วันที่สอง ตระกูลหวัง บริเวณปากทางเข้าออกโถงใหญ่
“ถ่ายทอดคำสั่งออกไปให้ยุติการขายแผนการลงทุนของแต่ละเมืองเซียนไว้แต่เพียงเท่านี้! เอาแค่เมืองจูเซียนเพียงแห่งเดียวก็พอแล้ว!” หวังเค่อออกคำสั่งต่อลูกน้องของตนเอง
“ท่านประมุข พวกเราวางแผนกันมานานขนาดนี้ นี่ก็ถึงเวลาเก็บเงินแล้ว หากไม่ยอมเก็บตอนนี้ เท่ากับว่าต้องเสียเปล่าเลยนะขอรับ!” ลูกน้องคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็กังวล
“ไม่ต้องห่วง หากแผนการในครั้งนี้สำเร็จ ข้าจะได้ฝากตัวเข้าเป็ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ มีพรรคเทพหมาป่า์คอยหนุนหลัง ถึงตอนนั้นแผนการลงทุนจะนับเป็อย่างไรได้อีก? แนวทางเศรษฐกิจที่ไม่ยั่งยืนแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้ามุ่งหวัง! ตอนนี้พวกเ้าแค่ต้องทุ่มเทจัดการเื่ภายในเมืองจูเซียนก็พอ! ศึกนี้พวกเราต้องชนะ!” หวังเค่อเอ่ยเสียงจริงจัง
“ทราบ!” ลูกน้องกล่าวรับคำด้วยความยำเกรง
คล้อยหลังลูกน้องรายนั้น จางเจิ้งเต้าก็โผล่เข้ามาทักทาย
“พี่หวัง ข้ารอท่านอยู่ที่จวนมาหนึ่งคืนเต็ม ท่านวางแผนไว้ดีแล้วรึยัง?” จางเจิ้งเต้าถูมือถาม
ในที่สุดเมื่อวานนี้หวังเค่อก็ยอมตกปากรับคำช่วยองค์หญิงโยวเยว่ สร้างความตื่นเต้นยินดีแก่จางเจิ้งเต้าอยู่นานสองนาน แต่เวลาใกล้จะหมดลงแล้ว จางเจิ้งเต้าจึงอดกระวนกระวายไม่ได้
“ข้าเตรียมการใกล้จะเสร็จทุกอย่างแล้ว มา มาดูนี่!” หวังเค่อยิ้มกล่าว
“อ้อ?” จางเจิ้งเต้าตาลุกวาว เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง
เมื่อเข้ามาจึงเห็นว่ามีสตรีสองนางยืนอยู่ที่นั่น ทั้งสองต่างก็หันหลังให้กับพวกมัน
“พี่หวัง ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะแอบซ่อนสาวงามเอาไว้อย่างนี้! ฮ่าๆ!” จางเจิ้งเต้าได้ทีก็แซวหวังเค่อ
“พูดอะไรของเ้า? พวกนางต่างก็เป็ญาติผู้พี่ของข้า ข้าเร่งให้คนไปพาตัวพวกนางมาเมื่อคืนนี้เอง! คิดจะช่วยองค์หญิงโยวเยว่ มีแต่ต้องพึ่งพวกนางเท่านั้น!” หวังเค่อสูดลมหายใจลึกพลางเอ่ยอย่างตั้งตาคอย
“พวกนาง? ช่วยองค์หญิงโยวเยว่? อย่าบอกนะว่าท่านตั้งใจจะใช้อุบายสาวงาม? ยั่วยวนเนี่ยเทียนป้าให้ปล่อยตัวองค์หญิงโยวเยว่? แต่ข้าได้ยินมาว่าเนี่ยเทียนป้ามีอนุแปดคน แต่ละคนล้วนเป็สาวงามล่มเมือง หากญาติผู้พี่ของท่านคิดใช้อุบายสาวงาม เช่นนั้นก็สมควรมีรูปโฉมงดงามชนิดจันทร์ต้องหม่นแสงบุปผาต้องหลีกทางให้เป็แน่!” จางเจิ้งเต้าตาลุกวาว จับจ้องมองดูแผ่นหลังของสตรีทั้งสองด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
“พี่หญิงรอง!” หวังเค่อเรียก
จากนั้นสตรีรูปร่างแน่งน้อยก็หันมาคารวะต่อหวังเค่ออย่างสำรวม “ท่านประมุข!”
“อ๋า?” จางเจิ้งเต้าหน้าแข็งค้าง
“พี่หญิงรองของข้าเป็อย่างไรบ้าง?” หวังเค่อยิ้มถาม
“พี่หญิงรองท่านนี้แม้จะงดงามน่ามองตามแบบฉบับดรุณีในตระกูลเล็ก แต่เมื่อเทียบกับโฉมงามล่มเมืองแล้วก็ดูจะเป็รองอยู่นิดหน่อย อย่างมากก็นับเป็สาวงามระดับกลางค่อนบน ไม่อาจนับเป็สาวงามไร้คู่เปรียบกระมัง?” จางเจิ้งเต้านิ่วหน้า
“สาวงามก็เหมือนกับบุปผา จำต้องพึ่งบริบทอื่นเพื่อขับเน้นความงาม! พี่หญิงใหญ่!” หวังเค่อเรียกอีกครั้ง
คราวนี้สตรีที่รูปร่างออกจะกำยำเล็กน้อยเป็ฝ่ายหมุนตัวมา
“อ๋า?” จางเจิ้งเต้าตาโต เนื้อตัวเริ่มสั่นเทิ้ม
ลองดูพี่หญิงใหญ่ท่านนี้ซี ไม่เพียงแต่เงาหลังที่หนากว้าง แม้แต่ด้านหน้าเองก็สมบุกสมบันเป็อย่างยิ่ง บนดวงหน้าที่ค่อนข้างแบนหนาคือริมฝีปากขนาดใหญ่เท่าฝาหอย บนฝาหอยคือเงาหนวดที่คล้ายมีคล้ายไม่มี ดูแล้วชวนพิศวงสงสัยและน่าสะพรึงอยู่ลึกๆ
“ทะ ท่านเป็ผู้หญิงแน่นะ?” จางเจิ้งเต้าปากคอสั่น หนังศีรษะชาด้าน
“มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นผู้หญิงไว้หนวดรึไง?” พี่หญิงใหญ่ถลึงตาใส่
ตาคู่นั้นเหมือนพยัคฆ์ตัวเมียที่พร้อมจะพุ่งเข้าใส่ได้ทุกเมื่อ สร้างความอกสั่นขวัญแขวนแก่จางเจิ้งเต้าจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว เกือบต้องอาเจียนออกมา!
“อย่าได้กังวลไป พี่หญิงใหญ่ของข้าแค่เลือกฝึกวิชาผิดไปตอนเริ่มฝึกเท่านั้น ฮอร์โมนเพศชายของนางก็เลยทำงานได้ดีเกินไปนิด!” หวังเค่อยิ้มกล่าว
“ท่านประมุข!” พี่หญิงใหญ่ประคองมือคารวะให้กับหวังเค่อ
จางเจิ้งเต้ากลืนน้ำลาย ยังคงใช้สายตาหวาดสะพรึงมองดูพี่หญิงใหญ่
“พี่หวัง นะ นี่น่ะหรือสาวงามใต้หล้าไร้ทัดเทียมของท่าน? สายตาของท่านช่างพิเศษไม่เหมือนใคร! ข้าว่า เนี่ยเทียนป้าผู้นั้นพอได้เห็นพี่หญิงใหญ่หนวดเฟิ้มผู้นี้ของท่านเข้าจะต้องโงหัวไม่ขึ้นแน่...อุบายสาวงามเรอะ? ไม่มีทางซะหรอก!” จางเจิ้งเต้ายกมือปาดเหงื่อเยียบเย็นที่ไหลลงมาจากหน้าผากขณะกล่าวคำ
“หลังจากที่เห็นพี่หญิงใหญ่แล้ว เ้าลองหันกลับไปดูพี่หญิงรองข้าอีกทีแล้วบอกซิว่าเป็ยังไง” หวังเค่อยิ้ม
จางเจิ้งเต้าลองหันไปมองพี่หญิงรองอีกรอบหนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกเหมือนกลับจากนรกขึ้นสู่สรวง์โดยพลัน
“ไอ้หยา พอลองดูอีกที พี่หญิงรองท่านนี้ก็คือนางเซียนนาง์โดยแท้! พี่หวัง แบบนี้ใช้การได้! ก่อนอื่นก็ให้พี่หญิงให้สร้างความขยาดต่อเนี่ยเทียนป้า จากนั้นค่อยให้พี่หญิงรองใช้อุบายสาวงามตบท้าย เช่นนี้จะต้องสามารถช่วยองค์หญิงโยวเยว่กลับมาได้อย่างแน่นอน!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยด้วยความตื่นเต้นยินดี
“เ้าคิดมากเกินไปแล้ว ใครว่าข้าจะใช้อุบายสาวงามกัน? เ้าคิดว่าเนี่ยเทียนป้าจะเป็เหมือนอย่างเ้าที่สมองมีแต่น้ำเชื้องั้นรึ” หวังเค่อถลึงตาใส่
“ไม่ใช่อุบายสาวงาม? งั้นท่านไปตามตัวพี่หญิงใหญ่มาทำไม?” จางเจิ้งเต้างุนงงสับสน
“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานนี้ข้าก็บอกเ้าไปแล้วรึ? ข้าจะให้คนมาแปลงโฉมเป็องค์หญิงโยวเยว่อย่างไรเล่า!” หวังเค่อหรี่ตากล่าว
“แปลงโฉม? ท่านตั้งใจจะให้พี่หญิงของท่านปลอมตัวเป็องค์หญิงโยวเยว่?” จางเจิ้งเต้าอุทานด้วยความใ
“มิผิด!” หวังเค่อพยักหน้า
“แต่...ทำเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร? พี่หญิงของท่านคือองค์หญิงโยวเยว่ตัวปลอม ส่วนที่อยู่ในมือของเนี่ยเทียนป้าต่างหากจึงจะเป็องค์หญิงโยวเยว่ตัวจริง ต่อให้ท่านมีตัวปลอมก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น! ทันทีที่คนของพรรคอีกาทองคำมาถึง องค์หญิงโยวเยว่ตัวจริงก็ยังต้องตายอยู่ดีไม่ใช่รึไง?” จางเจิ้งเต้ายังคงงุนงงไม่หาย
“ผิดแล้ว ข้าจะทำให้ตัวปลอมกลายเป็ตัวจริง เปลี่ยนตัวจริงในมือเนี่ยเทียนป้าให้เป็ตัวปลอม!” หวังเค่อเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
“เปลี่ยนจริงเป็ปลอม เปลี่ยนปลอมเป็จริง?” จางเจิ้งเต้ายิ่งฟังยิ่งงง
“นี่เรียกว่าจากไม่มีจึงมี ทำลายความคาดหมายของเนี่ยเทียนป้า ขอเพียงมันคิดว่าองค์หญิงโยวเยว่ที่มันมีคือตัวปลอม เช่นนั้นแผนการช่วยชีวิตองค์หญิงโยวเยว่ของเราก็ง่ายดุจพลิกฝ่ามือแล้ว!” หวังเค่อเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“นะ นี่จะเป็ไปได้หรือ?” จางเจิ้งเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“เ้าบอกเองไม่ใช่รึว่าองค์หญิงโยวเยว่สวมผ้าปิดหน้ามาโดยตลอด แถมคนที่เคยเห็นโฉมหน้าของนางก็มีไม่ถึงสิบคน แม้แต่พรรคอีกาทองคำเองก็ยังไม่มีรูปเหมือนของนาง แล้วเ้าจะกังวลอะไร?” หวังเค่อหัวเราะ
“แต่ แต่... เอาเถอะ ท่านว่าอย่างไรก็อย่างนั้น ข้าจะทำตามที่ท่านว่า ให้พี่หญิงรองปลอมตัวเป็องค์หญิงโยวเยว่ บางทีอาจเป็ไปได้ก็ได้!” จางเจิ้งเต้ามองไปทางพี่หญิงรองที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“ใครว่า พี่หญิงรองจะรับบทเป็สาวใช้ขององค์หญิงโยวเยว่ ส่วนคนที่รับบทเป็องค์หญิงโยวเยว่ตัวปลอมคือพี่หญิงใหญ่ต่างหาก!” หวังเค่ออธิบาย
“อะไรนะ นางน่ะหรือ? พี่หญิงใหญ่หนวดเฟิ้มคนนี้น่ะนะที่ท่านจะให้ปลอมตัวเป็องค์หญิงโยวเยว่?” จางเจิ้งเต้าปากอ้าตาค้าง
“มองอะไรของเ้า คิดว่าข้าเล่นบทเป็องค์หญิงโยวเยว่ไม่ได้งั้นรึ?” พี่หญิงใหญ่หนวดเฟิ้มตาเขียวปั้ด
จางเจิ้งเต้าตาโตเหมือนระฆังทองแดง นี่ไม่ฝากงานสำคัญไว้ผิดคนหรือยังไง! คนจะยอมเชื่อหรือว่าเ้าสิ่งนี้คือองค์หญิงโยวเยว่? เ้าคิดว่าทุกคนหูหนวกตาบอดกันหมดรึยังไง?
“พี่หวัง ทำไมท่านถึงจัดแจงเื่ราวไว้เช่นนี้เล่า” จางเจิ้งเต้าใกล้ร่ำไห้เต็มทน
“พี่หญิงใหญ่เก่งกาจทางด้านการละคร ไม่มีใครกังขานางง่ายๆ หรอก อีกอย่าง ทักษะการตีบทแตกของพี่หญิงใหญ่นั้นยอดเยี่ยมไร้ที่ติ! ถึงตอนนั้นเ้ากับนางเล่นเข้าขากัน! ไม่มีใครจับได้แน่!” หวังเค่ออธิบาย
แสดงดีแล้วมีผายลมอันใด? ใครมันจะยอมเชื่อว่าเ้าสิ่งนี้คือองค์หญิงโยวเยว่?
“ช้าก่อน ตีบทแตกหมายถึงอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?” จางเจิ้งเต้าเปลี่ยนสีหน้าทันควัน
“ถึงตอนนั้นเ้าก็จะรู้เอง!” หวังเค่อยังคงยิ้ม
แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้จางเจิ้งเต้าหนาววาบไปทั้งแผ่นหลัง
“พี่หวัง เอาเป็ว่าข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ท่านก็ทำเหมือนว่าข้าไม่เคยมาหาท่าน ท่านว่าเป็อย่างไร?” จางเจิ้งเต้ามองหวังเค่อ ใบหน้ากระตุกยิกๆ
“เ้าว่าเป็ไปได้มั้ยล่ะ?” หวังเค่อย้อนถาม ใบหน้าเริ่มหม่นลง
“แต่ แต่ ข้าไม่เห็นความหวังเลยนี่นา! องค์หญิงโยวเยว่เป็ตายร้ายดียังไงก็เป็ถึงองค์หญิง! แล้วจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนอย่างพี่หญิงใหญ่ไปได้ยังไง? ใครมันจะไปยอมเชื่อ!” จางเจิ้งเต้าอยากร่ำไห้แต่ไม่มีน้ำตา
“นั่นก็คือสิ่งที่ข้ากำลังจะทำเป็ลำดับต่อไป!” หวังเค่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำอะไร?”
“สร้างกระแส!” ดวงตาของหวังเค่อฉายประกายความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
เมืองจูเซียน ตระกูลเนี่ย ภายในห้องโถงหลัก!
บรรดาศิษย์หลักของตระกูลเนี่ยต่างมารวมตัวอยู่รอบชายร่างบึกบึนที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ตรงกลาง ชายผู้นั้นมีบุคลิกราวัดวงตาราวพยัคฆ์ กลิ่นอายทรราชกวาดสะพัดไปรอบบริเวณ เพียงแค่นั่งอยู่กับที่ก็แผ่อำนาจดุดันน่าเกรงขามออกมา ภายในตระกูลเนี่ยมีเพียงประมุขตระกูลเนี่ยเทียนป้าเท่านั้นที่มีกลิ่นอายสภาวะเช่นนี้
“ท่านประมุข นับแต่เมื่อวานนี้ที่ตระกูลหวังเริ่มวางขายแผนการลงทุนข้าก็แอบไปสังเกตการณ์มารอบหนึ่ง ตอนนี้คนในเมืองซื้อของชนิดนี้เป็จำนวนมาก ทั้งยังแก่งแย่งที่จะเป็คนแรกกันให้ได้ เพียงแค่ระลอกนี้ อย่างน้อยที่สุดตระกูลหวังก็ต้องได้ศิลาิญญากว่าสองหมื่นชั่ง!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยคนหนึ่งกล่าวรายงานด้วยความเคารพ
“สองหมื่นชั่ง?” เนี่ยเทียนป้ารูม่านตาหดวูบ
“นั่นสิขอรับ สองหมื่นชั่ง? เมื่อคิดรวมกับดอกเบี้ยในปีหลังพวกมันจะต้องคืนเงินถึงสองหมื่นสี่พันชั่งเลยนะ! ตระกูลหวังนั่นจะนำเงินจำนวนขนาดนั้นออกมาได้รึ?” ศิษย์อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“หวังเค่อนั่นมาถึงเมืองจูเซียนได้สิบปี แต่ไรมาไม่เคยทำการค้าขาดทุนเลยสักครั้ง ทักษะการค้าของมันร้ายกาจจริงๆ มันบอกว่าตั้งใจจะใช้เงินที่ได้จากแผนการลงทุนมาจ้างวานนักปรุงยาและนักหลอมศาสตราที่มีฝีมือกว่าเดิม ก็น่าจะทำเงินได้นั่นแหละ!”
“เห็นทีคราวนี้ตระกูลหวังคงจะทำเงินได้เป็กอบเป็กำ!”
“นั่นน่ะซี ตระกูลการค้าตระกูลหนึ่ง ในเวลาแค่สิบปีกลับสามารถติดหนึ่งในสี่ตระกูลผู้ฝึกฌานที่ทรงพลังที่สุดในเมืองจูเซียนได้ ฮึ่ม มันช่าง...!”
.........
......
...
แววตาของศิษย์ตระกูลเนี่ยต่างฉายแววอิจฉาตาร้อน
แต่เนี่ยเทียนป้ากลับยิ้มเย็น “ไม่ต้องห่วง ให้พวกมันทำเงินไปนั่นแหละ!”
“ท่านประมุข เมืองจูเซียนล้วนอยู่ในกำมือเรามาโดยตลอด ท่านจะยอมดูคนนอกอย่างหวังเค่อกวาดเงินเข้ากระเป๋าทั้งที่อยู่ในอาณาเขตของเราหรือขอรับ” ศิษย์ตระกูลเนี่ยคนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ยินยอมพร้อมใจ
เนี่ยเทียนป้าจิบชาก่อนยิ้มเย็น “แม้ว่าหวังเค่อจะจ่ายค่าน้ำชาให้ข้ามาไม่น้อย แต่ถึงที่สุดแล้วตระกูลผู้ฝึกฌานอย่างไรก็ต้องวัดกันด้วยพละกำลัง คิดทำเงิน? งั้นก็ต้องปกป้องของของตัวเองได้จึงจะนับว่าสำเร็จ!”
“ท่านประมุขคิดลงมือต่อมัน?” ศิษย์ตระกูลเนี่ยคนหนึ่งตาวาวโรจน์
“แกะถูกขุนจนพ่วงพีดีแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาเชือด!” เนี่ยเทียนป้ายิ้มเหี้ยม
“โอ้” ศิษย์ทุกคนพากันตาลุกวาว
“เพียงแต่ ตอนนี้ตระกูลเนี่ยยังมีเื่สำคัญกว่าต้องทำ!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยเสียงทุ้มลึก
ทันใดนั้นทุกคนพลันเปลี่ยนสีหน้าเป็เคร่งขรึมทันที
“ตระกูลผู้ฝึกฌานถึงที่สุดแล้วก็เพิ่งหลุดพ้นความเป็มนุษย์มาได้ไม่นาน ยังห่างชั้นจากสำนักเซียนที่แท้จริงอีกมาก สำนักเซียนมีเคล็ดวิชาอายุวัฒนะของจริงที่จะทำให้กลายเป็เซียนอยู่ มีแต่การได้เข้าร่วมกับสำนักเซียนจึงจะได้ก้าวเดินบนเส้นทางการฝึกฌานที่แท้จริง ครั้งนี้เองก็เป็โอกาสที่์ประทานให้แก่พวกเรา พวกเราจึงได้ตัวองค์หญิงโยวเยว่มาครอง ทันทีที่คนของพรรคอีกาทองคำมายืนยัน ศิษย์ห้าคนในตระกูลเนี่ยเราก็จะได้เป็ส่วนหนึ่งของพรรคอีกาทองคำ ห้าคนเชียวนะ! ถึงตอนนั้นตระกูลเนี่ยของเราจะต้องเจิดจรัสเหมือนตะวันกลางนภาแน่!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
“นั่นสิขอรับ พรรคอีกาทองคำเป็หนึ่งในสำนักเซียนชั้นแนวหน้าของสิบหมื่นมหาบรรพต จะบอกว่าพวกเราทะยานก้าวเดียวถึงสรวง์เลยก็ยังได้! นี่ต่างหากคือเื่สำคัญ!” ศิษย์ทุกคนปรบมือโห่ร้องด้วยความคึกคัก
“ข่าวนี้ห้ามรั่วไหลออกไปเด็ดขาด ไม่อาจปล่อยให้มีปัญหาอื่นตามมา! มีแต่พวกเราที่รู้ก็พอแล้ว! ส่วนเ้าแกะอ้วนหวังเค่อนั่น ไว้รอคนของพรรคอีกาทองคำมาสะสางเื่ราวจนเสร็จแล้วค่อยเชือดมันทิ้งแล้วกัน!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก
“ทราบ!” ศิษย์ทุกคนตอบรับอย่างนอบน้อม
“ท่านประมุข องค์หญิงโยวเยว่ผู้นั้นถูกซ่อนไว้ที่ไหนหรือขอรับ? จะเกิดปัญหาอะไรหรือไม่?” ศิษย์คนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงติดกังวล
“หืม?” เนี่ยเทียนป้าหรี่ตามอง
“ขะ ข้าก็แค่อดกังวลไม่ได้ เื่นี้เราจะให้มีอะไรผิดพลาดไม่ได้นี่ขอรับ!” ศิษย์คนนั้นรีบเอ่ย
“ฮึ่ม ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอก ห้ามใครถามถึงที่ซ่อนขององค์หญิงโยวเยว่อีก เื่นั้นมีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ พวกเ้าจงทำใจให้สบาย ไม่ต้องไปห่วงเื่อื่น เมื่อทุกอย่างลุล่วงดีแล้วข้าค่อยจัดการเื่ที่ว่างห้าตำแหน่งนั่น!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยเสียงเย็น
“ทราบ!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยตอบรับอย่างแข็งขัน
ไม่มีใครกล้าถามอะไรอีก ที่ซ่อนขององค์หญิงโยวเยว่มีแต่เนี่ยเทียนป้าเท่านั้นที่รู้
“เวลาแค่ครึ่งเดือน เพียงไม่นานก็ผ่านไป ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยเสียงต่ำก่อนยกถ้วยชาขึ้นจิบ
ตอนนั้นเองข้ารับใช้คนหนึ่งก็ผลีผลามเข้ามาจากนอกห้อง
“ท่านประมุข ท่านประมุข แย่แล้วขอรับ!” ข้ารับใช้คนนั้นร่ำร้องเสียงตื่น
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” เนี่ยเทียนป้าถามเสียงเย็น
“เมื่อครู่มีข่าวมาจากในเมืองว่าหวังเค่อพาศิษย์ตระกูลหวังจำนวนมากเข้าจับกุมตัวองค์หญิงโยวเยว่ตามรางวัลนำจับของพรรคอีกาทองคำได้แล้วขอรับ!” ข้ารับใช้คนนั้นเอ่ยออกมารวดเดียว
“อะไรนะ?” เนี่ยเทียนป้าเลิกคิ้วสูงชัน
“เป็ไปไม่ได้!” ศิษย์ภายในห้องทะลึ่งกายขึ้นพรวด ต่างอุทานอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
องค์หญิงโยวเยว่ก็ถูกจับขังไว้ในตระกูลเนี่ยของพวกมันนี่ไง แล้วเหตุไฉนถึงได้มีองค์หญิงโยวเยว่อีกคนหนึ่งขึ้นมาได้?
“เป็ความจริงขอรับ ตอนนี้คนทั้งเมืองต่างก็ทราบข่าวกันหมดแล้ว ทุกคนต่างยื้อแย่งกันไปดูจนวุ่นวายกันใหญ่! ทุกคนต่างก็อยากเห็นว่าองค์หญิงโยวเยว่ตามรางวัลนำจับของพรรคอีกาทองคำจะมีรูปโฉมเช่นไร ตอนนี้ที่ปากทางเข้าออกเมืองจูเซียนมีแต่คลื่นมนุษย์ขอรับ!” ข้ารับใช้เอ่ยอย่างร้อนรน
ใบหน้าของเนี่ยเทียนป้ากระตุก ถ้วยชาในมือเริ่มสั่นโดยไม่รู้ตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้