เจียงไป๋ไม่รู้ว่าการอ่านหนังสือผ่านสื่อออนไลน์ของที่นี่จะได้รับความนิยมมากกว่าในชาติก่อน ดังนั้นความรู้เกี่ยวกับเื่ลิขสิทธิ์จึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะหนังสือเล่มนี้ของเจียงไป๋ที่มีความแปลกใหม่ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็การเปิดประวัติศาสตร์ใหม่ แน่นอนว่าความสำเร็จที่ได้รับดีกว่าที่เขาคาดคิดไว้หลายเท่านัก
“ยินดีด้วยหนุ่มน้อย มีชื่อเสียงเป็ครั้งแรก ได้รับแต้มบารมีสิบสองแต้ม”
ขณะที่เจียงไป๋กำลังชื่นชมหนังสือเล่มนี้ว่าสุดยอดมากอยู่นั้น เสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัวของเขา
“แต้มบารมีสิบสองแต้ม? ฉันทำอะไรไปแล้วนะ?”
เจียงไป๋ตะลึงงัน และไม่เข้าใจอยู่บ้าง เขาเพียงแค่นอนหลับไปพักหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย! ทำไมถึงได้แต้มบารมีสิบสองแต้มล่ะ?
หากรู้ว่าเมื่อวานเขาปลุกความกล้าออกมาและตีหัวของหลิวปินจนแตก ซึ่งก็ได้แต้มบารมีแค่ห้าแต้มเท่านั้น แต่ในเวลาเที่ยงคืนนี้แค่นอนหลับก็ได้แต้มบารมีสิบสองแต้มแล้วหรือ?
“ชื่อเสียงก็คือส่วนหนึ่งของบารมี หนุ่มน้อย นามปากกาของเ้าเจียงไป๋ตอนนี้กำลังโด่งดังมาก มีผู้คนรู้จักมากมาย ดังนั้นเ้าจึงได้รับแต้มบารมี”
“แต่น่าเสียดาย … เวลามีน้อยเกินไปชื่อเสียงของเ้าจึงมีจำกัด โดยเฉพาะวิธีการอย่างนี้ก็จะได้รับแต้มบารมีในอัตราส่วนที่น้อยมาก อย่างที่พวกเ้าพูดกันว่ายอดคลิกเข้าชมหนึ่งร้อยครั้งก็อาจจะมีคนสนใจจริงๆ แค่หนึ่งคน ดังนั้นยอดคลิกเข้าชมหนึ่งหมื่นครั้งเ้าก็จะได้รับแต้มบารมีหนึ่งแต้ม หนึ่งแสนสองหมื่นครั้งก็เป็แต้มบารมีสิบสองแต้มพอดี!”
“ยินดีด้วยหนุ่มน้อย เ้ามีอีกหนึ่งช่องทางที่จะได้รับแต้มบารมีแล้ว เส้นทางสู่จอมอหังการของเ้าใกล้เข้ามาอีกขั้นแล้ว”
ไม่นานนักระบบก็ให้คำตอบที่เจียงไป๋้า ทำให้จิตใจที่เดิมทีก็ตื่นเต้นมากอยู่แล้วของเจียงไป๋รู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
ในตอนแรกนั้นเจียงไป๋กำลังกลุ้มใจว่าต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับแต้มบารมี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะหาช่องทางสำคัญพบอีกทางหนึ่งแล้ว
แค่คืนเดียวก็มียอดคลิกเข้าชมถึงหนึ่งแสนสองหมื่นครั้งเลยหรือ? และหากหนังสือเล่มนี้เขียนเสร็จจะเป็อย่างไรนะ?
ถ้ายึดตามผลลัพธ์นี้อย่างน้อยทั้งเล่มก็คงจะมียอดคลิกเข้าชมเกินร้อยล้านครั้งแน่!
หากในชาติก่อนหนังสือเล่มนี้มียอดคลิกเข้าชมถึงสามสิบล้านครั้ง ที่นี่จะต้องยิ่งสูงกว่าแน่นอน หากเกินร้อยล้านครั้งก็จะมีแต้มบารมีนับหมื่นแต้ม แค่คิดเจียงไป๋ก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว
“น่าเสียดายที่ตอนนี้ฉันเขียนได้แค่สองตอน วรรณกรรมกระบี่เทพสังหารคงจะสั้นเกินไปหน่อย ดูแล้วช่องทางการขโมยวรรณกรรมแบบนี้คงทำต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องลองคิดทำอะไรจริงจังดูบ้าง แต่ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ จะต้องแก้ปัญหาปากท้องเสียก่อน”
เจียงไป๋ถอนหายใจ ก่อนจะโยนเื่นี้ทิ้งไว้ข้างหลัง มีแต้มบารมีสิบเจ็ดแต้มอยู่ในมือ ถึงแม้เขาจะพูดว่า้าแก้ปัญหาปากท้องก่อน แต่กลับไม่ได้รีบร้อนอะไร เขาคิดว่าควรจะจัดการเื่ราวต่างๆ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจึงจะถูกต้อง
“กุกๆ กักๆ ” เจียงไป๋เริ่มก้มหน้าทำงานต่อ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็มๆ อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว หนังสือหนึ่งล้านสองแสนตัวอักษรที่เจียงไป๋พยายามเขียนก็เสร็จเรียบร้อย
เมื่ออัปโหลดตอนใหม่ให้อ่านฟรีอีกสองแสนตัวอักษรแล้ว หนังสือของเจียงไป๋ที่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้วางบนชั้นหนังสือออนไลน์ภายในระยะเวลายี่สิบวันอย่างน่าอัศจรรย์ รวมทั้งมียอดสมาชิกและกำลังใจอีกมากมาย ยอดคลิกเข้าชมถึงเก้าล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นครั้ง ยอดสมาชิกใน่แรกหนึ่งแสนเจ็ดหมื่น คิดโดยเฉลี่ยเป็หนึ่งแสน ทำให้เจียงไป๋ได้เงินก้อนโตอย่างจริงๆ จังๆ เสียที
วันที่อัปโหลดเขายังส่งไปอีกหนึ่งแสนตัวอักษร และก็ได้กระแสตอบรับดีไม่น้อย
หนังสือเล่มนี้โด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ และมีคนอ่านเป็จำนวนมาก!
ผลตอบรับที่ดังเป็พลุแตกอย่างนี้ กำไรที่ได้มาก็น่าชื่นชมอยู่พอสมควร บวกกับกำลังใจจากผู้อ่านในทุกช่องทาง นอกจากที่เว็บไซต์หักไปแล้ว เจียงไป๋กวาดตามองก่อนพบว่าเขาจะได้รับถึงสามล้านแปดแสนกว่าๆ และแน่นอนว่าข้อแลกเปลี่ยนก็คือต้องอัปโหลดใหม่เกินกว่าครึ่ง แต่ถึงจะเป็อย่างนั้น เจียงไป๋ก็ตื่นเต้นจนแทบจะลุกขึ้นเต้น
“สามล้านแปดแสนกว่าหรือ? เมื่อหนึ่งเดือนก่อนยังกลุ้มใจเื่ปากท้องอยู่เลย แต่พอมีเงินก้อนนี้แล้วยังจะต้องกลุ้มใจไปทำไมอีก! หากจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกอยากเพิ่มไส้กรอกกี่ชิ้นก็ย่อมได้ … เชอะ! แต่ต่อไปฉันจะไม่กินอีกแล้ว!”
“มีเงินแล้วจะทำอะไรดีนะ?”
เมื่อได้สติเจียงไป๋ก็เริ่มคิดถึงปัญหานี้ เขานึกถึงการผ่อนผันเป็พิเศษกับเอ้อพ่าง ซึ่งตอนนี้เงินก็มาถึงมือเขาส่วนหนึ่งแล้ว และที่เหลือจะโอนมาให้ในวันที่สิบของเดือนหน้า ส่วนจะใช้เงินนี้อย่างไรนี่ต่างหากคือปัญหา
อันดับแรกซื้อบ้านหรือ?
เฮ้ พอเถอะ บ้านในเมืองเทียนตูหลังหนึ่งหากทุ่มเงินสามล้านกว่าไปหมดก็คงได้แค่บ้านสองห้องนอนเท่านั้น เจียงไป๋ยังไม่บ้าพอ และแน่นอนว่าเงินก้อนนี้เก็บไว้ใช้ก่อนจะดีกว่า
มีเงินแล้วก็ควรจะเลี้ยงฉลองให้ตัวเองสักมื้อถึงจะถูก สำหรับเื่อื่นค่อยว่ากันอีกที
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว เจียงไป๋ก็ลุกขึ้นและออกไปจากห้องทันที
หนังสือก็เขียนเสร็จแล้ว เขาไม่มีเื่อะไรต้องทำอีก ใช้ชีวิตสบายๆ สักสองวันเสียก่อน อนาคตค่อยว่ากันอีกที
“ติงตัง! ยินดีด้วยหนุ่มน้อย ชื่อเสียงโด่งดังขึ้นอีก การเริ่มต้นค่อนข้างประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่ร่ำรวยแต่ยังมีบารมีอีกด้วย หนุ่มน้อย ยินดีกับเ้าด้วยสะสมครบหนึ่งพันแต้ม ได้รับโอกาสในการสุ่มจับรางวัลระดับกลางฟรีหนึ่งครั้ง การจับรางวัลฟรีในคราวต่อไปจะอยู่ที่แต้มบารมีหนึ่งหมื่นแต้ม หรือว่าเ้าจะใช้หนึ่งพันแต้มสุ่มจับรางวัลระดับต้นก็ได้หนึ่งครั้ง หรือจะใช้หนึ่งหมื่นแต้มสุ่มจับรางวัลระดับกลางก็ได้”
เจียงไป๋เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมที่จะออกไปข้างนอก และเมื่อได้ยินเสียงนี้แล้ว ทำให้เขาต้องหยุดลงทันที
วินาทีต่อมาเครื่องสล็อตแมชชีนก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเจียงไป๋อีกครั้ง มันยังคงเป็ช่องสีเหลี่ยมเก้าช่อง แต่น่าเสียดายที่้าคืออะไรก็ไม่ได้เขียนบอกไว้ ทั้งหมดล้วนมีแต่เครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ และสีของบางช่องก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ซึ่งช่องสีดำได้หายไป
ตารางที่อยู่บนเครื่องสล็อตแมชชีนมีแค่สีขาวสามช่อง สีฟ้าสามช่อง และสีม่วงสามช่อง เห็นได้ชัดว่าคุณภาพของการจับรางวัลในครั้งนี้ยกระดับขึ้นไปไม่น้อย เพียงแค่เสียดายที่มองไม่เห็นของที่อยู่ตรงกลางแล้วเท่านั้น
ในเมื่อมองไม่เห็นยังจะต้องลังเลอะไรอีก แค่หลับตาหมุนก็ได้แล้ว
เครื่องสล็อตแมชชีนเริ่มหมุนไปอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วในการหมุนรวดเร็วเป็ที่สุด สักพักก็หยุดลงตรงช่องสีเหลี่ยมสีม่วงช่องหนึ่ง
“ยินดีด้วยหนุ่มน้อย ได้รับรางวัลช่องสีม่วง ปรมาจารย์มวยปาจี๋”
วินาทีต่อมา ร่างกายของเจียงไป๋ก็เริ่มสั่นเทา พลังอย่างหนึ่งพุ่งเข้าสู่ตัวของเจียงไป๋ ทำให้ทั่วทั้งร่างเหมือนกับกำลังอยู่ในอ้อมอกของแม่ ความรู้สึกอบอุ่นนั้นสบายอย่างบอกไม่ถูก
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ตอนที่เจียงไป๋ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงอาทิตย์ร้อนแรงที่เดิมทีอยู่บนท้องฟ้าก็ได้หายลับไปแล้ว และถูกแทนที่ด้วยแสงของดวงจันทร์
เมื่อยืดเส้นยืดสายได้สักพัก เจียงไป๋ก็พบว่าทั้งตัวมีกลิ่นเหม็นและยังมีของเหนียวๆ สีดำติดอยู่บนตัว ซึ่งทำให้เขารู้สึกแย่จนพูดไม่ออก
ในขณะเดียวกันกระบวนท่าต่างๆ ของมวยปาจี๋ เจียงไป๋ก็สามารถจดจำอยู่ในใจได้อย่างชัดเจน เหมือนกับฝึกฝนมานานหลายสิบปี เขาถือโอกาสลองออกหมัดไปหนึ่งครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เกิดเสียงพยัคฆ์คำราม และเสียงพายุดังติดต่อกันไม่หยุด
เจียงไป๋รู้สึกว่าจิติญญาของเขาสั่นไหว ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยพลัง เหมือนกับแค่เขาออกหมัดก็คงจะสามารถฆ่าวัวได้เป็ตัวๆ
จริงๆ แล้วถ้าในฐานะปรมาจารย์มวยปาจี๋ที่สมราคาคนหนึ่ง หมัดเดียวก็ฆ่าวัวตายได้นั้นไม่ใช่เื่ยากอะไร เพียงแค่จุดนี้เจียงไป๋ยังไม่แน่ใจก็เท่านั้น
เหวินมีไท้เก๊กปกครองใต้หล้า อู่มีปาจี๋ยึดอำนาจฟ้าดิน ประโยคนี้ก็ไม่ได้พูดเสียเปล่า มวยปาจี๋ร้ายกาจอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่เจียงไป๋อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขาอดทนต่อความหิว ก่อนจะรีบออกจากห้องเตรียมไปกินอาหารข้างนอก
เพิ่งจะออกจากห้องมาเจียงไป๋ก็พบหญิงสาวที่มีรูปร่างอรชรงดงามคนหนึ่ง สวมชุดกระโปรงรัดรูปสีชมพู ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา
ผู้หญิงคนนี้อายุประมาณยี่สิบกว่าปี มีรูปร่างงดงามมาก ริมฝีปากสีเชอร์รี ดวงตาดอกท้อ จมูกสันเป็คม ผิวพรรณอิ่มเอิบนุ่มนวลดังสายน้ำ ในบรรดาผู้หญิงที่เจียงไป๋เคยพบเจอมาตลอดยี่สิบกว่าปีนั้น เขาบอกได้เลยว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้สวยที่สุด และยังสวยกว่าดาราสาวๆ ที่เจียงไป๋เคยเห็นในโทรทัศน์เสียอีก
เจียงไป๋ไม่ได้เป็คนทะลึ่งลามก แต่ทว่า … เมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วกลับละสายตาไปไม่ได้ และอดไม่ได้ที่จะต้องมองแล้วมองอีก
แต่น่าเสียดายที่คนตรงหน้านี้กลับเมามาย และกำลังพิงอยู่ตรงมุมผนัง ก่อนจะมองเจียงไป๋แวบหนึ่ง มุมปากเผยอาการเยาะเย้ย “มองอะไร? ไม่เคยเห็นผู้หญิงเมาหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้