หลงจู้หออู๋ิหยุดการกระทำของเขาชั่วคราว ทุกคนในหออู๋ิจึงใจชื้นขึ้น
วินาทีถัดมา หลงจู้หออู๋ิก็พ่นลมหายใจแล้วหัวเราะด้วยท่าทางที่เกียจคร้านก่อนจะพูดว่า “เพียงแต่ว่า... วันนี้หลงจู้เช่นข้าอารมณ์ดี ข้าจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับพวกเ้าอีกแล้ว รีบไสหัวออกไปจากที่นี่เสีย และในเมื่อหออู๋ิมิอยู่ในสายตาของท่านโหวหย่งซิน เช่นนั้นั้แ่นี้เป็ต้นไป คนของท่านโหวหย่งซินจะไม่ได้รับอนุญาตให้เหยียบย่างเข้ามาในหออู๋ิอีก"
เมื่อหลงจู้หออู๋ิพูดจบ ใบหน้าของท่านโหวหย่งซินก็ไม่สามารถมองตรงๆ ได้อีกต่อไป สายตาของทุกคนที่มองใบหน้าของเขานั้นละเอียดอ่อนเป็อย่างยิ่ง และในเวลานี้ใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าวราวกับโดนไฟลน
บุตรชายของเขาถูกทำให้ขายหน้า บิดาเช่นเขา้าจับกุมตัวคนร้าย แต่สุดท้ายกลับลงเอยด้วยจุดจบที่น่าหดหู่และเสียศักดิ์ศรี [1]
เื่ของวันนี้ย่อมต้องถูกบอกกล่าวเล่าต่ออย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้วเขาจะเอาหน้าตาของวงศ์ตระกูลไปไว้ที่ใด?
ไม่สามารถเหยียบย่างเข้าหออู๋ิได้อีกต่อไป? นั่นหมายความว่าอย่างไร?
มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าภูมิหลังของหออู๋ิลึกลับและทรงพลังเช่นไร และยังมีของล้ำค่าอีกนับไม่ถ้วน เหตุใดพวกเขาที่มีเงินถึงใช้เงินซื้อไม่ได้กัน?
ท่านโหวหย่งซินบันดาลโทสะ
“กล้าดีอย่างไร? ข้าไม่เห็นด้วย ข้าเองก็เป็ลูกค้าของหออู๋ิ เ้ามีสิทธิ์อันใดถึงไม่ยอมให้ข้าเข้าไป”
โจวเหอเองก็โกรธเช่นกัน เมื่อเขาได้ฟังคำพูดของหลงจู้หออู๋ิจบก็ะเิโทสะทันที พลางะโเสียงดัง
“เสียงดังโหวกเหวกน่ารำคาญ ที่นี่ยังมีกฎมีเกณฑ์อยู่อีกหรือไม่! ”
ประโยคที่ทรงพลัง มาพร้อมความบ้าคลั่งที่ซ่อนเร้น ในวินาทีต่อมาทุกคนก็ได้เห็นร่างของโจวเหอที่ถูกยกขึ้นมาและร่างทั้งร่างก็ถูกโยนออกไปนอกประตูทันที
ฮู่ว…
เสียงกระแทกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนของโจวเหอ เขาถูกหลงจู้หออู๋ิโยนออกไปและกระแทกเข้ากับประตูของหออู๋ิ
เนื่องจากทางเข้าของหออู๋ินั้นสะอาดเอี่ยมจึงทำให้ไม่มีฝุ่นฟุ้งตลบขึ้นมาแม้แต่น้อย
ทุกคนตะลึงกับการกระทำของหลงจู้หออู๋ิและกลืนน้ำลาย ไม่กล้าหายใจแรงแม้แต่น้อย
หึหึ เมื่อสักครู่เ้าบอกว่าสตรีในหมวกงอบค่อนข้างดุร้ายเช่นนั้นหรือ? หลงจู้แห่งหออู๋ินั้นยิ่งดุดันกว่า เขาเรียบง่าย ทว่าหยาบคาย ดุดันและฉุนเฉียว ล้อเล่นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เฮ้อ... ชายหนุ่มสูดอากาศเย็นเข้าปอดและเปิดสภาวะกินแตงโม [2] ท่านโหวหย่งซินดันไปกระทบโดนจุด ปลุกให้เขาตื่นจากการหลับใหล ภาพตรงหน้านี้ช่าง...
ช่างน่าอนาถยิ่ง...
"ในที่สุดก็สงบเสียที..."
หลงจู้หออู๋ิโยนคนออกไปเสร็จเรียบร้อยก็ปัดๆ มือเพื่อทำความสะอาด ใบหน้าของเขากลับมาดูเกียจคร้านอีกครั้ง ดวงตาหงส์เลื่อนลอยมองมาที่ท่านโหวหย่งซิน "ท่านโหวที่เคารพ ท่านจะเดินออกไปด้วยตัวเองหรือจะให้หลงจู้เช่นข้า ‘เชิญ’ ท่านออกไปดีขอรับ? "
เมื่อได้ยินคำพูดของชายคนนั้น ในที่สุดท่านโหวหย่งซินก็ตอบสนอง ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ นิ้วชี้ไปที่หลงจู้หออู๋ิโดยไม่พูดอะไรอยู่เป็เวลานานและสูดลมเข้าออกฟึดฟัด มันติดขัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
ท่านโหวหย่งซินผู้สง่างาม ได้รับความอับอายขายหน้าในวันนี้นี่เอง
อีกทั้งบุตรชายของเขา...
“พวกเ้าตายกันหมดแล้วหรือ? เหตุใดถึงยังไม่ช่วยพยุงนายน้อยขึ้นมาเล่า”
ท่านโหวหย่งซินะเิโทสะและพูดด้วยความโกรธจัดใส่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่เขาพามาด้วย
เหล่าชายชาตรีทั้งหลายวิ่งกระเสือกกระสนไปที่ประตูด้วยมือและเท้าของพวกเขาเพราะความอับอาย และเนื่องจากความตื่นตระหนกและอลม่าน มีคนบังเอิญเหยียบเท้าของโจวเหอที่ล้มอยู่และไม่สามารถขยับร่างกายเองได้ ทันใดนั้นโจวเหอก็กรีดร้องะโด้วยเสียงโหยหวนอีกครั้ง
ฉากนี้ทำให้ท่านโหวหย่งซินโกรธจนเกือบจะหงายหลังล้มลงไป
ทว่าหออู๋ิมีภูมิหลังที่ลึกลับและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การที่หลงจู้ท่านหนึ่งจะโยนบุตรชายของเขาออกไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ถ้าเขาไม่มีความสามารถบางอย่าง จะกล้าหยิ่งผยองขนาดนี้ได้อย่างไร
ในใจของท่านโหวหย่งซินเกลียดจนแทบกระอักเืแต่สีหน้าของเขากลับไม่ปรากฏร่องรอยอารมณ์เลยแม้แต่นิด รวมถึงการที่เขาไม่กล้าที่จะข่มขู่หลงจู้หออู๋ิด้วย
ในทางตรงกันข้ามเขาจ้องไปที่ฮวาเหยียนและมู่เฉิงอินด้วยความโกรธเกลียด นี่คือการโยนความเกลียดชังทั้งหมดให้กับพวกนางสองคนแทน เื่นี้ยังไม่จบง่ายๆ เพียงเท่านี้แน่
ฮวาเหยียนขมวดคิ้ว เกลียดนางคนเดียวย่อมไม่เป็ไร แต่ถ้ากล้าเล่นกลลับหลังแตะต้องพี่สะใภ้มู่ของนาง เช่นนั้นนางยอมไม่ได้ นางยกเท้าเพื่อที่จะเดินตามออกไป
หลงจู้หออู๋ิสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของนาง เขาเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของฮวาเหยียนโดยไม่รู้ตัว
ฮวาเหยียนประหลาดใจจึงหันศีรษะกลับมาสบตาเขา
ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ใบหน้าของฮวาเหยียนไม่ชัดเจน มีเพียงรูปร่างและดวงตาที่เ็าพ่วงจิตสังหารเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้
หลงจู้หออู๋ิเลิกคิ้ว แม่นางน้อย้าฆ่าใครสักคน เขาชอบความกล้าของนาง
“หืม? ”
ฮวาเหยียนส่งเสียงของนางและมองไปที่เขาอย่างงงงวย
จากนั้นหลงจู้หออู๋ิถึงรู้ว่าเขายังคงจับแขนของหญิงสาวไว้อยู่ ชายหนุ่มแกล้งกระแอมไอเบาๆ และปล่อยมือด้วยความไม่ยินยอมเล็กน้อย
“แม่นางน้อย เ้ามีผลไม้ิญญาโลหิตสีชาด (赤血灵果) จริงๆ หรือ? ”
จู่ๆ ก็มีเสียงแว่วเข้ามาในหูของฮวาเหยียน
นางเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าหลงจู้หออู๋ิกำลังมองมาที่นางด้วยดวงตาที่ส่องประกายวาววับ
เมื่อมองไปทางซ้ายและขวา นางเป็คนเดียวที่ได้ยินคำพูดของหลงจู้หออู๋ิ
บุคคลนี้ใช้พลังลมปราณจากท้องเพื่อถ่ายทอดเสียง ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คาด
และดูเหมือนว่าเขาจะกระตือรือร้นมากเกี่ยวกับผลไม้ิญญาโลหิตสีชาด ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะปรารถนามันมากเช่นกัน
ฮวาเหยียนพยักหน้า
และเพราะการพยักหน้านี้ นางจึงเห็นดวงตาของหลงจู้หออู๋ิสว่างวาบขึ้น เขาสะบัดเสื้อคลุมสีแดง ก่อนหันไปมองท่านโหวหย่งซินพร้อมกับกล่าวว่า "สตรีสองนางนี้เป็ลูกค้ากิตติมศักดิ์แห่งหออู๋ิของข้าและเป็ผู้ที่ถูกคุ้มกันโดยหออู๋ิเช่นกัน หากท่านโหวหย่งซินมีความแค้นอยู่ในใจและ้าแก้แค้นใครสักคน จงมาหาคนของหออู๋ิหรือตามหาข้า หลงจู้แห่งหออู๋ิ แต่จงห้ามแตะต้องคนด้านหลังที่ไม่ควรแตะ”
น้ำเสียงต่ำเรียบเฉยและบางเบา ล่องลอยราวกับปุยเมฆ แต่ภัยคุกคามในนั้นชัดเจนยิ่งนัก
หลังของท่านโหวหย่งซินแข็งทื่อ ประกายในดวงตาของเขาดูไม่เต็มใจเป็อย่างยิ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมา เขาก้าวยาวๆ เดินไปที่ประตู สั่งให้ชายชาตรีจากจวนโหวทำการอุ้มโจวเหอขึ้นและจากไปด้วยความอับอาย
เดิมทีเื่ที่โจวเหอถูกโยนออกจากหออู๋ิย่อมสร้างความปั่นป่วนให้กับเหล่าปวงประชา ผู้คนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นอยู่รอบๆ ประตูต่างก็เดาว่าเป็ผู้ใดที่สายตาคับแคบยั่วโทสะของหออู๋ิกัน?
ต้องทราบก่อนว่าหออู๋ิมีตัวตนอยู่ในเมืองหลวงแห่งราชวงศ์ต้าโจวมานานหลายทศวรรษ เอกลักษณ์และภูมิหลังของที่นี่นั้นลึกลับซับซ้อนเป็อย่างยิ่ง แม้แต่ฮ่องเต้ที่เคยมาเยี่ยมชมหออู๋ิ ยังต้องตรัสอวยพรให้แก่หออู๋ิสองสามคำ ดังนั้นสถานะของที่นี่จึงชัดเจนยิ่งนัก ไม่จำเป็ต้องกล่าวก็ทราบโดยทั่วกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหออู๋ินั้นได้รับสมบัติมากมายด้วยวิธีการต่างๆ
เสียงของหลงจู้หออู๋ิไม่ดังหรือเบาเกินไป ผู้ที่ชมอยู่โดยรอบสามารถได้ยินทั่วถึงอย่างชัดเจน ท่าวโหวหย่งซินถูกลบรายชื่อออกจากแขกของหออู๋ิ!
ทุกคนมองไปที่ท่านโหวหย่งซินด้วยความเห็นใจ
แต่เมื่อคิดไปถึงเื่ที่นายน้อยของจวนโหวนั้นออกอาละวาดระรานผู้คนในวันแสนธรรมดา การทะเลาะเบาะแว้งและกลั่นแกล้งผู้คนไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ทว่าเขากลับก่อเื่ให้กับหออู๋ิ สุดท้ายก็จบลงด้วยการถูกโยนทิ้งลงบนถนน ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสุขใจยิ่งนัก
ทางด้านท่านโหวหย่งซินและบุตรชายโจวเหอที่กำลังถูกอุ้ม พวกเขาอับอายจนต้องถอยหนีไปก่อน ส่วนอีกด้านหนึ่ง ผู้คนกำลังจับจ้องไปที่ฮวาเหยียนและมู่เฉิงอินด้วยความอิจฉา หลงจู้หออู๋ิประกาศให้พวกนางเป็ลูกค้ากิตติมศักดิ์ด้วยตนเอง รวมถึงการปกป้องนั่น นี่ถือเป็การให้เกียรติถึงระดับใดกัน?
อิจฉา ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก
สตรีสวมหมวกงอบคนนั้นคือผู้ใดกัน?
มู่เฉิงอินเองก็สับสนเล็กน้อยเช่นกัน นางมิได้ร่ำรวยมือเติบขนาดที่จะเป็ลูกค้ากิตติมศักดิ์ของหออู๋ิ วันนี้นางมาที่หออู๋ิเพื่อซื้อหญ้าิญญาลึกลับนั้นก็ถึงกับต้องใช้คลังสมบัติที่มีอยู่จนกลวงโบ๋ แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่านางกลับเป็คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
ในเวลานี้ ฮวาเหยียนก็เห็นชัดเจนแล้วว่าหลงจู้หออู๋ิกำลังใช้ประโยชน์จากนางเช่นกัน
นางยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม พิศดูแล้วเหมือนใบหน้าของผลไม้ิญญาโลหิตสีชาด
สุดท้ายแล้วในวินาทีถัดมาหลงจู้หออู๋ิก็กล่าวต่อว่า "แม่นาง ชั้นสองเป็ห้องสำหรับลูกค้ากิตติมศักดิ์ พวกเราไปที่ชั้นสองเพื่อพูดคุยเื่รายละเอียดกันดีหรือไม่"
"ตกลง"
ฮวาเหยียนพยักหน้า นางย่อมหมายความตามนั้น
นาง้าระดมทุนสามล้านเหรียญทองให้เพียงพอและนางก็้ารู้ว่าหลงจู้หออู๋ิจะประเมินราคาของผลไม้ิญญาโลหิตสีชาดเป็ราคาเท่าไหร่ ดังนั้นนางจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“น้องหญิงเหยียน...”
เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคน มู่เฉิงอินก็ะโขัดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“พี่มู่ ข้ามีเื่จะต้องคุยกับหลงจู้หออู๋ิ ท่านไม่ต้องเป็ห่วง เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ท่านกลับไปก่อนเถิด อย่าให้คนที่จวนต้องเป็ห่วงท่าน”
ฮวาเหยียนตบมือของนางและพูดเบาๆ
มู่เฉิงอินมองไปที่ฮวาเหยียน นางลังเลที่จะพูด ดวงตาคู่นั้นดูเหมือน้าจะกล่าวอะไรสักอย่าง มันเต็มไปด้วยคลื่นไม่มั่นคงราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นในวสันตฤดู
เพียงแค่ชำเลืองมองฮวาเหยียนก็เข้าใจสิ่งที่มู่เฉิงอิน้าจะสื่อ นางโน้มตัวลงข้างกายของมู่เฉิงอินก่อนจะกระซิบว่า "สิ่งที่ท่าน้าจะบอก ข้าย่อมเข้าใจดี ข้าให้สัญญา ข้าจะบอกนามของข้ากับท่านในครั้งต่อไปที่เราพบกัน ดีหรือไม่? "
เชิงอรรถ
[1] 灰头土脸 [huī tóu tǔ liǎn] ถูกปฏิเสธ ทำให้เสียหน้า
[2] สภาวะกินแตงโม 吃瓜 [chīguā] แปลว่า กินแตงโม หมายถึง รอชม รอดูเื่สนุกสนานข้างสนาม คำเต็มๆ คือ 吃瓜
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้