“ไม่ได้เ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนกล่าวปฏิเสธ
หัวใจของจีอู๋ซวงดิ่งลงเหวทันที
“แม่นางเหยียน หากมีเงื่อนไขใดเ้าก็พูดมาเถิด ขอเพียงเ้าพอใจ ข้าจีอู๋ซวงจะพยายามให้ดีที่สุด”
จีอู๋ซวงยืนขึ้น ก่อนจะค้อมตัวคำนับนางอย่างเคร่งเครียด
ฮวาเหยียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ นางมองจนเข้าใจแจ่มแจ้ง ความสนใจของจีอู๋ซวงที่มีต่อหยวนเป่านั้นยิ่งใหญ่กว่าเม็ดยาล้ำค่าเหล่านี้มากนัก ไม่ใช่สิ พูดให้ถูกคือคนที่ปรุงยาเหล่านี้ออกมาต่างหาก...
เวลานี้ฮวาเหยียนก็ยืนขึ้นเช่นกัน นางเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ขออภัย หลงจู้ ข้ายังมิอาจตอบรับข้อเสนอของท่านได้ ผู้ที่ปรุงยาเหล่านี้ออกมา เขามิชอบพบเจอคนแปลกหน้าเ้าค่ะ”
จีอู๋ซวงถูกปฏิเสธ หัวใจของเขาร้อนรน ดวงตายิ่งแสดงความวิตกกังวลออกมา
“ข้ามิได้มีเจตนาร้ายอันใด”
จีอู๋ซวงกล่าว
ฮวาเหยียนส่ายศีรษะ “ข้ายังยืนยันคำเดิมเ้าค่ะ”
นางไม่รู้ว่าเื้ัของจีอู๋ซวงเป็เช่นไร และเื้ัของหออู๋ิเป็อย่างไร ทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีสิ่งใดชัดเจน
ดังนั้นโอกาสที่นางจะใจอ่อนเพราะวาจาเพียงไม่กี่คำของจีอู๋ซวงจึงมีน้อยนัก ให้พาเขาไปหาหยวนเป่าน้อยหรือ? ใครจะรู้ว่าจุดประสงค์แท้จริงของเขาคือสิ่งใด?
จีอู๋ซวงเห็นท่าทีเด็ดเดี่ยวของฮวาเหยียน พลันรู้สึกร้อนใจเป็อย่างยิ่ง แต่หากเขายังคงฝืนดึงดันต่อไป เกรงว่าจะเป็การทำให้ฮวาเหยียนรำคาญเสียเปล่า
เขาถอนหายใจ “เอาเถิด เช่นนั้นเรามาพูดถึงสมุนไพรสองขวดนี้กันต่อดีกว่า”
“เ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดจีอู๋ซวงก็ให้ความสนใจกับโอสถแล้ว ฮวาเหยียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แม่นางเหยียน ยาสมุนไพรสองขวดนี้ล้วนหายากยิ่ง ข้าเป็มิตรสหายของเ้า ดังนั้นหนึ่งล้านตำลึงขาดตัว แม่นางเหยียนพอใจในราคานี้หรือไม่?”
จีอู๋ซวงกล่าว
หัวใจของฮวาเหยียนสั่นไหว ราคานี้เกินความคาดหมายของนางโดยสิ้นเชิง จากการประเมินของนาง ยาสมุนไพรสองขวดนี้สามารถขายได้สูงสุดไม่เกินสี่หรือห้าแสนตำลึงเท่านั้น ทว่าจีอู๋ซวงกลับให้ราคาเป็สองเท่า ฮวาเหยียนทราบดีว่าเขาหมายถึงสิ่งใด มันคือราคาแห่งมิตรภาพของพวกนาง และในใจเขายังคงคิดถึงเื่คนที่ปรุงโอสถเหล่านี้
ถึงอย่างไรหากปฏิเสธไปย่อมน่าเสียดาย
หออู๋ิมั่งคั่งร่ำรวย มีกินมีใช้ชนิดไม่มีวันหมด
หญ้าิญญาลึกลับที่นางขายเมื่อวานก็ถูกอีกฝ่ายขายต่อในราคาที่เพิ่มเป็สองเท่า
“ตกลง ข้าพอใจราคานี้มาก”
ฮวาเหยียนพยักหน้า ใบหน้าไม่แดงระเรื่อ ลมหายใจไม่ขาดห้วง
มุมปากของจีอู๋ซวงกระตุก แม่นางคนนี้มีใบหน้าที่ค่อนข้างหนาทีเดียว
แต่เขาก็ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ นี่คือเงินที่เขายื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้างของตนเอง ผู้ใดใช้ให้เขาเอาแต่คิดถึงนักปรุงโอสถที่อยู่เื้ัของนางเล่า?
“แม่นางเหยียน ข้าจะไปเรียกคนมาทำสัญญาซื้อขายและจัดการกับยาสมุนไพรสองขวดนี้ เ้ารอที่นี่สักครู่เถิด”
จีอู๋ซวงกล่าว
ฮวาเหยียนพยักหน้า
ยาสองขวดนี้ ขวดหนึ่งคือโอสถจินฉวน อีกขวดคือโอสถเซวียนลี่ แม้ว่าจะทดลองจนเห็นผลลัพธ์ของโอสถจินฉวนไปแล้ว แต่โอสถเซวียนลี่ยังมิได้ทดสอบประสิทธิภาพของมัน ฮวาเหยียนรู้ว่าจีอู๋ซวงคงกำลังมองหาใครสักคนมาทดสอบยา อีกทั้งยังเป็วิธีกระจายข่าวเกี่ยวกับยาตัวนี้ด้วย
เวลานี้นางถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังบนชั้นสอง เสียงเอะอะจากชั้นล่างยังคงดังขึ้นมาให้ได้ยิน ฮวาเหยียนจิบชาสมุนไพรบนโต๊ะพลางถอนหายใจอย่างสบายใจ นางลองคำนวณเงินทั้งหมดดูแล้ว เมื่อวานนางขายหญ้าิญญาลึกลับกับผลไม้ิญญาโลหิตสีชาด กับเงินสองหมื่นตำลึงในมือของเจียงจื่อเฮ่า และเงินที่นางขายโอสถได้วันนี้อีกหนึ่งล้านตำลึง ทั้งสิ้นเป็จำนวนสองล้านห้าแสนตำลึง เมื่อรวมเข้ากับเงินที่ท่านพ่อหามาอีกห้าแสนตำลึง เท่ากับตอนนี้นางมีเงินสามล้านตำลึงให้เพียงพอใช้หนี้แล้ว
เฮอะ…
วันพรุ่งก็จะถึงระยะเวลาสามวันที่กำหนดเอาไว้ นางต้องนำเงินสามล้านตำลึงนี้ไปโยนใส่ตี้หลิงหานจนเืกระฉูดออกจากศีรษะให้จงได้
เมื่อคิดถึงตี้หลิงหาน ทั้งร่างนางก็ห่อหุ้มด้วยความโกรธ โทสะพลันพุ่งขึ้นมาที่หัว แม้แต่ชามใส่น้ำแข็งก็ไม่อาจบรรเทาความร้อนระอุนี้ได้
ฮวาเหยียนสวมหมวกงอบ แม้มันจะเป็เส้นด้ายแบบตาข่าย แต่ก็ยังคงร้อนอบอ้าวอยู่ดี ยามนี้ไม่มีผู้ใดบนชั้นสอง ดังนั้นนางจึงถอดหมวกออก ใบหน้าขาวเนียนพลันปรากฏขึ้นทันใด
“ร้อน...”
ฮวาเหยียนโบกมือพัดไล่ความร้อน
เมื่อถอดหมวกงอบออก ใบหน้าของฮวาเหยียนก็ถูกเปิดเผยทันที รูม่านตาของตี้หลิงหานที่อยู่ภายในห้องลับค่อยๆ หดตัวลง เขายังคงจับจ้องทุกการกระทำของฮวาเหยียน แม้ในใจจะแน่ใจแล้วถึงแปดส่วน แต่ที่สุดก็ยังไม่เห็นใบหน้าแท้จริงของนาง
ทว่ายามนี้ฮวาเหยียนกลับเปิดเผยใบหน้าของนางด้วยตนเอง ช่างยอดเยี่ยมนัก
“นายท่าน เป็คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่จริงๆ ขอรับ”
อั้นจิ่วเบิกตากว้าง พยายามระงับความตื่นตระหนกไว้และกระซิบเสียงเบาออกมา
“หึ...”
ตี้หลิงหานยกยิ้มมุมปากเ็า แววตาของเขาสงบนิ่งราวสายน้ำเย็นใต้แสงจันทร์
ไม่เสียแรงจริงๆ ที่วันนี้เขาเดินทางมาเยือนหออู๋ิ
“นายท่าน คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ช่างเป็คนที่คาดไม่ถึงเสมอเลยนะขอรับ”
อั้นจิ่วกล่าว
ถ้ามิใช่ผู้ที่มักใฝ่หาเื่ประหลาดมหัศจรรย์ จะสามารถหญ้าิญญาลึกลับหลายร้อยต้นได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังมีผลิญญาโลหิตสีชาดซึ่งเป็โอสถิญญาที่หายากและคุณภาพสูงอีกด้วย
ตี้หลิงหานไม่ตอบเขา มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งซึ่งลึกล้ำราวท้องทะเลคอยจ้องมองฮวาเหยียนที่อยู่ด้านนอก
นางหน้าตางดงาม ยามนี้นางถอดหมวกออกเผยให้เห็นดวงหน้านวลเล็กมีเสน่ห์ ของที่ถูกจัดวางบนชั้นสองล้วนดีเลิศเป็ที่สุด ฮวาเหยียนนั่งรออยู่สักพัก และตัดสินใจลุกขึ้นเดินชมสมบัติที่ถูกจัดวางบนชั้นสองก่อนจีอู๋ซวงจะกลับมา นางเดินจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก มองจนรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ นางยกมือขึ้น สมบัติเหล่านี้สามารถหยิบได้ตามใจชอบ แต่นางต้องใช้พลังถึงขีดสุดในการควบคุมตนเอง สิ่งสำคัญคือเื้ัอันลึกลับของหออู๋ิที่ทำให้นางไม่กล้าลงมือ
“ปะการังสีแดงจากมหาสมุทรทางเหนือ กำไลดอกบัวลายขนนกสีขาว ปิ่นปักผมลายเมฆาขาว ยังมีผ้าโปร่งปิดหน้าสตรีสีม่วง...”
สมบัติแต่ละอย่างน่าสะสมและมีราคายิ่ง คนที่ทำได้เพียงมอง จึงมองจนตาแดงระเรื่อด้วยความอิจฉา
ยามนี้ฮวาเหยียนกำลังยืนอยู่หน้ากำแพง ด้านหน้าของนางมีภาพหนึ่งแขวนอยู่ เป็ภาพเขม่าควันดินปืนในสนามรบ เพียงทอดสายตาก็สามารถปลุกเืนักสู้ในหัวใจของผู้ที่มองได้ และหลังกำแพงนี้คือที่ตั้งของห้องลับซึ่งตี้หลิงหานซ่อนตัวอยู่
ฮวาเหยียนยืนมองภาพวาดอยู่นาน แต่นางกลับไม่ทราบว่าด้านหลังของกำแพงนี้ ตี้หลิงหานก็กำลังมองนางอยู่เช่นกัน
ทั้งสองถูกกั้นด้วยกำแพง ฮวาเหยียนมองภาพวาด ส่วนตี้หลิงหานมองนาง
ยิ่งมอง ดวงตาของนางก็ยิ่งร้อนรุ่ม ฮวาเหยียนรู้สึกเกลียดตี้หลิงหานมากขึ้นไปอีก หากไม่ใช่เพราะชายผู้นั้น นางคงกว้านซื้อสมบัติเหล่านี้ไว้ได้ทั้งหมด เงินสามล้านตำลึงสามารถซื้อสมบัติที่อยู่บนชั้นสองของหออู๋ิได้มากกว่าครึ่ง ทว่าตอนนี้นางกลับต้องมอบเงินให้เขาโดยเปล่าประโยชน์ แค่คิดก็ทำให้นางโมโหจนอยากกรีดร้องแล้ว
“ตี้หลิงหาน เ้าคนชั่วช้าเลวทราม จงอธิษฐานให้ตนเองรอดพ้นจากเงื้อมมือข้าเสียเถิด มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เ้ากินไม่หมดจนต้องห่อกลับ [1] ในสักวันหนึ่ง”
ฮวาเหยียนกัดฟันคำราม
นางมิได้กล่าวด้วยเสียงอันดัง และไม่ปิดบังสีหน้าที่แสดงความเกลียดชังเป็อย่างยิ่ง
ตี้หลิงหานห่างจากฮวาเหยียนเพียงกำแพงกั้น ดังนั้นคำที่นางเอ่ยจึงลอยเข้าไปในหูของตี้หลิงหานทั้งหมด ไม่ขาดหรือตกหล่นแม้เพียงพยางค์เดียว
ทั่วทั้งร่างเขาแผ่รังสีเย็นเฉียบ ใบหน้าของเขาเ็า ไร้ซึ่งเศษเสี้ยวของความรู้สึก
อั้นจิ่วที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เหงื่อที่หน้าผากร่วงหล่นเป็สาย เขากลัวจริงๆ ว่าผู้เป็นายจะไม่อาจควบคุมตนเองได้ และพุ่งออกไปทุบตีคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่จนตายกันไปข้าง
...
ตึง ตึง ตึง
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา
ฮวาเหยียนหยุดแสดงสีหน้าเคืองแค้นกัดฟันและสวมหมวกกลับเข้าที่เดิม
เมื่อจีอู๋ซวงขึ้นมาบนชั้นสองและเห็นฮวาเหยียนยืนอยู่ตรงหน้ากำแพงด้านนั้น หัวใจของเขาพลันกระตุกเต้นไม่เป็จังหวะ “แม่นางเหยียน”
“หลงจู้จี”
ฮวาเหยียนพยักหน้า ใบหน้าของนางสงบนิ่ง
“แม่นางเหยียน เ้ามองสิ่งใดอยู่หรือ?”
จีอู๋ซวงถาม แต่ในใจกลับวิตกกังวลยิ่ง เป็ไปได้หรือไม่ที่แม่นางจะพบว่าอีกด้านของกำแพงมีอาหานซ่อนอยู่?
“ภาพนี้ไม่เลวเลยเ้าค่ะ”
ขณะที่เขากำลังตระหนก ก็ได้ยินฮวาเหยียนเอ่ยขึ้น
เฮ้อ
จีอู๋ซวงลอบถอนหายใจเล็กน้อย ทำให้เขาใเสียได้ จากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มตาหยี “ภาพวาดนี้เป็ภาพเศษซากของสนามรบที่วาดโดยปรมาจารย์หลิวเจิ้งสือ งานของอาจารย์มีค่าเหมาะแก่การสะสมเป็อย่างยิ่ง หากแม่นางเหยียนโปรดปราน ข้าจีอู๋ซวงสามารถมอบให้เ้าได้”
เชิงอรรถ
[1] กินไม่หมดจนต้องห่อกลับ 吃不了,兜着走 (chī bù liǎo dōu zhe zǒu) หมายถึง อาหารที่รับประทานไม่หมดจึงฉวยโอกาสห่อเก็บไว้ในเสื้อคลุมนำออกไป เปรียบเทียบกับการก่อเื่หรือทำให้เกิดเื่ไม่ดีจนต้องแบกรับผลที่ตามมา มักใช้สำหรับตักเตือนผู้อื่นว่าจะทำเื่ใดอย่าลืมคำนึงถึงผลที่ตามมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้