มู่จื่อหลิงมีพี่ชายที่โตกว่านางห้าปีซึ่งมีนามว่า มู่จื่อเย่ หลังจากหลี่เอินล้มป่วย ไม่ทราบว่าเป็เพราะสาเหตุใด มู่จื่อเย่จึงถูกมู่เจิ้นกั๋วส่งออกไปจากจวน และมิได้กลับมาอีกเลย
นอกจากมู่เจิ้นกั๋วแล้วก็ไม่มีผู้ใดทราบว่ามู่จื่อเย่ถูกส่งไปที่ใด ส่วนมู่เจิ้นกั๋วก็ไม่ปริปากเอ่ยถึงเื่นี้อีก
แม้ั้แ่เล็กจนโตมู่จื่อหลิงมิต้องกังวลเื่อาหารเครื่องนุ่งห่ม ทว่าขาดความรักใคร่เอ็นดูจากคนใกล้ชิดั้แ่ยังเล็ก จนกลายเป็ผู้ไม่มีปากเสียง ไม่ชอบสนทนากับผู้อื่น
ยามปกตินางจะนั่งอยู่ผู้เดียวอย่างเงียบงัน ดวงตาเลื่อนลอยว่างเปล่า ไม่ร่ำเรียนไร้ความสามารถ คนภายนอกล้วนมองว่านางเป็คนโง่งมที่เซ่อซ่า เป็คนไร้ค่าไร้ซึ่งความสามารถและคุณธรรม
เหล่าไท่จวินเป็มารดามู่เจิ้นกั๋ว นับว่าเป็ท่านย่าของมู่จื่อหลิง แม้ในจวนแห่งนี้นางจะรักใคร่เอ็นดูสองคนพี่น้องมู่จื่อเย่และมู่จื่อหลิงที่สุด นางทนเห็นพวกเขาได้รับาเ็ไม่ได้แม้แต่นิดเดียวก็ตาม
ทว่าั้แ่หลี่เอินไม่สบาย นางก็ไปสวดมนต์ที่วัดชิงอัน ไปครั้งหนึ่งก็ใช้เวลานานถึงสิบกว่าปี นานๆ ทีจะกลับมาดูมู่จื่อหลิงสักครั้ง ครั้งนี้เป็เพราะมู่จื่อหลิงได้รับาเ็ และต้องแต่งงาน จึงตั้งใจกลับมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
าแบนศีรษะของมู่จื่อหลิงได้รับาเ็เป็เพราะสามวันก่อนหน้านี้มู่อี๋เสวี่ยบังคับลากนางออกไปเที่ยวด้วยกัน ระหว่างทางจู่ๆ ม้าที่ลากรถก็เกิดคลุ้มคลั่งห้อตะบึงขึ้นมา
นางมิทันระวังกลิ้งตกลงมาจากรถม้าจนศีรษะได้รับาเ็ สลบไปถึงสามวันสามคืน
มู่จื่อหลิงตกลงมาจนได้รับาเ็ ทว่ามู่อี๋เสวี่ยกลับไม่เป็อะไรเลยแม้แต่น้อย ส่วนสาเหตุนั้นนอกจากมู่อี๋เสวี่ยแล้วก็ไม่มีผู้ใดทราบ มู่อี๋เสวี่ยกล่าวเพียงว่ามู่จื่อหลิง้าช่วยนางจึงตกลงมา
ส่วนผู้ที่มู่จื่อหลิงต้องแต่งด้วยในวันพรุ่งคือโอรสองค์ที่สามของฮ่องเต้ ฉีอ๋อง หลงเซี่ยวอวี่
ปีนี้หลงเซี่ยวอวี่อายุ 21 ปี อดีตฮ่องเต้รักใคร่เอ็นดูเขาเป็ล้นพ้น ก่อนตจึงแต่งตั้งเขาเป็ชินอ๋อง [1] ขั้นหนึ่ง ซึ่งนับว่าเขาเป็องค์ชายเพียงพระองค์เดียวที่ถูกแต่งตั้งเร็วที่สุด
ในมือของเขากอบกุมอำนาจสั่งการทหารกว่าล้านนายั้แ่อายุยังน้อย เป็อ๋องที่ทรงอำนาจที่สุดในแคว้นเจียหลัว ปวงประชาสรรเสริญ อยู่ภายใต้ผู้เดียวทว่าอยู่เหนือคนนับหมื่น ปุถุชนคนธรรมดาล้วนกล่าวขานเป็เสียงเดียวกันว่าฉีอ๋องสั่นะเืได้ทั่วทั้งแผ่นดิน
แม้จะกล่าวว่าหลงเซี่ยวอวี่ทั้งเ็าทั้งไร้ความรู้สึก แต่ก็เป็เทพบุตรในฝันของหญิงสาวทั่วทั้งแคว้นเจียหลัว
ปัจจุบันเขายังไม่มีทั้งสนมทั้งชายา ได้ยินมาว่าเขาเป็โรครักความสะอาดขั้นรุนแรง นอกจากหมู่เฟย [2] ก็ไม่มีหญิงสาวผู้ใดได้ััหรือเข้าใกล้เขามาก่อน แม้กระทั่งผู้ชายก็เข้าใกล้เขาน้อยมาก
ไทเฮาองค์ปัจจุบันนั้นมิใช่มารดาผู้ให้กำเนิดฮ่องเต้หลงเหวินอิ้น ก่อนหน้านี้นางล้วนคิดไปเองว่าหลงเหวินอวี่ โอรสที่นางให้กำเนิดจะได้นั่งบัลลังก์ ทว่าเวลานั้น ด้วยเหตุใดมิอาจทราบ หลงเหวินอวี่ทำความผิดเพียงเล็กน้อย อดีตฮ่องเต้จึงริบตำแหน่งไทจื่อของเขาคืน ก่อนตก็มอบบัลลังก์ให้พระโอรสองค์เล็กหลงเหวินอิ้นสืบทอด
ใจของไทเฮามิยินยอม หลังอดีตฮ่องเต้ต นางจึงเริ่มวางแผนทุกทางที่เป็ไปได้อย่างระมัดระวังทุกฝีก้าว
เพราะนางเป็มารดาเลี้ยงของฮ่องเต้หลงเหวินอิ้น ดังนั้นเมื่อหลงเหวินอิ้นเถลิงราชย์ นางจึงกลายเป็ไทเฮาอย่างชอบธรรม
ต่อหน้าผู้อื่นไทเฮาจะเสแสร้งเป็มารดาผู้ดูแลเอาใจใส่ ปฏิบัติต่อหลงเหวินอิ้นเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิด ทว่าลับหลังกลับร่วมมือกับบุตรชายแท้ๆ ของตน ลอบทำร้ายเขาไม่น้อย ฮ่องเต้เหวินอิ้นเป็ผู้มีคุณธรรม ยามที่นางมิได้เคลื่อนไหวใหญ่โต ปกติจึงยอมลืมตาข้างปิดตาข้าง ปล่อยผ่านนางไป
ด้วยเหตุที่หลงเซี่ยวอวี่ถูกแต่งตั้งเป็อ๋องั้แ่ยังเล็ก อำนาจในราชสำนักก็มีแต่เพิ่มขึ้นไม่ลดลง พรั่งพร้อมไปด้วยผู้ให้การสนับสนุน กลายเป็หนามแหลมคมทิ่มแทงก้นบึ้งหัวใจของไทเฮา พวกเขาจึงเริ่มเบนเป้าหมายไปที่หลงเซี่ยวอวี่แทน
เื่ไทเฮาเป็ปฏิปักษ์กับฉีอ๋องนั้นเป็เื่ที่ทราบกันโดยทั่วไป
สามปีก่อน จงอี้โหวมู่เจิ้นกั๋วสละอำนาจสิทธิ์ขาดทางทหารทั้งหมด เพราะ้าลาออกจากราชสำนัก ไปดูแลภรรยาที่ป่วยหนัก
แม้ฮ่องเต้เหวินอิ้นจะตัดพระทัยมิได้อยู่บ้าง ทว่ากว่าครึ่งชีวิตของมู่เจิ้นกั๋วนั้นล้วนควบม้าอยู่ในสนามรบ ตอบแทนบุญคุณบ้านเมืองอยู่เสมอ จึงมิได้ฝืนรั้งไว้ เมื่อคำนึงถึงที่เขารักบ้านเมืองอย่างหาที่สุดมิได้ จึงแต่งตั้งเขาเป็จงอี้โหว ยามปกติมิต้องมาประชุมเช้าที่ราชสำนัก และไม่ต้องหารือการบ้านการเมือง
เวลานี้จวนจงอี้โหวไร้อำนาจ มีเพียงชื่อเสียงจอมปลอมเป็เปลือกกลวงเท่านั้น ผนวกกับกระสอบฟางอย่างมู่จื่อหลิงแล้ว
ดังนั้นไทเฮาจึงออกราชโองการประทานสมรสให้ฉีอ๋องหลงเซี่ยวอวี่ ในเมื่อมิอาจตัดปีกเขาได้ ก็ต้องขัดขวางการเติบใหญ่ของเขา
เมื่อเข้ามาในวังหลวงที่ลึกล้ำราวมหาสมุทร มีคนปากอย่างใจอย่างแทบทุกประเภท มีการต่อสู้ของักับพยัคฆ์สารพัดรูปแบบ ดูท่าวันคืนต่อจากนี้คงมิอาจผ่านไปโดยสงบสุขเสียแล้ว
ในเมื่อมิอาจหลีกหนี ก็ต้องเผชิญหน้าอย่างสงบ ยังดีที่จวนฉีอ๋องไม่มีขบวนนางสนม มิเช่นนั้นทั้งวันคงได้แต่รับมือกับสนมทั้งหลาย นางต้องคลุ้มคลั่งเป็แน่ มู่จื่อหลิงได้แต่ทอดถอนหายใจเงียบๆ ในใจ
แต่นางยังต้องค้นหาว่า เตียงหยกเหมันต์นั้นอยู่ที่ใดโดยเร็วที่สุด ต่อให้มีโอกาสกลับไปเพียงเล็กน้อย นางก็จะไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด
นางทะลุมิติมาที่จวนสกุลมู่ มิแน่ว่าเตียงหยกเหมันต์เองอาจจะอยู่ที่จวนสกุลมู่แห่งนี้ก็เป็ได้ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้คงได้แต่แอบออกไปค้นหาดู มิเช่นนั้นวันรุ่งขึ้นต้องแต่งงานแล้ว จะมาหาภายหลังคงมิง่ายแน่นอน
มู่จื่อหลิงแกะผ้าพันแผลบนศีรษะออก นำยาฟื้นฟูผิวพรรณจากระบบซิงเฉินออกมาทาบนาแ
ผ่านไปครู่หนึ่งาแก็เริ่มสมานตัว ค่อยๆ ตกสะเก็ด จากนั้นก็หลุดออกมา ผิวพรรณฟื้นคืนสู่สภาพเดิม แล้วนำผ้าพันแผลขึ้นมาพันไว้อย่างเดิม มิอาจให้ผู้ใดพบว่าาแของนางหายเร็วขนาดนี้
-
สวนเสวี่ย
หลังจากที่มู่อี๋เสวี่ยรีบร้อนกลับไป ก็อาบน้ำไปสิบกว่ารอบ ถึงล้างยาขจัดรอยแผลเป็ออกจากตัวได้หมดจด ทว่านางไม่รู้เลยว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะมีเื่ที่น่าประหลาดใจรอนางอยู่
สาวใช้ข้างกายนางต่างก็ยุ่งจนมือเป็ระวิง พวกนางล้วนแปลกใจว่าคุณหนูรองเป็อะไรกันแน่? เหตุใดั้แ่กลับมาจากเรือนคุณหนูใหญ่ก็อาบน้ำหลายครั้งเช่นนี้ ไปััสิ่งไม่สะอาดอันใดเข้าหรือ?
ทว่าพวกนางนั้นได้แต่สงสัย มิกล้าสอบถาม อารมณ์ของมู่อี๋เสวี่ยเป็เช่นใด ในใจพวกนางล้วนทราบดี
“อี๋เสวี่ย เกิดอันใดขึ้นกันแน่” ไป๋ซู่ซู่ผลักประตูเข้ามาถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ได้ยินว่ามู่อี๋เสวี่ยวิ่งกลับมาจากเรือนของมู่จื่อหลิงราวกับคนเสียสติ นางจึงมาดู กลับพบท่าทางจนตรอกของมู่อี๋เสวี่ย ก็ถามขึ้นเสียงเย็น
“ชิ! ท่านแม่ ล้วนเป็เพราะนางกระสอบฟางมู่จื่อหลิงนั่น ข้านำยาไปให้นางทาด้วยใจหวังดี นางกลับไม่เห็นค่า เทยาทิ้งใส่ตัวข้า” มู่อี๋เสวี่ยเห็นไป๋ซู่ซู่เข้ามาก็ระบายความน้อยอกน้อยใจออกมา ปล่อยเสียงร้องไห้โฮ น่าสงสารยิ่งนัก
“ยาอะไรกันถึงทำให้เ้าต้องอาบน้ำเสียหลายรอบขนาดนี้ บอกความจริงมา” ไป๋ซู่ซู่ถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“เป็...เป็ยาขจัดรอยแผล...ที่ใส่ผงฮว่าโร่ว” มู่อี๋เสวี่ยร้องไห้น้ำตาพรั่งพรูเป็สาย กล่าวอย่างติดขัด
------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ชินอ๋อง เป็ยศถาบรรดาศักดิ์ ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งชินอ๋องส่วนมากเป็พระโอรส พระเชษฐา หรือพระอนุชาในองค์จักรพรรดิ เป็ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่ 1 และเป็ตำแหน่งสูงสุดที่องค์ชายสามารถมีได้ รองจากหวงไท่จื่อ
[2] หมู่เฟย คือคำที่ใช้เรียกมารดาขององค์ชาย มีฐานะเป็พระสนม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้