ห้องทดลอง สถาบันการแพทย์นั่วหยา
การฝังชิปการรักษาซิงเฉิน...1% 5% 70% 90% 99% 100%
ท่ามกลางห้องทดลองเงียบสงัด ระบบได้ส่งเสียงแจ้งเตือนดัง “ติ้ง! การฝังชิปเสร็จสมบูรณ์ ผู้ที่ระบบซิงเฉิงจะหลับสนิทเป็เวลาสามวัน”
“ฮ่าๆ ...ฮ่าๆ ...สำเร็จแล้ว... ฮ่าๆ ... ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว!”
“สำเร็จแล้ว... ฮ่าๆ ... ห้าสิบปีเต็มๆ ฮ่าๆ !”
“ฮ่าๆ ... เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง... ฮ่าๆ ...”
“ฮ่าๆ ...”
ศาสตราจารย์ทั้งห้าคนในห้องทดลองต่างตกอยู่ในห้วงความปีติยินดีจนน้ำตาไหลอาบหน้าเพราะความประสบความสำเร็จ!
ทว่าไม่มีผู้ใดสังเกตว่า สาวน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงหยกเหมันต์ ในเวลานี้กำลังค่อยๆ เลือนราง ราวกับว่าวินาทีถัดมาร่างทั้งร่างจะจางหายไปอย่างไรอย่างนั้น นางของนางยิ่งเลือนรางหายไปเรื่อยๆ ......
ทันใดนั้น บนเตียงเหมันต์ก็ปรากฏลำแสงอันเย็นเยือกที่เรียวแหลมราวกับคมดาบ ทิ่มแทงสายตาเป็อย่างยิ่ง ก่อนที่เตียงเหมันต์ทั้งหลังรวมถึงเด็กสาวที่นอนอยู่จะหายวับไปจากที่เดิม......
ในอุโมงค์แห่งกาลเวลา เป็เวลาสามวันเต็มที่มู่จื่อหลิงผู้นอนหลับใหลอยู่บนเตียงหยกเหมันต์ฝันเื่เดิมตลอดมา
ในห้วงฝันมีท่านยายเรือนผมสีขาวดอกเลา นางหันหลังให้ตนพลางมองไปยังขอบฟ้าอันไกลโพ้น พูดอย่างเชื่องช้าว่า “นางหนู ได้เวลาที่เ้าควรจะกลับไปแล้ว......”
มู่จื่อหลิงเดินเข้าไปใกล้ ทว่าเดินอย่างไรก็ไม่ถึงสักที ทุกๆ ครั้งล้วนขาดไปเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น
“เป็ใครกัน... ท่านเป็ใคร... แล้วข้าต้องกลับไปที่ใด...” ในห้วงฝันมู่จื่อหลิงะโออกมาอย่างไร้เสียง ทว่าสิ่งที่ตอบนางกลับมีเพียงความเงียบสงัดเท่านั้น
ชั่วพริบตาเดียวห้วงความฝันนั้นก็มลายหายไป
“โอ้ย! ตกลงเป็ใครกันแน่” ดวงตาที่ปิดสนิทของมู่จื่อหลิงเปิดพรึบอย่างกะทันหัน นางลุกขึ้นมานั่งอย่างอ่อนแรงบนเตียง ก่อนจะมองพินิจไปรอบห้องด้วยความหวาดระแวง
จู่ๆ ลางสังหรณ์ไม่ดีก็พรั่งพรูเข้ามาในใจ
มู่จื่อหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในสายตาคือ ม่านเตียงสีขาวบริสุทธิ์ แสงแดดสีนวลส่องทะลุผ่านลายฉลุของหน้าต่างแกะสลักเข้ามาแยกเป็ลำแสงเล็กๆ ให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและงดงาม
สภาพแวดล้อมแปลกตาทำให้มู่จื่อหลิงไม่อยากจะยอมรับในสิ่งที่เห็น นางกำลังฝังชิปการรักษาในห้องทดลองมิใช่หรือ? แล้วพวกศาสตราจารย์เล่า?
มู่จื่อหลิงขยับตัวอย่างอึดอัด กลับพบว่าเตียงนอนใต้ร่างของนางนั้นทั้งเย็นเฉียบและแข็งโป๊ก บนกายมีผ้าห่มผ้าไหมสีขาวที่นุ่มนิ่มและบางเฉียบหาใดเปรียบ
นางตลบผ้าห่มออกแล้วก้าวลงจากเตียง ก่อนจะพบว่าตนเองนั้นสวมกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนง่ายๆ เรือนผมสลวยสีดำสนิท พาดคลอเคลียอยู่บนหัวไหล่ทั้งสองข้าง
สภาพแวดล้อมยุคโบราณ! เสื้อผ้ายุคโบราณ!
เมื่อนึกถึงความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ หญิงชราผู้นั้นเป็ใครกันแน่?
หรือว่าที่กล่าวถึงในความฝันคือ การย้อนยุคมายังอดีต นางทะลุมิติมายุคโบราณหรือ?
มู่จื่อหลิงยืนอย่างโง่งมอยู่หน้ากระจก ในใจทั้งวุ่นวายทั้งเหลือเชื่อ
ทะลุมิติมาจริงๆ หรือ?
ภาพตนเองที่อยู่ในกระจก แม้จะยังคงรูปลักษณ์เดิม มิได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ใบหน้างดงาม ดวงตากระจ่างใส ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างเป็ธรรมชาติแผ่ซ่านออกมาจากข้างใน และผิวขาวราวกับหยกจนเหมือนจะเปราะแตกได้ทุกเมื่อ
ทว่านางยังรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกไป แต่มิอาจอธิบายได้!
บนหน้าผากมีผ้าพันแผลพันไว้อย่างแ่า เมื่อมู่จื่อหลิงเอื้อมมือไปจับตามสัญชาตญาณ ก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
จู่ๆ นางก็รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยบริเวณเรียวแขนด้านซ้าย เมื่อมู่จื่อหลิงเลิกแขนเสื้อขึ้นก็พบว่า บนแขนมีตราประทับรูปดาวอยู่ สิ่งนี้คือเครื่องหมายของระบบการรักษาซิงเฉิน การฝังชิปเสร็จสมบูรณ์แล้ว
คาดไม่ถึงว่านางจะนำติดตัวทะลุมิติมาด้วย เวลานี้ในใจนางมิอาจระงับความยินดีได้ไหว มีของดีเช่นนี้ทะลุมิติมาพร้อมกัน นางก็นับว่าไม่เสียเปรียบแล้ว
มู่จื่อหลิงเริ่มต้นใช้งานระบบซิงเฉินอย่างอดใจรอไม่ไหว ด้านในนั้นเป็มิติว่างเปล่าไร้รูปร่าง แบ่งเป็ห้าเขตแดน
เขตแดนที่ 1 ปลูกสมุนไพรไว้นานาพันธุ์ และยังมีสระน้ำหลิงอวิ้นหัว ซึ่งสามารถเพาะหรือรักษาอวัยวะได้
เขตแดนที่ 2 เป็ห้องหลอมโอสถ ด้านในมีอุปกรณ์หลอมทุกประเภทและถ้วยโถโอชาม
เขตแดนที่ 3 ด้านในหล่อเลี้ยงยาพิษไว้หลากหลายชนิด รวมถึงหญ้าพิษด้วย
เขตแดนที่ 4 หอแพทย์ ด้านในเต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่ครบครัน
เขตแดนที่ 5 นิรนาม
ระบบซิงเฉินนั้นสามารถนำสิ่งของที่้าออกมาผ่านการรับรู้ของตราประทับได้ทันที ประสิทธิภาพของระบบซิงเฉินนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก สามารถลดเวลาในการรักษาชีวิตผู้คนได้ไม่น้อย
ของดีเช่นนี้ เพียงแค่มองก็ทำให้ผู้พบเห็นน้ำลายไหลได้แล้ว!
เพื่อการทดลองซิงเฉินโครงการนี้ ศาสตราจารย์ผู้เข้าร่วมการวิจัยได้ทุ่มเทแรงกายและใจทั้งชีวิต ตอนที่ทดลอง สิ่งที่นางนอนคือเตียงหยกเหมันต์หมื่นปี ซึ่งนักโบราณคดีใช้เวลากว่าสามสิบปีขุดขึ้นมาจากธารน้ำ ณ ดินแดนที่อยู่เหนือสุดอันหนาวเหน็บ
มู่จื่อหลิงเองถือเป็ผู้ทดลองในการวิจัยครั้งนี้ นางสั่นะเืทั้งวงการแพทย์ด้วยการเป็นักศึกษาแพทย์อัจฉริยะที่ฉายแววั้แ่อายุยังน้อย รวมถึงเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาพิษอีกด้วย
ด้วยร่างกายที่มีความพิเศษของนางสามารถทนต่อความหนาวเหน็บที่เสียดแทงกระดูกจากเตียงหยกเหมันต์ได้ จึงโชคดีที่ได้กลายมาเป็ผู้ฝังระบบซิงเฉินเพียงผู้เดียว ซึ่งการฝังระบบการรักษานั้นถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านางจะทะลุมิติมาเสียก่อน
ทว่าความเสียใจก็คือความเสียใจ ในตอนนี้นางคงต้องค่อยๆ ยอมรับสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่เช่นนี้ แล้วค่อยค้นหาว่ามีวิธีกลับไปหรือไม่
ในความฝันนั้น เหมือนนางได้นอนอยู่บนเตียงหยกเหมันต์ มู่จื่อหลิงคิดว่าต้องมีสาเหตุมาจากเตียงหยกเหมันต์เป็แน่ หากหาเตียงพบก็อาจจะกลับไปได้
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็มีเสียงเร่งรีบดังมาจากนอกประตูเรือนระลอกหนึ่ง จากนั้นกลุ่มคนจึงพากันผลักประตูเข้ามา
“หลิงเอ๋อร์ ในที่สุดเ้าก็ฟื้นเสียที ยังเจ็บาแอยู่หรือไม่”
มู่จื่อหลิงมองตามเสียงไป พบว่าเป็ฟูเหรินผู้เฒ่าเ้าของเรือนผมสีขาวดอกเลา มีสาวใช้ประคองเดินเข้ามาด้วยความร้อนใจ ใบหน้าของฟูเหรินผู้เฒ่าเปี่ยมไปด้วยความเมตตาที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน หางตาเต็มไปด้วยริ้วรอยฝังลึก แสดงออกถึงร่องรอยแห่งวัยชรา
ใบหน้าของมู่จื่อหลิงเผยรอยยิ้มไม่ยินดียินร้าย “ข้าไม่เป็อะไรเ้าค่ะ”
“ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว ต่อไปมิอนุญาตให้เ้าวิ่งเล่นมั่วซั่วอีก ย่ากังวลยิ่งนัก” ฟูเหรินผู้เฒ่าดึงมือของมู่จื่อหลิงขึ้นมากุมไว้ด้วยท่าทางปวดใจ ในดวงตาแฝงทั้งแววตำหนิทั้งรื้นน้ำตา
หากมิใช่เพราะเกิดเื่เช่นนั้นขึ้นกับหลี่เอิน เพื่อปกป้องหลิงเอ๋อร์ กับพี่ชายของนาง นางคงไม่ไปจากพวกเขา
หลายปีมานี้ การที่ปล่อยให้หลิงเอ๋อร์อยู่ที่แห่งนี้เพียงลำพัง นางจึงมิอาจรู้สึกถึงความรักความห่วงใยจากคนใกล้ชิด จนทำให้หลิงเอ๋อร์ ต้องอดทนอดกลั้นต่อการถูกผู้อื่นกลั่นแกล้งอย่างเช่นทุกวันนี้
“ท่านแม่ หลิงเอ๋อร์เพิ่งฟื้น ท่านอย่าได้ตำหนินางเลย” ชายวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดจิ้นจวง [1] กล่าวขึ้น ใบหน้าชายวัยกลางคนผู้นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสง่าผ่าเผย รูปร่างสูงใหญ่ กระดูกเส้นเอ็นแข็งแรง ทั้งน่าเกรงขามและเข้มงวด เค้าโครงเครื่องหน้าองคาพยพคมคายล้ำลึก ดูท่าทางราวกับผู้ที่ผ่านสนามรบมาเป็เวลานาน
-------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ชุดจิ้นจวง คือชุดโบราณของจีนที่เรียบและประณีต
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้