บทที่ 61 ล้อมค่ายตระกูลลั่ว
ในค่ายของตระกูลลั่วจุดคบเพลิงอย่างรวดเร็ว เสียงเคาะประตูกลางดึกดังสนั่นราวกับเสียงกลองศึกอย่างไรอย่างนั้น แทบจะทำให้ทุกคนในบ้านนี้ใกันหมด ผ่านไปไม่นานก็มีเงาคนร่างหนึ่งปรากฏบนกำแพงบ้าน
“ใครกันมารบกวนค่ายตระกูลลั่วกลางดึกเช่นนี้?” คนผู้หนึ่งถามกลับไปอย่างโมโห แต่เมื่อพวกเขาเห็นแสงสว่างจากกลุ่มคบเพลิงนอกประตูว่ามีคนจำนวนไม่น้อยขยับไปมา จึงลังเลอยู่สักครู่ แต่ก็ไม่มีคนเปิดประตูอยู่ดี อย่างไรเสียก็มีหน้าไม้จำนวนมากติดตั้งอยู่บนกำแพงพอให้อุ่นใจได้
“ข้าน้อยว่านเจียฉาย เถ้าแก่หอการค้าตระกูลว่าน”
“ข้าน้อยหลิวซื่อ เถ้าแก่หอการค้าซื่อทง!”
“ข้าน้อยจ้าวผู่จากหอการค้าผู่จี้!”
“รีบไปบอกให้ผู้รับผิดชอบที่นี่ของพวกเ้าออกมาพบด่วน!”
“หอการค้าตระกูลว่าน หอการค้าซื่อทง หอการค้าผู่จี้? ไม่ทราบว่าพวกท่านมากลางดึกมีเื่อันใด กลางคืนพวกข้าไม่สะดวกเปิดประตู หากมีธุระใดค่อยมาพรุ่งนี้... ” เสียงตอบกลับจากบนกำแพงเด็ดขาดอย่างมาก
ว่านเจียฉายทำสัญลักษณ์มือให้กู้อวิ๋นเซียว จากนั้นกู้อวิ๋นเซียวก็ถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ ลั่วถูเองก็ไม่เคาะประตูอีก ถอยกลับตามกลุ่มคนไปเงียบกริบ ขณะที่กลุ่มคนกำลังตื่นตระหนก ไม่มีใครสังเกตเลยว่าลั่วถูได้หายตัวไปในความมืดแล้ว
ผู้รับผิดชอบค่ายตระกูลลั่วคือลั่วเฉิงเจียง และเป็หนึ่งในผู้าุโของหอาุโแห่งตระกูลลั่วด้วย หากนับดูก็น่าจะเป็ศิษย์น้องของผู้าุโใหญ่ลั่วเฉิงกง เขามีอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ยังคงเป็ถึงยอดฝีมือศิษย์าขั้นเจ็ด นับได้ว่าเป็เสาหลักของตระกูลลั่วอย่างแท้จริง ก่อนที่เขาจะถูกปลุกจนตื่น ก็เพิ่งทำศึกบนเตียงกับภรรยาน้อยไป เพิ่งหลับได้ไม่ทันไรแท้ๆ
พอถูกปลุกจนตื่นในเวลาเช่นนี้ เขาจึงโมโหอย่างหนัก ได้แต่ค่อยๆ นำมือออกจากศีรษะที่สวยงามราวเทพธิดาของภรรยาน้อย จากนั้นหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ภรรยาน้อยที่ดูราวกับลูกแมวตัวน้อยอย่างอ่อนโยน
การที่เถ้าแก่หอการค้าทั้งสามมารวมตัวกันกลางดึก ทำให้เขาอดสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ถึงตระกูลลั่วจะมีเส้นทางการค้าของตัวเอง ทว่ากับหอการค้าทั้งสามกลับไม่ได้ติดต่อซื้อขายกันเป็พิเศษ ตระกูลว่าน ตระกูลหลิว ตระกูลจ้าว ถึงไม่อาจเทียบตระกูลลั่วของเขาได้ แต่สถานะก็ต่างกันไม่มาก ทว่าหากทั้งสามตระกูลร่วมมือกัน ตระกูลลั่วก็ไม่ใช่คู่มืออีกต่อไป ดังนั้นเื่นี้ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ใช่เื่ธรรมดาแล้ว ทำได้เพียงลุกจากเตียงนอนแสนอ่อนนุ่มกลางดึก
“เ้าอ้วนว่านสมควรตาย กลางดึกเช่นนี้ปล่อยให้คนนอนหลับดีๆ ไม่ได้หรือไร!” ลั่วเฉิงเจียงก่นด่าออกมาหลายคำ ทว่าเมื่อเขาเร่งฝีเท้ามาถึงหน้าประตู กลับไม่กล้าเปิดประตูเสียอย่างนั้น ด้านนอกประตูมีคนล้อมอยู่มากถึงร้อยหรืออาจถึงสองร้อยคน ทำเอาลั่วเฉิงเจียงถึงกับตาสว่าง คนพวกนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ หรือว่าคิดจะปล้นค่ายของตระกูลลั่วนอกเมืองเทียนตูกัน? จิตสังหารที่รุนแรงเช่นนั้น มองดูก็รู้ว่าไม่ได้มาดีแน่ เขาถามตัวเองว่า่นี้ตระกูลลั่วไม่ได้ล่วงเกินหอการค้าทั้งสามสักครั้ง หากคิดโจมตีค่ายแห่งนี้จริง พวกนั้นไม่กลัวว่าผู้รักษากฎจะลงโทษหรือ?
“ข้าน้อยลั่วเฉิงเจียง ไม่ทราบว่าเถ้าแก่ทั้งสามท่านมาเยี่ยมเยียนกลางดึกเช่นนี้มีเื่อันใดหรือ?” อย่างไรเสียลั่วเฉิงเจียงก็เคยพบเจอผู้คนมาไม่น้อย แรกเริ่มก็ต้องถามเจตนาของอีกฝ่ายให้ชัดเจนก่อน
“ลั่วเฉิงเจียง ที่แท้เป็ผู้าุโลั่วนี่เอง ข้าอยากถามเื่หนึ่ง ตระกูลลั่วของพวกท่านมีผู้น้อยคนหนึ่งนามว่าลั่วฉวินอิงหรือไม่?” ว่านเจียฉายพยายามสะกดความโกรธในใจลง และถามกลับไป
“ลั่วฉวินอิง?” จู่ๆ ในใจของลั่วเฉิงกงก็กระตุกวูบ วันนี้ลั่วฉวินอิงได้รับภารกิจ ทว่าจนฟ้ามืดแล้วก็ยังไม่กลับมา เขาสังหรณ์ได้รางๆ ว่าอาจเกิดเื่ได้ พอได้ยินว่านเจียฉายกล่าวถามถึงเช่นนี้ ก็มั่นใจได้เลยว่าคงเกิดเื่กับฉวินอิงเข้าแล้ว แต่เขายังไม่อาจตัดสินได้ อย่างไรเสียตัวตนของลั่วฉวินอิงในตระกูลลั่วก็นับว่ามีชื่อไม่เบา ขอแค่ฝ่ายตรงข้ามค้นหาสักเล็กน้อย ก็คงพบปัญหาที่ตามหาแล้ว
“มิผิด ฉวินอิงเป็หลานชายของข้า แต่วันนี้ออกไปทำธุระด้านนอก ยังไม่กลับมา ไม่ทราบว่าหลายชายของข้าได้ไปล่วงเกินเถ้าแก่ทั้งสามท่านหรือ? หากเป็เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะพาหลายชายฉวินอิงของข้าไปขออภัยเถ้าแก่ทั้งสามถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง” ลั่วเฉิงเจียงกล่าวออกไปอย่างจริงจัง
สีหน้าของว่านเจียฉาย หลิวซื่อและคนอื่นๆ บิดเบี้ยวไม่น่ามองขึ้นมาทันที เ้าลั่วฉวินอิงที่แท้ก็ออกไปทำภารกิจนี่เอง เช่นนั้น สินค้าของพวกเขาที่ถูกขโมยไป ต้องเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้แน่ เดิมทีในใจของพวกเขายังคงลังเลอยู่บ้าง แต่บัดนี้ความลังเลกลับหายไปหมดสิ้น ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะอย่างเ็า “ผู้าุโลั่ว เื่ที่ว่าจะมาขออภัยกับพวกข้านั้นไม่ต้องมากพิธีไป ถึงข้าผู้แช่ว่านจะไม่ค่อยมีฝีมือนัก แต่ว่าใจเมตตายังพอมีเหลืออยู่บ้าง แค่พวกเ้าคืนสินค้าของพวกเรามาทั้งหมด ข้าผู้แช่ว่านขอรับรองว่า จะไม่ให้พี่หลิวกับพี่จ้าวลงมือสอบสวนเื่ราวในวันนี้!”
“อะไรนะ? ของอะไรของพวกเ้า? ผู้แช่ลั่วไม่เข้าใจว่าเถ้าแก่ว่านหมายถึงสิ่งใดกัน” ลั่วเฉิงเจียงใ
ว่านเจียฉาย หลิวซื่อและคนอื่นๆ ได้แต่มองหน้ากันเอง คำพูดของลั่วเฉิงเจียงที่กล่าวมา พวกเขาตีความต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือฝ่ายตรงข้าม้าปฏิเสธว่าได้ขโมยสินค้าของพวกตน ทว่าบรรดาศพของศิษย์ตระกูลลั่วที่เขาพบเป็พวกของลั่วฉวินอิงไม่ผิดตัวแน่ แถมตอนนี้ลั่วเฉิงเจียงก็ยอมรับแล้วด้วยว่านั่นเป็ภารกิจของพวกเขา แต่ตอนนี้กลับจงใจแกล้งตีหน้าซื่อ เ้าหมอนี่เห็นพวกเขาเป็คนโง่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
“ถ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่าผู้าุโลั่วไม่ยอมรับเื่ที่พวกเ้าทำในวันนี้เองนะ!” น้ำเสียงของว่านเจียฉายแฝงไว้ซึ่งความเย็นะเืหลายส่วน น้ำเสียงที่กล่าวถามออกไปค่อยๆ เริ่มมีน้ำโหเสียแล้ว
“ผู้แซ่ลั่วไม่เข้าใจว่าพวกท่านพูดถึงเื่อะไร ถ้าเป็หลายชายฉวินอิงของข้าล่วงเกินพวกท่าน เช่นนั้น ผู้แซ่ลั่วขออภัยกับทุกท่านที่นี่ด้วย เมื่อเขากลับมา ข้าจะสอบถามให้เองว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกเขาทำไม่ถูก พรุ่งนี้ข้าจะพาหลานชายไปขอโทษเถ้าแก่ทั้งสามถึงที่ด้วยตัวเอง ไม่ทราบว่าทุกท่านคิดเห็นเช่นไรหรือ!”
“ให้รอจนถึงพรุ่งนี้ เ้าคิดว่าข้าหลิวซื่อผู้นี้โง่นักหรือ? ขืนรอถึงพรุ่งนี้ สินค้าของพวกข้าคงถูกเ้าส่งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ลั่วเฉิงเจียง ในเมื่อลงมือไปแล้ว เหตุใดจึงไม่กล้ายอมรับ ถ้าคืนนี้พวกเ้าไม่ส่งสินค้าของพวกข้าคืนมา เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
“หลิวซื่อ เ้าหมายความว่าอย่างไรกัน? สินค้าอะไรของพวกเ้า สินค้าของพวกเ้าเกี่ยวอะไรกับข้าผู้แซ่ลั่วด้วย!” ลั่วเฉิงเจียงโมโหแทบควันออกหู ทว่าในใจของเขาเริ่มเข้าใจแล้ว เกรงว่าเื่ในคืนนี้คงไม่ง่ายเสียแล้ว หอการค้าทั้งสามเป็ถึงหอการค้าที่มีอิทธิพลในเมืองเทียนตู พ่อค้าต้องโกรธเื่เงินทองเป็ธรรมดา ทว่าทั้งสามคนร่วมมือกันบุกมากลางดึก และฟังจากที่พูดมา เกรงว่าจะมีของหาย คงไม่ใช่เื่โกหก แต่ตระกูลลั่วของพวกเขาไม่เห็นสินค้าของฝ่ายตรงข้ามสักชิ้น เื่นี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจรับไว้ได้ อย่างน้อยเขาต้องตรวจสอบเื่นี้ให้กระจ่างเสียก่อน มิหนำซ้ำยังเหมือนจะเกี่ยวข้องกับฉวินอิงอีกด้วย หรือว่าหลังจากฉวินอิงไปสังหารเ้าขยะลั่วถู ก็ไปล่วงเกินหอการค้าทั้งสามเข้า พอคิดได้ถึงตรงนี้ ลั่วเฉิงกงก็ถึงกับเหนื่อยหน่ายกับคนไม่เอาไหน
“ลั่วเฉิงเจียง ในเมื่อเ้าไม่ยอมรับว่าเอาสินค้าของเราหอการค้าทั้งสามไป เช่นนั้นเ้ากล้าเปิดประตูให้เราเข้าไปค้นหาหรือไม่... ” จ้าวผู่กล่าวเสียงต่ำ ด้วยกำแพงที่สูงทำให้ระดับการป้องกันค่ายสูงลิบตามไปด้วย ถ้าวันนี้ต้องสู้สุดกำลังจริงๆ เกรงว่าพวกเขาคงต้องสูญเสียกำลังพลมากมายที่นี่แน่นอน อีกทั้งหากเปิดศึกกันตอนนี้ ต้องมีการแจ้งเตือนถึงวิหารเสินจั้นและวิหารอิงหลิงแน่ ถึงเวลานั้นถ้ามีผู้รักษากฎกับผู้พิทักษ์มา ก็คงเป็เื่น่าปวดหัวอีกเื่ แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามยืนยันปฏิเสธจริง ต่อให้ต้องถล่มค่ายตระกูลลั่วให้ราบคาบเขาก็ไม่คิดเสียดาย ในเมื่อพวกเขามีเหตุผล ต่อให้ผู้รักษากฎมาที่แห่งนี้ก็พูดด้วยเหตุผลไปเสีย
“เถ้าแก่จ้าว คำกล่าวของเ้ามันมากเกินไปแล้ว ตระกูลลั่วของข้าเป็คนทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์มาโดยตลอด จะไปขโมยสินค้าของพวกเ้าทั้งสามได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น กลางดึกเช่นนี้ พวกเ้าทั้งสามหอการค้ากลับมาอาละวาดวางท่าโมโหโทโสยกพวกมาล้อมค่ายตระกูลลั่วของพวกเรา แล้วยังคิดจะให้ข้าเปิดประตูค่ายให้พวกเ้าเข้ามาค้นอีกหรือ? พวกเ้ากำลังรังแกตระกูลลั่วของข้าเพราะแค่คนของพวกข้าน้อยกว่าอย่างนั้นหรือ?” ลั่วเฉิงเจียงโมโหแทบคลั่ง เขารู้สึกว่ากลุ่มคนตรงหน้าเหล่านี้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ การพาคนมาตั้งมากมายขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรในค่ายของเขากันแน่ ฝ่ายของมีคนเพียงหกสิบคนแต่ฝ่ายตรงข้ามมีมากกว่าถึงสามเท่า ถ้าต้องเปิดประตูค่ายให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามา และหากเกิดเื่ขึ้น ต่อให้เขาจะมีพลังรบถึงระดับศิษย์าขั้นเจ็ด เกรงว่าคงไม่แคล้วถูกฝ่ายตรงข้ามรุมจนตายอยู่ดี... เขาไม่ไปคิดเสี่ยงเด็ดขาด
“ผู้าุโลั่ว เ้าทำเช่นนี้ข้าเข้าใจว่าเ้ากำลังถ่วงเวลาอยู่ใช่หรือไม่?” น้ำเสียงของหลิวซื่อยิ่งเยือกเย็นขึ้นทุกที
“หลิวซื่อ เ้าคิดว่าข้ากลัวเ้าหรือ? พวกเ้าเอาแต่ใส่ร้ายพวกข้าอยู่ได้ คิดจะทำอะไรกันแน่? ที่นี่อยู่ภายใต้เมืองเทียนตู ถ้าเ้าคิดจะค้นค่ายตระกูลลั่วจริงก็ใช่ว่าทำไม่ได้ เ้าก็ไปที่จวนเ้าเมืองหรือวิหารจั้นเสิน วิหารอิงหลิงขอคำสั่งลงมาเสีย แล้วข้าจะเปิดประตูให้พวกเ้าค้นได้ตามใจเลย แต่ตอนกลางดึกเช่นนี้ ใครจะไปรู้ว่าพวกเ้าคิดทำอะไรกันแน่ เล่นยกพวกมาล้อมตระกูลลั่วของข้าเสียแบบนี้... ” ลั่วเฉิงเจียงกล่าวออกมาด้วยโทสะอันเปี่ยมล้น
“พี่ว่าน ทำอย่างไรดี?” ในใจของจ้าวผู่อึดอัดเหลือเกิน จนต้องหันไปกล่าวถามกับว่านเจียฉาย หากต้องถล่มค่ายตระกูลลั่วจริง เช่นนั้นอาจต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามก็มีทั้งเรือนหลังใหญ่และกำแพงสูง ถ้าติดตั้งหน้าไม้ไว้ด้วย การบุกถล่มเข้าไปยิ่งไม่ใช่เื่ง่ายเข้าไปใหญ่ ทว่าหากรั้งรอต่อไป ฝ่ายตรงข้ามก็อาจคิดวิธีขนย้ายสินค้าได้ก่อน หากเป็เช่นนั้น ก็คงหาหลักฐานยากขึ้นไปอีก
“ล่อเ้าผีเฒ่าลั่วไว้ที่นี่ จากนั้นก็รอ... ” ว่านเจียฉายสูดลมหายใจเข้าลึก ตอนนี้เขาทำได้เพียงรอเท่านั้น
“ดี!” จ้าวผู่สูดลมหายใจลึกเช่นกัน เพราะเขารู้ว่ากู้อวิ๋นเซียวลอบเข้าไปในค่ายอย่างเงียบกริบแล้ว ถ้าหาร่องรอยเบาะแสได้จริง เช่นนั้นก็ถึงเวลาบุกเข้าไปอย่างสุดกำลัง และถ้าอีกฝ่ายทำให้คนของพวกเขาต้องสูญเสียอย่างสาหัส พวกเขาก็พร้อมสังหารตระกูลลั่วทุกคนในค่ายแห่งนี้เช่นกัน
“ปัง...” ในตอนนั้นเอง มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในค่ายตระกูลลั่ว และตามด้วยพลุชุดหนึ่งถูกยิงขึ้นฟ้า...
“ตระกูลลั่วตัวดี ถึงกลับขโมยสินค้าพวกข้า... ” ว่านเจียฉายเมื่อเห็นพลุสัญญาณยิงขึ้นฟ้า ก็โกรธจนเสียสติไปแล้ว จากนั้นะโออกมาอย่างบ้าคลั่ง “บุกเข้าไปเลย... ”
“ว่านเจียฉายพวกเ้ากล้าดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ... ” ลั่วเฉิงเจียงที่ได้ยินว่านเจียฉายออกคำสั่งเช่นนี้ ก็ใอย่างมาก
“ลั่วเฉิงเจียง ในเมื่อพวกเ้าไม่รู้จักดีชั่ว เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ อย่าคิดว่าพวกข้าหอการค้าทั้งสามเป็คนที่เ้าจะมารังแกได้ตามใจชอบ” หลิวซื่อะโออกมา “ทั้งหมดเข้าโจมตีได้... ”
“ฟุ่บ ฟุ่บ... ” ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่ยิงธนูออกมาก่อน แต่ศรดอกนั้นถึงกลับยิงเข้าหัวใจของคนรับใช้ข้างกายว่านเจียฉายพอดิบพอดี
“สมควรตาย ฆ่ามัน!” ว่านเจียฉายใ ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามถึงกลับกล้าเปิดฉากยิงก่อน เดิมทีเขาคิดเพียงถล่มเข้าไปชิงของจากในค่ายตระกูลลั่ว แต่ตอนนี้คนรับใช้ข้างกายกลับถูกยิงตาย มีหรือเขาจะยอมให้คนของตัวเองยั้งมือได้อีก
“ฟุ่บ ฟุ่บ... ” เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มยิงก่อน เช่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็เสียการควบคุมทันที ในระยะประชิดเช่นนี้ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะอยู่บนกำแพงหรือนอกกำแพง หากมีการยิงกันเกิดขึ้นล้วนสร้างความเสียหายได้ใหญ่โตเสมอ แต่คนของหอการค้านอกกำแพงย่อมเสียเปรียบเป็ธรรมดา แต่อย่างไรเสียพวกเขาที่ยืนรวมตัวกันอยู่ก็มีคนเยอะกว่า
“กระจายตัวกันแล้วโจมตีเข้าไป!” ราวกับมีคนฉุกคิดขึ้นได้ รีบวิ่งเข้าประชิดใต้กำแพงอย่างรวดเร็ว กำแพงที่สูงสองจั้งกว่าสำหรับศิษย์าขั้นสามขึ้นไป ไม่นับว่ายากลำบากอะไรด้วยซ้ำ คนหนึ่งวิ่งไปจากนั้นะโเหยียบร่างของพวกพ้องที่รออยู่ใต้กำแพงก็ะโขึ้นกำแพงได้แล้ว เพียงแต่เมื่อพุ่งเข้าไปครั้งหนึ่งมีสิบกว่าคนเข้าไปในกำแพงได้ ด้วยเหตุนี้พลังของหน้าไม้บนกำแพงจึงไม่อาจต้านได้อีกต่อไป และส่วนพวกที่ไม่อาจข้ามกำแพงได้ ก็พุ่งชนกระหน่ำโจมตีบานประตูโดยตรง
แสงไฟกลุ่มหนึ่งถูกจุดขึ้นนอกค่าย ยันต์หลายแผ่นะเิใส่ประตูไม้ ก่อให้เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ภายใต้การกระหน่ำโจมตีของศิษย์านับสิบกว่าคน ถึงประตูจะหนาฉื่อกว่าก็ถูกการโจมตีเดียวซัดจนต้องเปิดออกอยู่ดี
“ฆ่ามัน! ” คนของสามหอการค้าไม่เหลือความลังเลอีกต่อไป พุ่งเข้าไปหวังสังหารเต็มกำลัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้