในวันนี้ให้เจอ”
“ฮูหยินผู้เฒ่า เหตุใดถึงเกิดเื่เช่นนี้ได้? เมื่อวานท่านยังให้คนส่งจดหมายมาให้ข้า ยังบอกว่าคิดถึงข้าอยู่เลย วันนี้...อ๊า...”
ยังไม่ทันที่ฮูหยินใหญ่เวินจะเดินมาถึง เสียงร้องของนางก็ดังมาก่อนเสียแล้ว นางร้องไห้จนหมดเรี่ยวแรง กระทั่งมีสตรีรับใช้และเวินเยียนที่ช่วยพยุงนางเดินเข้ามา ส่วนเวินอวิ๋นโปเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของนางก็รู้สึกหงุดหงิดพลันขมวดคิ้วแน่น
“ฮูหยินผู้เฒ่า” ฮูหยินใหญ่เวินแนบกายลงที่ร่างของฮูหยินผู้เฒ่า เวินเยียนเองก็ปาดน้ำตาด้วยเช่นกัน
“ฮูหยินใหญ่กับฮูหยินผู้เฒ่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร?” จ้าวต้านถามเสียงเบา
“ก็ไม่ดีหรอก” เวินซีแสยะยิ้ม
ในความทรงจำของเ้าของร่าง ฮูหยินผู้เฒ่าเวินสร้างความลำบากให้ฮูหยินใหญ่เวินไม่น้อย ยามนี้ฮูหยินใหญ่ก็แค่แสดงให้เวินอวิ๋นโปเห็นเท่านั้น
ในเวลาต่อมา คนของอำเภอก็รีบมาอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยเ้าอำเภอที่มาด้วยตนเอง คบเพลิงทำให้ท้องฟ้าดูสว่างขึ้น สวนหลังของตระกูลเวินมีนักการจากอำเภอยืนล้อมจนแน่นขนัด จากนั้นไม่นานขุนนางชันสูตรศพก็เริ่มทำการตรวจสอบ
“ฮูหยินผู้เฒ่าเวินมีรอยฟกช้ำที่คอ ไม่มีาแอื่นหรือได้รับพิษใดๆ ขอรับ”
เมื่อเขาพูดจบ ผู้คนก็เห็นพ้องต้องกันว่าฮูหยินผู้เฒ่าเวินถูกรัดคอจนตาย
“ในห้องบรรพบุรุษมีเศษแจกันแตก ฮูหยินผู้เฒ่าน่าจะมีการดิ้นขัดขืน” เ้าอำเภอมองดูสถานที่เกิดเหตุ ก่อนจะเห็นเวินซีในกลุ่มผู้คน เขาจึงประสานมือทักทายนาง “คุณหนูเวินซี”
“ใต้เท้าซุน รบกวนด้วยแล้วเ้าค่ะ”
“ไม่รบกวนหรอก มันเป็หน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”
ทั้งสองคนพูดคุยกันพอประมาณ ก่อนที่เ้าอำเภอจะเริ่มทำคดีต่อ
ทันใดนั้นเองในกลุ่มคนรับใช้ เสี่ยวชุ่ยก็หมอบคลานออกมา “นายท่าน ท่านเ้าอำเภอ คุณหนูเวินซีได้มาที่สวนหลังคนเดียวเ้าค่ะ”
“เวินซีหรือ?” เวินอวิ๋นโปหันไปมองนาง
“เ้าค่ะ คุณหนูเวินซีไปจัดการข้าวของของเวินอี๋เหนียง”
“ข้าน้อยก็เห็นเช่นกันขอรับ”
“คุณหนูเวินซีไปที่สวนหลังคนเดียวขอรับ”
คนรับใช้อีกคนพูดตามกัน
“นอกจากเวินซีแล้ว มีผู้ใดอีกหรือไม่?” เ้าอำเภอขมวดคิ้ว
จากเหตุการณ์ที่เวินซีช่วยถอนพิษในครานั้น สำหรับเ้าอำเภอแล้วนางเป็คนที่เชื่อถือได้ เขาเชื่อว่านางเป็ผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้
“ไม่มีผู้ใดแล้วขอรับท่านเ้าอำเภอ”
“เวินซีไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำร้ายฮูหยินผู้เฒ่าเวิน เื่นี้ต้องพิจารณาดีๆ เสียก่อน”
เ้าอำเภอ้าเข้าไปในห้องบรรพบุรุษเพื่อหาเบาะแสอีกครั้ง แต่เวินเยียนที่ยืนอยู่อีกข้างก็รีบเดินออกมา “ไม่จำเป็หรอกเ้าค่ะท่านเ้าอำเภอ ท่านย่าเป็คนสั่งให้ทุบตีเวินอี๋เหนียงจนตายเ้าค่ะ”
“คุณหนูเวินเยียนหมายความอย่างไร? กำลังสอนข้าทำคดีอย่างนั้นหรือ?” เ้าอำเภอถามกลับ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“ข้า...ข้ามิกล้าเ้าค่ะ” คำพูดของเวินเยียนจึงถูกปัดไป
เ้าอำเภอพ่นลมอย่างเ็า ไม่สนใจนางและก้าวเข้าไปในห้องบรรพบุรุษ
“ท่านพ่อ” เมื่อไม่บรรลุเป้าหมาย เวินเยียนจึงคิดจะขอความช่วยเหลือจากเวินอวิ๋นโป
เวินอวิ๋นโป้าพึ่งพาเวินซีเพื่อกอบกู้ตระกูลเวิน เขาจะสนใจเวินเยียนได้อย่างไร ในเวลานี้จึงมีสีหน้าอึมครึม ยากที่จะคาดเดาได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นสีหน้าของเวินเยียนจึงดูน่าเกลียด แต่นางก็ไม่กล้าเอ่ยปาก หากพูดมากอีก ตนเองจะถูกสงสัย
สุดท้ายแล้วจึงกลายเป็ฮูหยินใหญ่เวินที่มองเห็นความลำเอียงของทุกคนไปที่เวินซี ในใจของนางก็โกรธมาก จึงด่ากราดออกมาเพื่อระบายอารมณ์
“เวินซี เป็เ้าใช่หรือไม่? ฮูหยินผู้เฒ่าเป็คนดีมีเมตตา นางมิเคยเป็ศัตรูกับผู้ใด มีเพียงเ้าที่คิดจะทำร้ายนาง เ้าช่างเหี้ยมโหดนัก”
“ตระกูลเวินกลายเป็อย่างเช่นทุกวันนี้ก็เพราะเ้า เ้าเกิดมาเพื่อจะฆ่าล้างตระกูลเวินเสียจริง”
“หุบปาก” จ้าวต้านเอ่ยปากห้ามฮูหยินใหญ่เวินไว้
ทว่าเวินซีไม่ได้สนใจแล้วเดินเข้าไปใกล้ศพ นั่งยองลงท่ามกลางสายตาของทุกคน นางใช้มือยกคางศพขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยช้ำทั้งหมด
“เวินซี เ้าบ้าไปแล้วหรือ? เ้ารีบปล่อยนะ ฮูหยินผู้เฒ่าจะโดนเ้าดูถูกเช่นนี้มิได้”
ฮูหยินใหญ่เวินยื่นมือออกไปจะตีเวินซี แต่ก็ถูกจ้าวต้านสกัดไว้ได้อย่างรวดเร็ว นางกรีดร้องเสียงดัง ล้มลงกับพื้นอย่างน่าสมเพช
“เจอสิ่งใดบ้างหรือไม่?” จ้าวต้านนั่งลงข้างเวินซี
“ฮูหยินผู้เฒ่าเวินน่าจะแขวนคอตาย”
“เวินซี เ้าอย่าพูดมั่วๆ นะ เหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องแขวนคอตายด้วย” ฮูหยินใหญ่เวินลุกขึ้นจากพื้น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโหมาก
“หากอยากรู้ก็ตายไปถามนางเองสิเ้าคะ” เวินซีปล่อยมือ พลันลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
“เ้า... แขวนคอตายหรือ? เ้ามีหลักฐานหรือไม่? อย่าพูดมั่วๆ เพียงเพื่อจะลบความสงสัยในตัวเ้านะ”
“ประการแรก รอยฟกช้ำที่คอของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่บริเวณครึ่งบน ซึ่งมิใช่ตำแหน่งที่เห็นได้ชัด ประการที่สอง การแขวนคอตายจะมีรอยเพียงครึ่งเดียว หากถูกรัดคอตายจะมีรอยช้ำบริเวณกว้างตามแรงมือที่บีบรัด นี่เป็ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุด”
ขณะนั้นขุนนางชันสูตรศพมือไม้ไว เปิดเส้นผมที่บังคอของศพ ก่อนจะพบว่าบนคอของฮูหยินผู้เฒ่ามีรอยรัดเพียงครึ่งวงตามนั้นจริง
“ส่วนสาเหตุที่ฮูหยินผู้เฒ่าแขวนคอตาย หากจะถามก็ควรไปถามคนที่นำนางลงมาล่ะนะ”
ฮูหยินใหญ่เวินตัวสั่นจากการถูกเวินซีจ้องมอง นางเอาแต่ถอยหลังและกุมแขนของเวินเยียนไว้แน่น แต่แววตายังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ครานี้นางแพ้อีกแล้ว
ส่วนจ้าวต้านมองเวินซีที่ไม่มีความสั่นไหวใดๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
“ในเมื่อไม่เกี่ยวข้องกับข้า เช่นนั้นข้าก็ขอตัวเ้าค่ะ”
เวินซีดึงจ้าวต้านออกไป คราวนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปห้าม ต่างก็มองแผ่นหลังของพวกเขาจากไปด้วยความคิดที่ต่างกัน
สิ่งที่เวินซีอธิบายนั้นดังขึ้นซ้ำๆ ในหัวของเ้าอำเภอ เขาได้ทดสอบความแตกต่างระหว่างการถูกรัดคอกับการแขวนคอก็รู้สึกชื่นชมนางมาก
ยามนี้คดีได้คลี่คลายแล้ว คนจากอำเภอจึงพากันกลับไป ส่วนสาเหตุที่ฮูหยินผู้เฒ่าแขวนคอตายนั้นเป็เื่ในตระกูลเวิน ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
งานศพของเวินอี๋เหนียงกลายเป็งานศพของฮูหยินผู้เฒ่าเวินไปโดยปริยาย เวินเยียนโกรธจนแทบคลั่ง นางมิได้ออกจากจวนเลยถึงสามวัน เวินอวิ๋นโปก็โมโหมากเช่นกัน
ในอีกไม่กี่วันต่อมา เวินซีได้เปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ร้านค้าของนางเป็ที่นิยมจนไม่มีผู้ใดเทียบได้ เมื่อพบเจอแต่เื่ดีๆ นางก็ดูงดงามขึ้นไม่น้อย
จนกระทั่งในวันที่ห้าก็มีแขกที่คาดไม่ถึงมาที่ร้าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้