คางของฮวาเหยียนเกือบจะยื่นถึงพื้น
เหลวไหล อย่างไรก็เป็เพียงเื่เหลวไหล
ยังมิต้องกล่าวถึงความเลื่อมใสที่พี่หญิงมู่มีต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ ยามนี้มาว่ากันเื่ความรักลึกล้ำที่ตี้หลิงหานมีต่อมู่อันเหยียนเสียก่อน
“พี่หญิงมู่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว องค์รัชทายาทหลิงหานผู้นี้นิ่งดูดายครั้งแม่นางมู่อันเหยียนประสบอุบัติเหตุเมื่อสี่ปีก่อน จากนั้นเขาก็ตกบ่อแล้วยังปาหินใส่ [1] จัดการยุติงานหมั้นหมาย ทั้งผลักแม่นางมู่อันเหยียนที่จมบ่อไฟลงสู่นรก บุรุษผู้นั้นไร้มนุษยธรรมและเปี่ยมด้วยความอยุติธรรม ไร้ความรู้สึก โเี้น่ารังเกียจ คนเช่นนั้นจะมีความรักยิ่งใหญ่ดั่งมหาสมุทรได้อย่างไรเ้าคะ?”
ฮวาเหยียนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
ตี้หลิงหานผู้นั้น ช่างเก่งกาจในการยัดเยียดบทละครให้ข้าเสียจริง น่าโมโหนัก
ความรักลึกล้ำมารดาเ้าสิ เป็ผู้ใดกันที่จับบุตรชายของนางไปเรียกค่าไถ่? เป็ผู้ใดกันที่พานางเข้าคุกมืดเพื่อดูเขาลงโทษคนโดยการแล่เนื้อเถือหนัง? เป็ผู้ใดกันที่เกือบรัดคอนางจนตาย มิหนำซ้ำยังกัดนางอีกด้วย และที่สำคัญยังวางอุบายให้นางติดหนี้สัญญาเป็เงินจำนวนสามล้านตำลึง บุรุษใจจืดใจดำเช่นนี้มีหรือจะเข้าใจคำว่าหลงรักอย่างสุดหัวใจ
ฮวาเหยียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างชัดเจนยิ่ง จนทำให้มู่เฉิงอินรู้สึกวิงเวียนขึ้นมา
“น้องหญิง เ้ามีอคติที่ล้ำลึกยิ่งต่อองค์รัชทายาทใช่หรือไม่?”
“ฮึ ตี้หลิงหานคือบุรุษที่น้องเกลียดที่สุดอย่างหาผู้ใดเปรียบ”
ฮวาเหยียนตอบอย่างเ็า
“เอ๋? เช่นนั้นที่เมื่อครู่เ้าบอกว่าสนใจองค์รัชทายาท...”
มู่เฉิงอินไม่เข้าใจเป็อย่างยิ่ง
“ที่น้องสนใจกลับคือวิธีที่จะฉีกผิวอันเนียนนุ่มของเขาออกมา...”
ฮวาเหยียนกัดฟันกรอด
มู่เฉิงอินรีบลุกขึ้นไปปิดปากนาง “น้องหญิง เ้าช่วยเบาเสียงลงหน่อยเถิด อย่าให้ผู้อื่นได้ยินเชียว มิเช่นนั้นจะเป็การสร้างปัญหาใส่ตัวเ้าเอง”
“ฮึ”
ฮวาเหยียนยังคงไม่พอใจและโมโหอยู่หลายส่วน
ตอนนั้นเองที่นางได้ยินมู่เฉิงอินส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา “เอาเถิด น้องหญิงก็อย่าได้โกรธไปเลย เช่นนั้นต่อไปพี่หญิงจะไม่พูดดีๆ เกี่ยวกับองค์รัชทายาทอีก ไท่จื่อผู้นั้นโเี้ไร้ความรู้สึกจริงๆ แม้ว่าจะทะนุถนอมคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ดั่งหยกบริสุทธิ์มานานหลายปี แต่เมื่อตกบ่อแล้วยังปาหินใส่ ยกเลิกงานหมั้นเช่นนั้น อืม ช่างไร้ความปรานีและเปี่ยมด้วยความอยุติธรรม นับว่ามากเกินไปแล้ว”
หลังจากมู่เฉิงอินพูดจบ นางก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
“เช่นนี้ค่อยดีขึ้นหน่อยเ้าค่ะ”
เมื่อได้รับถ้อยคำปลอบโยนของมู่เฉิงอิน ที่สุดหัวใจของฮวาเหยียนจึงรู้สึกดีขึ้นมาก แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว นางก็รู้ว่าคำพูดของมู่เฉินอิงแฝงการเกลี้ยกล่อมอยู่ไม่น้อยจริงๆ
ทั้งสองคุยกันอีกพักหนึ่ง จนกระทั่งท้องฟ้าภายนอกเริ่มมืดแล้ว พวกนางจึงลุกขึ้นกล่าวคำอำลาอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก หลังจากนัดหมายกำหนดการสำหรับวันพรุ่งเสร็จเรียบร้อย ฮวาเหยียนและมู่เฉิงอินก็แยกย้ายกันกลับจวน
ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงเงาสาดส่องกระจัดกระจาย ฮวาเหยียนรีบร้อนเดินกลับไปยังจวนตระกูลมู่ นางคุยเพลินจนเวลานี้ท้องฟ้าใกล้มืดเสียแล้ว และท้ายที่สุดเมื่อนางกลับมาถึงประตูจวน จึงพบว่ามีร่างน้อยๆ รออยู่หน้าประตูด้วยใจจดจ่อ
หากมิใช่หยวนเป่าน้อยแล้วจะเป็ผู้ใด
เด็กน้อยยังคงอุ้มเสี่ยวไป๋ที่กำลังหลับสนิทไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นนางกลับมา ดวงตาของเขาพลันทอประกายเจิดจ้าขึ้น “ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว ข้ารอท่านอยู่นานมากเลยขอรับ”
“อา ท่านตาเล่า อยู่ที่ใด? ท่านลุงใหญ่ของเ้าด้วย”
“ท่านตายังไม่กลับมา ส่วนท่านลุงใหญ่กลับมาครั้งหนึ่งและออกไปอีกครั้งแล้วขอรับ”
หยวนเป่าน้อยตอบ
“พวกเราเข้าไปในจวนก่อนเถิด”
ฮวาเหยียนเดินนำหยวนเป่าน้อยเข้าไปในจวน ทั้งสองมุ่งตรงไปยังห้องของนาง
“ท่านแม่ ท่านถามแล้วเป็เช่นไรบ้างขอรับ?”
“หยวนเป่า เ้าได้สืบเื่มาจากท่านลุงใหญ่หรือยัง?”
ทันทีที่สองแม่ลูกนั่งลง พวกเขาก็เปิดปากพร้อมกัน ก่อนจะมองหน้ากันและยิ้มออกมา
“ท่านแม่พูดก่อนเถิดขอรับ”
หยวนเป่าเอ่ย
“แม่สืบเื่มาจากท่านป้ามู่ของเ้าแล้ว ท่านป้ามู่มีความรู้สึกดีๆ ต่อท่านลุงใหญ่ของเ้าไม่น้อย แต่ท่านลุงกลับส่งจดหมายถึงท่านป้ามู่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้พิจารณาเื่การสมรส ทำให้ท่านป้ามู่ของเ้าเ็ปจนแทบทนไม่ไหว และไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับท่านลุงของเ้ากันแน่?”
ฮวาเหยียนตอบ
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ข้าทราบขอรับ ข้าทราบ”
หลังฟังจนจบหยวนเป่าน้อยก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ เขารีบลุกขึ้นและจับมือของฮวาเหยียน “ท่านแม่ พวกเราทำเื่นี้นับว่าถูกต้องแล้ว เพื่อช่วยพวกเราหาเงินสามล้านตำลึง ท่านลุงใหญ่จึงหักใจตัดความสัมพันธ์กับท่านป้ามู่และนำเงินจากคลังส่วนตัวออกมาทั้งหมด ดังนั้นแม้แต่เงินหมั้นหมายก็ไม่เหลือสักแดงเดียวขอรับ...”
“ว่าอย่างไรนะ?”
ฮวาเหยียนทั้งตกตะลึงและประหลาดใจกับคำพูดของหยวนเป่า
“เป็เื่จริงขอรับ ข้าสืบทราบความรู้สึกแท้จริงที่ท่านลุงใหญ่มีต่อท่านป้ามู่จากปากของเขาเอง แต่ท่านลุงกลับบอกว่าท่านป้ามู่ไม่ชอบเขา ข้าได้ข่าวนี้มาจากคนรับใช้ของท่านลุงโดยไม่ตั้งใจ ท่านแม่ ทั้งหมดนี้เป็ความผิดของพวกเรา!”
หยวนเป่าน้อยลนลานจนไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว
“กล่าวคือ เพราะพี่ใหญ่ไม่มีเงินซื้อของกำนัลงานหมั้น และเกรงว่าจะมอบความสุขให้พี่หญิงมู่มิได้ จึงส่งจดหมายไปเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่แล้วขอรับ ใช่แล้ว”
หยวนเป่าน้อยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โชคดีที่เขารู้ความจริงของเื่นี้โดยบังเอิญ มิเช่นนั้นคงทำผิดต่อท่านลุงใหญ่กับท่านป้ามู่แล้ว
ฮวาเหยียนรู้สึกเต็มตื้อในอก ไม่มีคำใดสามารถสื่อถึงอารมณ์ ณ เวลานี้ของนางได้
พี่ชายใหญ่ของนางไม่ชอบเปลืองน้ำลาย เขามักจ่ายเงินโดยไม่พูดจาและทำหลายสิ่งด้วยตัวคนเดียวเสมอมา
แม้เงินจำนวนสามล้านตำลึงนี้ สำหรับตระกูลมู่แล้วอาจมิได้มากมายอันใด แต่เพราะกลัวว่าครอบครัวจะล้มละลาย พี่ชายใหญ่จึงเขียนจดหมายเช่นนั้นถึงพี่หญิงมู่ ตัดขาดความสัมพันธ์ เพราะเกรงว่าพี่หญิงมู่จะต้องร่วมทนทุกข์ไปกับเขาด้วย
พี่โง่ของนาง
ดวงตาของฮวาเหยียนแดงก่ำ ใจนางเจ็บจนแทบทนไม่ไหว
พี่ใหญ่โง่ พี่ใหญ่งี่เง่า เขาทำเพื่อนางถึงเพียงนี้
ฮวาเหยียนรู้สึกผิดอย่างยิ่ง
“ท่านแม่ อย่าเศร้าไปเลยขอรับ พวกเราสองคนต้องรีบหาทางแก้ไข ต้องไม่ปล่อยให้เื่ของท่านลุงใหญ่กับท่านป้ามู่ผิดพลาดไป”
เมื่อเห็นว่าดวงตาของท่านแม่กลายเป็สีแดง ท่าทางคล้ายรู้สึกผิดเป็อย่างยิ่ง เด็กน้อยก็รีบเปิดปากพูดขึ้น
ฮวาเหยียนจึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
“หยวนเป่า เ้าไม่ได้บอกท่านลุงใหญ่หรือว่าเรามีเงินพอจะคืนหนี้แล้ว?”
ฮวาเหยียนเอ่ยถามอีกครั้ง
“ข้าลืมและไม่มีเวลาให้พูดขอรับ”
หยวนเป่าตอบ
“เช่นนั้นก็รอท่านลุงใหญ่ของเ้ากลับมา แล้วพวกเราค่อยหาโอกาสบอกเื่นี้ให้เขาทราบเถิด จากนั้นค่อยหาวิธีให้ท่านลุงใหญ่ของเ้าง้อท่านป้ามู่กลับมา”
ฮวาเหยียนกล่าว
“ขอรับ วิธีนี้น่าจะได้ผล”
หยวนเป่าเองก็พยักหน้าเช่นกัน
“คุณหนูใหญ่และคุณชายน้อยหยวนเป่าอยู่ที่ใด?”
ตอนนั้นเอง น้ำเสียงทุ้มลึกของบุรุษก็ดังมาจากนอกห้อง เสียงนี้หากมิใช่มู่เสวียนเย่แล้วจะเป็ผู้ใด?
หยวนเป่าลุกขึ้นยืนทันที แม้แต่ฮวาเหยียนก็ยังรู้สึกลนลานและประหม่าอย่างอธิบายไม่ถูก
“เรียนคุณชายใหญ่ คุณหนูและนายน้อยหยวนเป่าอยู่ในห้องเ้าค่ะ”
หลิ่วลวี่ตอบ
ในขณะที่ฮวาเหยียนดึงหยวนเป่าน้อยออกเพื่อเปิดประตู นางพลันเห็นมู่เสวียนเย่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงราตรีด้วยใบหน้าสง่างามราวมงกุฎหยก ทั้งหล่อเหลาและแข็งแกร่ง
“พี่ใหญ่”
“ท่านลุงใหญ่”
เมื่อฮวาเหยียนและหยวนเป่าเห็นมู่เสวียนเย่ อารมณ์ของทั้งสองก็พุ่งถึงขีดสุด สองแม่ลูกร้องลั่นพลางรีบออกจากห้องด้วยดวงตาแดงก่ำ ทางหนึ่งเป็หยวนเป่ากอดขาของมู่เสวียนเย่ อีกทางเป็ฮวาเหยียนพุ่งมาตรงหน้าเขา
มู่เสวียนเย่ “...!”
“เกิดเื่ใดขึ้น?”
หัวใจของมู่เสวียนเย่บีบแน่น เขารีบเอ่ยถามเสียงดัง
ฮวาเหยียนสะอื้นและมองมู่เสวียนเย่ด้วยดวงตาที่เปียกชุ่ม ท่าทางอ่อนไหวจนแทบขาดใจ ดวงตาของนางเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ ซึ่งทั้งหมดล้วนแสดงออกถึงความประทับใจ “พี่ใหญ่ ท่านเป็พี่ใหญ่ที่ดีที่สุดในใต้หล้าเลยเ้าค่ะ”
“ใช่ๆๆ”
หยวนเป่าน้อยเองก็พยักหน้าอีกครั้ง “ท่านลุงใหญ่ ท่านเป็ท่านลุงใหญ่ที่ดีที่สุดในใต้หล้าเลยขอรับ”
มู่เสวียนเย่ “...!”
นี่มันเื่อันใดกัน? มู่เสวียนเย่มองไปที่ฮวาหงและหลิ่วลวี่ซึ่งอยู่ด้านข้าง เอ่ยถามทั้งสองผ่านสายตาเขา แต่กลับเห็นว่าสาวใช้ทั้งสองก็สับสนไม่ต่างกัน
“เอาล่ะ บอกพี่ใหญ่มาว่าเกิดเื่ใดขึ้น?”
เชิงอรรถ
[1] ตกบ่อแล้วยังปาหินใส่ 落井下石 (luò jǐng xià shí) หมายถึง ซ้ำเติมเมื่อผู้อื่นเพลี่ยงพล้ำ คล้ายกับคำว่า ได้ทีขี่แพะไล่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้