ขันทีหัวหน้าพ่อครัวยิ้มดีใจเมื่อได้ฟังที่หนิงมู่ฉือกล่าว หากสิ่งที่หนิงมู่ฉือได้ตอบกลับมาจากขันทีหัวหน้าพ่อครัว ทำให้นางถึงกับต้องขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวพูดจาอย่างอวดดี “น้ำแกงหัวไชเท้ามีสรรพคุณช่วยขับพิษและบำรุงร่างกาย ปกติเต๋อเฟยจะทรงชื่นชอบน้ำแกงหัวไชเท้านี้เป็อย่างมาก ถึงฤดูใบไม้ร่วงเมื่อใด จะต้องเสวยทุกวัน ่นี้คือฤดูใบไม้ร่วงจึงทรงอยากเสวยมันอยู่ตลอดเวลา”
“น้ำแกงหัวไชเท้าที่ท่านทำรสชาติดีมาก เข้มอ่อนกำลังดี ทานแล้วชุ่มคอ ข้าขอยอมแพ้”
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวพยักหน้าอย่างพึงพอใจที่เห็นหนิงมู่ฉือยอมแพ้ หันไปมองเต๋อเฟยด้วยความดีใจ ซึ่งเต๋อเฟยก็ส่งสายตาชื่นชมมาให้ จ้าวซีเหอเห็นการกระทำเช่นนี้ของคนทั้งคู่ทำให้โมโหยิ่งนัก
ขันทีผู้จัดงานยิ้มอ่อนกับการแสดงออกของทั้งคู่ ก่อนจะกล่าวออกมา “เอาละ การแข่งรอบต่อไป ผู้ที่ชนะถึงจะคือผู้ชนะที่แท้จริง”
ได้ยินดังนั้นขันทีหัวหน้าพ่อครัวที่ลงแข่งส่งสายตาดูถูกมาให้ พร้อมกับมองหนิงมู่ฉืออย่างถือดี
หนิงมู่ฉือทำเพียงแค่ยิ้มบางๆ ขณะรอฟังขันทีผู้จัดงาน “การแข่งรอบที่สามคือการแข่งทำอาหารที่สุดแสนจะธรรมดาหนึ่งอย่าง ก่อนหน้านี้พวกเราเพิ่งไปซื้อปลากุ้ยอวี๋สดใหม่สี่ห้าตัวมาจากตลาด ดังนั้นการแข่งรอบนี้จะทำน้ำแกงเต้าหู้ปลากุ้ยอวี๋แข่งกัน”
ครั้นหนิงมู่ฉือได้ฟังชื่ออาหารที่จะต้องทำ ในสมองของนางนึกถึงภาพที่จ้าวซีเหอฆ่าปลาเมื่อวานขึ้นมา ซึ่งมันดูวุ่นวายเอามากๆ ขณะที่สายตามองปลากุ้ยอวี๋หลายตัวถูกมัดด้วยเชือกหญ้าเอาไว้ ซึ่งยังคงดิ้นกระแด่วๆ ไปมา จากนั้นพวกมันก็ถูกยกขึ้นมาบนเวที นางเห็นแล้วรู้สึกสงสารพวกมันยิ่งนัก
จ้าวซีเหอคอยสังเกตหนิงมู่ฉืออยู่ตลอด เมื่อได้ยินว่าว่าต้องแข่งทำน้ำแกงเต้าหู้ปลากุ้ยอวี๋ เขาอดมองปลากุ้ยอวี๋ที่ดิ้นไปมาบนเขียงอย่างอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
หนิงมู่ฉือเดินไปที่ปลากุ้ยอวี๋ เอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ปลากุ้ยอวี๋เหล่านี้ตัวอวบอ้วนดีจัง คงใช้เงินไปมากเพื่อซื้อพวกมันมาแน่”
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวได้ฟังก็ยิ้มเยาะ “เป็เด็กสาวที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกจริงๆ ด้วย ในวังแห่งนี้มีปลากุ้ยอวี๋เช่นนี้เยอะแยะ แค่ปลากุ้ยอวี๋ยังไม่เคยเห็น แล้วจะทำน้ำแกงเต้าหู้ปลากุ้ยอวี๋ได้อย่างไร”
หนิงมู่ฉือมองขันทีหัวหน้าพ่อครัวอย่างจนปัญญา หยิบปลากุ้ยอวี๋ขึ้นมาตัวหนึ่ง แก้เชือกหญ้าที่มัดมันออก นางราวกับจะจับมันไม่อยู่ จึงต้องใช้มือกำมันเอาไว้แน่น ก่อนจะใช้มืออีกข้างฟาดมันตาย
สตรีอ่อนแอหลายคนเห็นการกระทำนี้ ต่างหลับตาพลางกล่าวว่าหนิงมู่ฉือโเี้อย่างนั้นอย่างนี้
จ้าวซีเหอมองสตรีพูดมากเ่าั้อย่างไม่พอใจ ที่หนิงมู่ฉือฆ่าคือปลา แต่สตรีเหล่านี้ไม่รู้ว่าฆ่าคนไปแล้วมากมายเท่าไหร่
หนิงมู่ฉือยิ้มขณะใช้มีดกรีดท้องปลา ทำให้เครื่องในของมันไหลออกมา นางกลัวว่าจะทำดีของปลาเสีย จึงค่อยๆ ใช้มือควักเครื่องในออกมาทีละชิ้น จ้าวซีเหอที่นั่งดูอยู่ถึงได้เข้าใจ “อ่อ ที่แท้เครื่องในปลาต้องจัดการเช่นนี้นี่เอง”
หนิงมู่ฉือค่อยๆ ขอดเกล็ดปลาพลางส่ายหน้าไปด้วย ปลากุ้ยอวี๋ที่จะใช้ทำน้ำแกงเต้าหู้ปลากุ้ยอวี๋ที่ดีคือต้องใช้ปลาหนาประมาณสองข้อนิ้ว แต่ปลาที่อยู่ในมือนางตอนนี้ตัวใหญ่เกินไป ไม่เหมาะจะนำมาทำน้ำแกงเต้าหู้ปลากุ้ยอวี๋ ปลากุ้ยอวี๋ใน่ที่ดีที่สุดคือ่เข้าฤดูใบไม้ร่วง แต่่นี้กำลังจะเข้าฤดูหนาว เป็่ที่เนื้อปลาไม่มีความอ่อนนุ่มที่สุด
หนิงมู่ฉือมองปลากุ้ยอวี๋ตรงหน้าซึ่งมีขนาดใหญ่เกินไป นางมีแต่ต้องตัดแบ่งเป็สองชิ้นใหญ่ ใช้มีดเลาะเนื้อปลาจนถึงกระดูกถึงค่อยหยุด
นางมองไปทางขันทีหัวหน้าพ่อครัว พบว่าอีกฝ่ายมองมาที่นางด้วยสีหน้าตระหนกแปลกๆ นางจึงเอ่ยถามด้วยเสียงไม่ดังนัก “เกิดอันใดขึ้นหรือ”
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวเอ่ยอย่างอายๆ ว่า “แม่นางหนิง ที่เ้าพอจะมีเกลือเหลือบ้างหรือไม่ ขอข้ายืมได้หรือไม่”
เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการแข่งขันมีจำกัด การแข่งรอบแรกขันทีหัวหน้าพ่อครัวผู้นี้ใช้เกลือไปมาก ทำให้พอถึงรอบนี้มีเกลือไม่พอ เมื่อคิดถึงท่าทางของตนเองที่ปฏิบัติต่อหนิงมู่ฉือก่อนหน้านี้ ในใจจึงนึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะแค้นฝังใจตัวเอง
หนิงมู่ฉือมองเกลือที่อยู่ในมือซึ่งมีเหลือไม่เยอะ นางขบคิดว่า ถึงอย่างไรนางก็ต้องทำให้ตัวเองเป็ฝ่ายแพ้อยู่แล้ว จึงพยักหน้าออกไป นางส่งเกลือกว่าครึ่งให้อีกฝ่าย ดูท่าการแข่งครานี้นางคงต้องแพ้อีกคราเป็แน่แท้
นาง้าเกือบชนะ จึงนำเต้าหู้ไปนึ่งเสียก่อน เพื่อให้สูญเสียกลิ่นของถั่วเหลือง และทำให้เนื้อััมันนุ่มนิ่มเกินไป นางมองขันทีหัวหน้าพ่อครัวใส่เกลือลงไปในน้ำแกง ก่อนจะหันมามองน้ำแกงเต้าหู้ปลากุ้ยอวี๋สีขาวใสของนางพร้อมกับถอนหายใจอย่างยอมแพ้ จากนั้นถึงค่อยใส่เกลือที่เหลือลงไป
นางใส่เต้าหู้เป็อย่างสุดท้าย และปรุงรสอีกนิดหน่อย ก่อนจะตักน้ำแกงใส่ถ้วยสวยงามใบหนึ่ง ก่อนที่ถ้วยน้ำแกงถ้วยนี้จะถูกขันทีผู้หนึ่งยกออกไป
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวรู้สึกขอบคุณหนิงมู่ฉือเป็อย่างมาก เดินมาหยุดยืนอยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “พวกเราขอบคุณแม่นางหนิงมาก หากไม่ได้แม่นาง พวกเราคงต้องขายหน้าครั้งใหญ่เป็แน่ ไม่คิดเลยว่าแม่นางจะใจกว้าง ก่อนหน้านี้พวกเรากลั่นแกล้งแม่นางสารพัด เป็พวกเราที่ไม่ดีเอง”
หนิงมู่ฉือเห็นขันทีหัวหน้าพ่อครัวพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ ลูบศีรษะอย่างเขินอาย “ท่านกงกงไม่จำเป็ต้องเกรงใจ แม้ในการแข่งขันพวกเราเป็ศัตรูกัน แต่ข้างนอกพวกเราถือเป็สหายกัน”
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวเห็นท่าทางเช่นนั้นของหนิงมู่ฉือก็รู้สึกดีกับนางขึ้นมาก หากไม่ใช่เพราะเ้าพวกน่ารังเกียจที่อยู่ในห้องเครื่องพวกนั้น เขาจะมาสร้างความลำบากใจให้แก่แม่นางหนิงตรงนี้เพื่ออันใด!
ทว่าเขาก็รู้ดีว่า ที่พวกลูกศิษย์เ่าั้ทำทั้งหมดนี้ก็เพราะหวังดีต่อเขา เขาถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะเอ่ยกับหนิงมู่ฉือว่า “ฝีมือการทำอาหารของแม่นางหนิง พวกเราเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด แต่พวกเราก็คิดว่า พวกเราก็มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าแม่นางเช่นกัน”
“ท่านกงกงไม่จำเป็ต้องถือสา ข้ารู้ดีถึงความลำบากของท่าน ท่านคือหัวหน้าพ่อครัว ก็ต้องฟังความเห็นของคนส่วนมาก จะปล่อยให้คนอื่นมานินทาไม่ได้” หนิงมู่ฉือส่งยิ้มให้ขันทีหัวหน้าพ่อครัว โชคดีที่ตอนแรกนางไม่ได้มองคนผิดไป
ขันทีทั้งหลายยกถ้วยน้ำแกงเต้าหู้ปลากุ้ยอวี๋ไปวางตรงหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินและบรรดาพระสนมเพื่อให้ลองชิม เมื่อทุกคนได้ชิมต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป ทุกคนหยิบกระดาษขึ้นมาเพื่อให้คะแนน หนิงมู่ฉือกับขันทีเทพพ่อครัวเห็นเยี่ยงนั้นทั้งเครียดและลุ้นระทึกไปพร้อมๆ กัน
คนหนึ่งหวังอยากจะชนะ อีกคนหวังอยากจะแพ้
ถ้วยน้ำแกงเต้าหู้ปลากุ้ยอวี๋ถูกยกมาวางด้านหน้าจ้าวซีเหอและคนอื่นๆ เขาชิมเข้าไปคำหนึ่ง ถ้วยหนึ่งรสชาติกำลังพอดี อีกถ้วยรสชาติอ่อนไปนิด ทว่าเต้าหู้นิ่มกำลังอร่อย เหมือนกับน้ำแกงเต้าหู้ปลากุ้ยอวี๋ที่เขาเคยได้ทานตอนอยู่ที่ตำหนัก
เขาเดาออกทันทีว่า น้ำแกงถ้วยนี้คือถ้วยที่หนิงมู่ฉือเป็คนทำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้