“ฮ่าๆ เสี่ยวเทียนไปกันเถอะ นายก็ไปด้วยกัน นี่ก็เที่ยงแล้วจะรออะไรอยู่ด้านล่าง ฉันว่าเซียวหลานหลานของพวกเราอยากจะให้นายไปด้วยนะ หากนายไม่ขึ้นไป ก็ไม่รู้ว่าเธอจะทานลงไหม”
เจียงไป๋พูดพลางหัวเราะเสียงดัง และก็ไม่ใช่งานสำคัญอะไร หากเสี่ยวเทียนจะตามไปด้วย แน่นอนว่าไม่มีปัญหา
ระหว่างที่พูดก็ยังหยอกล้อทั้งสองคนสักหน่อย จนทำให้เซียวหลานหลานหน้าแดง และเขินอายอยู่บ้าง
ส่วนเสี่ยวเทียนยังคงเรียบๆ อย่างเป็ปกติ
คนสามสี่คนเดินขึ้นอาคารไปแล้ว พวกเขาสั่งอาหาร ไม่นานอาหารและของหวานก็ทยอยมาเสิร์ฟ และตามด้วยสเต๊กที่แสนจะประณีตมาวางบนโต๊ะ
เซียวหลานหลานกลับไม่เกรงใจ เธอร้องเบาๆ แล้วเริ่มทาน ส่วนจู้ซินซินค่อยๆ กัดทีละคำอย่างหน้าแดง
พอพวกเธอขึ้นมาก็รู้สึกว่าบรรยากาศผิดปกติ โดยรอบล้วนมีแต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จที่สวมชุดสูท มีแค่พวกเธอสองคนที่สวมชุดนักเรียน จะดูอย่างไร ทำไมถึงรู้สึกว่าไม่กลมกลืน
ซึ่งนี่ก็ทำให้จู้ซินซินเคอะเขิน หัวก็แทบจะมุดเข้าไปในจานแล้ว
แต่เซียวหลานหลานกลับกล้าได้กล้าเสีย เธอทานไปด้วยและถามเื่ต่างๆ กับเจียงไป๋ไปด้วย เพื่อสอบถามเื่ของเจียงไป๋ บวกกับความสัมพันธ์ของเขากับจู้ซินซิน
“พี่เจียงไป๋ พี่เป็อะไรกับจู้ซินซิน? พวกพี่ดูสนิทสนมกันมาก พวกพี่เป็แฟนกันหรือ? รู้จักกันได้อย่างไร?”
เซียวหลานหลานทานไปด้วย และเบิกตากว้างไม่หยุด เธอไม่สนใจจู้ซินซินที่เริ่มดึงเสื้อเธออยู่ด้านล่าง
“ฉันหรือ ฉันรู้จักกับจู้ซินซินได้ไม่นาน พวกเราน่ะ … หากเธอรู้สึกว่าคบกัน แบบนั้นก็ใช่ ฉันชอบแม่สาวคนนี้มาก”
ตอนที่เจียงไป๋ตอบ หัวใจของจู้ซินซินแทบจะเด้งขึ้นมาที่ลูกกระเดือกแล้ว กลัวว่าเจียงไป๋จะพูดเื่ที่ตนเองเป็คนรักของเขาออกไป
ถึงแม้ว่านี่จะเป็เื่จริง แต่หากพูดต่อหน้าเพื่อนสนิทที่สุด ย่อมยากที่จะพูดความจริงออกมาได้
แต่ยังดีที่เจียงไป๋ไม่ได้พูดอย่างนี้ พูดแค่ว่าทั้งสองคนกำลังคบกัน กลับทำให้จู้ซินซินโล่งใจไปมาก ขณะเดียวกันภายในใจราวกับถูกอะไรบางอย่างเติมเต็มแล้ว ช่างหอมหวาน และมีความสุขมาก
“อ้อ คบกันจริงๆ! มิน่าล่ะสองวันนี้ซินซินจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว!”
เซียวหลานหลานพูดอย่างใ และมองจู้ซินซินที่หน้าแดงอย่างเขินอายแวบหนึ่ง จึงอดยิ้มเยาะใส่ไม่ได้
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเจียงไป๋ก็ดังขึ้น ช่องแชตเด้งรูปโปรไฟล์คนที่คุ้นเคยคนหนึ่งขึ้นมาและเพิ่มเขาโดยอัตโนมัติ ทำให้เจียงไป๋ตะลึงงัน และเลือกที่จะยอมรับ
ทางนั้นเริ่มสนทนาแล้ว “ฉันเอง … ซูเหมย”
“ผมรู้”
ซูเหมยคือใคร แน่นอนว่าเจียงไป๋ไม่เคยลืม
เธอเป็ผู้หญิงคนแรกของเจียงไป๋ เื่อย่างนี้จะลืมกันง่ายๆ ได้อย่างไร
“ตอนเย็นที่เดิมดีไหม?” ซูเหมยถามต่อ
“ได้!” แน่นอนว่าเจียงไป๋ต้องตกลง
เื่อย่างนี้มีเหตุอะไรจะไม่ตกลง ยิ่งไปกว่านั้นเขาหลงใหลซูเหมยจริงๆ เมื่อเทียบกับจู้ซินซินที่ยังไม่สุกงอมคนนั้น … เห็นได้ชัดว่าซูเหมยยิ่งมีแรงดึงดูดต่อผู้ชายมากกว่า
ความรู้สึกของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน คนหนึ่งคือแอปเปิ้ลที่ยังไม่สุกงอม ทำให้ผู้คนตกหลุมรักได้ … แต่อีกคนคือเชอร์รีที่สุกพอดิบพอดี …
พอนัดกันแล้วซูเหมยก็ไม่พูดอะไรอีก เจียงไป๋เพิ่งจะเก็บโทรศัพท์มือถือ และพูดคุยกับสองสาวตรงหน้าต่อ
อาหารมื้อหนึ่งแต่กลับทานได้ถูกปาก
ก่อนจะไป เสี่ยวเทียนได้ไปคิดเงินแล้ว เจียงไป๋ก็จะส่งพวกเธอสองคนกลับ
“พี่เสี่ยวเทียน สเต๊กวันนี้อร่อยมากจริงๆ สถานที่นี้ที่พี่แนะนำไม่เลวเลย ครั้งหน้าฉันจะมากับเพื่อนอีก สภาพแวดล้อมที่นี่ดี อาหารอร่อย แต่ราคาไม่ถูกเลย แต่ก็ไม่เป็ไร ซินซิน เงินค่าขนมเดือนนี้ของพี่จะเก็บไว้ไม่ใช้ จะต้องพาเธอมาทานของอร่อยอีกแน่นอน ใช่แล้ว ราคาเท่าไร?”
เซียวหลานหลานที่สวมแว่นตา และท่าทางสุภาพเรียบร้อย นิสัยของเธอไม่สอดคล้องกับภายนอกอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ และคุ้นเคยกันแล้วก็เผยธาตุแท้ออกมา
เสี่ยวเทียนฉีกยิ้ม แต่ไม่พูดและก็ไม่ตอบคำถามนี้
เมื่อเซียวหลานหลานเห็นว่าเขาไม่พูด ก็ขมวดคิ้ว เธอยื่นมือออกไปจับใบเสร็จที่อยู่ในมือของเสี่ยวเทียน แล้วอ้าปากค้างทันที
“ทำไม?” จู้ซินซินถามอย่างแปลกใจ
เธอไม่รู้ว่าเซียวหลานหลานเป็อะไร?
ใบเสร็จมีอะไรน่าดูหรือ?
ฐานะทางครอบครัวของเซียวหลานหลานก็ไม่เลว น่าจะไม่ใเพราะอาหารมื้อเดียวอย่างนี้หรอก
“ซินซิน … ฉันว่าเดือนนี้คงเลี้ยงเธอไม่ได้แล้ว เธอควรจะรอหลังจากที่ฉันโตแล้วทำงานก่อน พอเก็บเงินได้สักหน่อยแล้วค่อยว่ากันเถอะ อาหารมื้อเดียวสองหมื่นแปด สถานที่บ้าอะไรเนี่ย! ทั้งชีวิตนี้ฉันจะไม่มาแล้ว” เซียวหลานหลานพูดอย่างขมขื่น
ราคาอย่างนี้ก็เหนือขอบเขตที่เธอจะจ่ายไหว อย่าว่าแต่เธอเลย ถึงพ่อแม่ของเธอมา ก็คงจ่ายไม่ไหว
“หา!”
จู้ซินซินปิดปาก เธอมองเจียงไป๋ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแวบหนึ่ง และรู้สึกว่าภายในใจตนเองมีเืไหลซิบๆ
ถึงไวน์สองขวดนั้นพวกเธอสองคนจะไม่ดื่มก็ตาม ก็มีแค่เจียงไป๋ดื่มคนเดียว แต่อาหารมื้อนี้ก็ทานแล้วใช่ไหม?
เมื่อครู่ของนิดหน่อยแค่นั้นก็หลายพันแล้วหรือ?
ลองคิดดู จู้ซินซินก็รู้สึกว่าภายในใจตนเองมีเืไหลซิบๆ ในขณะเดียวกันความรู้สึกที่ยากจะพูดได้ชัดก็ผุดขึ้นภายในใจ และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ความต่างของเธอกับเจียงไป๋ช่างมีมากจริงๆ
เวลาต่อมา เมื่ออาการสับสนของทั้งสองคนผ่านไป ไม่ทันไรเจียงไป๋ก็มาส่งพวกเธอที่โรงเรียนแล้ว
เด็กสาวบ๊องๆ สองคนลงจากรถแล้วมองเจียงไป๋จากไป
แล้วก็ถึงตอนบ่ายอย่างไม่รู้ตัว เจียงไป๋ที่เพิ่งกลับมาถึงห้องก็ได้รับข้อความจากจู้ซินซิน “พี่เจียงไป๋ ฉันซินซิน ตอนบ่ายคุณครูตามฉันไปพบ เพราะเื่ตอนเที่ยง ให้ฉันเรียกผู้ปกครองมา แม่ของฉันร่างกายไม่แข็งแรง พี่จะ … ได้ไหม?”
ยังพูดไม่ทันจบ แต่ความหมายก็ชัดเจนมาก ก็คือจะให้เจียงไป๋ไปปลอมเป็ผู้ปกครอง
เจียงไป๋ยิ้มแล้วยิ้มอีก แต่ก็ไม่ถือเป็เื่ใหญ่ แล้วก็ตอบตกลงทันที เขาส่งคำว่า “วางใจ” ไปสองคำ ก่อนจะสอบถามเื่เวลา จัดการเรียบร้อยเช้าวันพรุ่งนี้จะเข้าไป
แน่นอนว่า ต่อมาแม่สาวน้อยก็แอบถามเจียงไป๋เป็นัยๆ แล้วว่า เย็นวันนี้เธอต้องกลับบ้านไหม
แน่นอนว่าเจียงไป๋ก็ได้ปฏิเสธการถามเป็นัยๆ ของสาวน้อย แล้วโกหกว่าตอนเย็นมีธุระ แต่ไม่ได้ตอบตกลง
ล้อเล่นน่า เื่อย่างนี้ถึงจะมาอีกกี่ครั้ง แม้แต่เทพเซียนก็อดใจไว้ไม่ไหว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้