เฉิงเทียนกังก็ได้หันหน้าเดินไปแล้ว หลี่ชิงหวงตะลึงงันอยู่ตรงนั้นสักพักก็เดินตามออกไป
อีกด้านหนึ่งเมิงหวงเฉาก็เริ่มหัวเราะเสียงดัง และพูดกับคนที่อยู่ข้างๆ ตนเองอย่างดถูกว่า “พยัคฆ์แห่งหนานเจียงอะไรกัน พอได้ยินชื่อพี่ชายแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าก้มหน้าเดินจากไปหรือ?”
แต่เจียงไป๋ก็ไม่ได้มั่นใจอย่างเขา
คนคนหนึ่งเดินมาถึงขั้นเฉิงเทียนกังได้ และถูกขนานนามว่าเป็พยัคฆ์แห่งหนานเจียง หลายๆ เขตในทางใต้ล้วนอยู่ภายใต้อำนาจของเขา และทำได้ถึงขั้นที่คำพูดของเขามีน้ำหนัก ก็พอที่จะเห็นถึงความเก่งกาจของคนคนนี้ได้ คนอย่างนี้เดิมทีน่าจะอยู่สูงส่ง และยโสโอหังอย่างยิ่ง แต่เขาแค่ได้ยินชื่อของเจียงไป๋ก็หันหน้าเดินกลับไป และก็ไม่ได้รู้สึกแย่แม้แต่น้อย เขาตัดสินใจได้เฉียบขาด แค่เห็นก็รู้แล้ว
เมื่อยิ่งเป็อย่างนี้ ก็ยิ่งยืนยันได้ว่าคนคนนี้รับมือยาก
เจียงไป๋แทบจะยืนยันได้ว่า เื่นี้ไม่จบแน่นอน ทางเฉิงเทียนกังก็คงไม่เลิกราแค่นี้แน่ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่คู่ควรที่จะเรียกว่าเป็พยัคฆ์แห่งหนานเจียงแล้ว
ดังนั้นที่จากไป ก็พูดได้แค่ว่าเฉิงเทียนกังคนนี้ประเมินสถานการณ์ออก รู้ว่าเจียงไป๋เป็ใคร และรู้ถึงความสามารถของเจียงไป๋ เขาก็แค่ไม่ยอมที่จะเสียเปรียบเท่านั้น
แต่ศักดิ์ศรีนี้ เขาจะต้องมาเอาคืนแน่นอน
“ดีใจอะไร นายคิดว่าเื่นี้ถือว่าจบแล้วหรือ? เื่สนุกมันอยู่ตอนท้ายน่ะ”
เจียงไป๋มองเมิงหวงเฉาแวบหนึ่ง และก็สาดน้ำเย็นใส่เขาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
นี่ก็แค่เตือน การแก้แค้นของเฉิงเทียนกังก็ไม่ได้มาเร็วขนาดนั้นแน่นอน คนอย่างเขาจะต้องวางแผนก่อนแล้วค่อยลงมือ ถ้าไม่ลงมือก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว แต่พอลงมือก็คงบ้าคลั่งราวกับพายุฝนกระหน่ำแน่นอน เตรียมตัวให้พร้อมเถอะ
ในเมื่อจะเตรียมตัวให้พร้อมแล้ว แน่นอนว่าก็้าเวลาที่มาก
“จะสนใจเขามากมายทำไมกัน อย่างไรหากมีเื่ก็มีจ้าวอู๋จี๋คอยรับอยู่ ความแค้นของเฉิงเทียนกังกับจ้าวอู๋จี๋ก็ยิ่งใหญ่มาก เขารู้ว่าจ้าวอู๋จี๋อยู่ที่หลิงเฉวียน เขาจะต้องไปหาจ้าวอู๋จี๋ก่อนแน่นอน และก็ไม่มาหาพวกเราหรอก พวกเราจะต้องกังวลอะไรอีก รอดูพวกเขาสองคนสู้กันเถอะ”
เมิงหวงเฉาหัวเราะ และพูดอย่างไม่ใส่ใจ
สำหรับปัญหานี้ เหมือนกับว่าเขาจะไม่เป็กังวลแม้แต่น้อย และยังยินดียินร้ายกับความโชคร้ายของคนอื่น
บางทีจากที่เขาดูแล้ว ไม่ว่าจะเป็เฉิงเทียนกังก็ดี จ้าวอู๋จี๋ก็ดี คนสองคนไม่ว่าจะเป็ใครที่เคราะห์ร้าย สำหรับเขาแล้วก็เป็เื่ดีเื่หนึ่ง หากบอบช้ำกันทั้งสองฝ่ายได้ นั่นก็จะเยี่ยมมาก
“ความแค้นอะไรกัน?”
เมื่อครู่เมิงหวงเฉาก็พูดแล้ว ตอนนี้ยังจะพูดขึ้นมาอีก และทำให้เจียงไป๋แปลกใจมาก
สำหรับการกระทบกระทั่งกันของเฉิงเทียนกังกับจ้าวอู๋จี๋ เมื่อก่อนเจียงไป๋ก็เข้าใจอยู่บ้าง เหมือนจะเป็เมื่อสองสามปีก่อน พยัคฆ์แห่งหนานเจียงคนนี้เคยยื่นมือเข้าไปในขอบเขตของเทียนตู ผลลัพธ์คือถูกจ้าวอู๋จี๋ตีกลับไปแล้ว
เื่อย่างนี้ จ้าวอู๋จี๋ก็ไม่ได้ทำเป็ครั้งแรก หลี่ชิงตี้ อู่เทียนซี น่าหลานจงเต๋อ มีคนไหนบ้างที่ไม่เคยเสียเปรียบ?
แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมีความแค้นใหญ่โต
เมิงหวงเฉาดื่มเหล้าและมองไปรอบๆ เขาปริปากเหมือนอยากพูดแต่ก็หยุดไป หลังจากนั้นพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ไม่พูดเื่นี้แล้ว มา พวกเรามาดื่มเหล้า … ดื่มเหล้ากัน … พี่ชาย อย่าให้เ้าพวกนั้นมาทำลายความสุขของพวกเราเลย ข้าวต้องกิน เหล้าต้องดื่ม คนเรามีชีวิตอยู่ ก็ไม่ใช่เพื่อดื่มกินและเที่ยวเล่นหรือ อย่าให้ตนเองขาดทุนสิ”
เมื่อเจียงไป๋เห็นเขาพูดอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ซักถามอีก คิดไปคิดมาในที่นี้ต้องมีความลับอะไรอยู่ ทำให้เมิงหวงเฉาไม่อยากจะพูดต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ดังนั้นเจียงไป๋จึงอมยิ้มและพยักหน้า
หลังจากนั้นก็ดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำแล้ว คนกลุ่มหนึ่งดื่มกันอย่างเมามาย แต่เจียงไป๋ยังคงไม่เมา
ไม่นานเวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมงก็ผ่านไปแล้ว
เวลานี้เมิงหวงเฉาก็เมามายแล้ว ถึงแม้ยังไม่หมอบลงกับโต๊ะ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าวิงเวียนบ้างแล้ว และเริ่มปากสว่าง “พี่ชาย พี่อยากรู้เื่ของเฉิงเทียนกังกับจ้าวอู๋จี๋ไหม? ฮ่าๆ จริงๆ แล้วฉันก็คิดว่าไม่ใช่เื่ใหญ่มาก ก็แค่เฉิงเทียนกังพูดไว้แล้วว่า ใครกล้าพูดถึงก็จะให้คนนั้นได้เห็นดี ดังนั้นเมื่อครู่ฉันจึงไม่พูด ตอนนี้คิดดูแล้ว เขาเฉิงเทียนกังจะนับประสาอะไรได้ ฉันจะกลัวเขาไปทำไม ฉันจะบอกพี่ … ”
คำพูดแค่ประโยคเดียวก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ แต่ละคนหูผึ่ง และก็ไม่สนใจเพื่อนที่เมามาย ทั้งหมดล้วนอยากจะฟังเมิงหวงเฉาว่าจะพูดอะไรกันแน่อย่างแปลกใจ ในนี้ก็รวมถึงเจียงไป๋ด้วย
เมิงหวงเฉาพูดด้วยอาการเมามาย และก็พูดซ้ำในหลายๆ จุดอย่างกระอึกกระอัก แต่ในที่สุดก็เล่าเื่ราวออกมาได้อย่างชัดแจ้ง ทำให้ทุกคนฟังแล้วเข้าใจกันมากพอสมควร
เมื่อสองสามปีก่อน เฉิงเทียนกังเพิ่งจะรับตำแหน่งยศระดับสอง กำลังมีจิตใจที่กระฉับกระเฉง อาศัยว่าวงศ์ตระกูลมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในทางใต้และความสามารถของตนเอง จึงเป็ใหญ่ในหลายๆ เขตของทางใต้ และคำพูดเขาก็มีน้ำหนัก ทั้งยังมีความทะเยอทะยานมาก เขาอยากจะขยายอำนาจของตัวเขาเองกับวงศ์ตระกูลมาในเขตที่มั่งคั่งใกล้ๆ เทียนตู และพื้นที่เหล่านี้ก็เป็ที่ของจ้าวอู๋จี๋ แล้วจ้าวอู๋จี๋จะยอมให้เขาอยู่ดีกินดีได้อย่างไร เป็ธรรมดาที่จะลงมือต่อกร
ทั้งสองคนสู้กันไปมาจนเกินสมควร
ทั้งสองคนต่างก็เป็คนใหญ่คนโตระดับสุดยอดที่แท้จริง พอสู้กันก็ทำให้สั่นะเืไปทั่ว ไม่รู้ว่ามีคนถูกลากเข้ามาพัวพันมากเท่าไร ทั้งยังตายและาเ็อีกนับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเป็วิธีต่อหน้าหรือลับหลัง ทางธุรกิจ ทางเวทีการเมือง ทั้งคู่ก็ออกหมัดใส่กันแล้ว สู้กันจนเกินสมควร
ในที่สุดก็ยังคงเป็จ้าวอู๋จี๋ที่เหนือกว่าขั้นหนึ่ง และก็กดเฉิงเทียนกังที่มีจิตใจกระฉับกระเฉงไว้แล้ว และก็กดเขาไว้ที่ทางเหนือ โดยเฉพาะยังโยกย้ายตำแหน่งของเขา และย้ายเขาไปลงที่ชายแดนหนานเจียง เขาทนอยู่ที่นั่นมาหลายปีแล้ว ส่วนลู่ทางสู่การเลื่อนตำแหน่งก็เกือบจะถูกขัดขวาง และก็ใช้เวลาอยู่หลายปีจึงจะดีขึ้น
โดยเฉพาะเขา ยังมีวงศ์ตระกูลของเขาอีกได้สูญเสียหนักมาก คนของพวกเขาหลายคนก็ถูกปลดจากข้าราชการ ทางธุรกิจก็ถูกโจมตีจนสาหัส
การสู้กันของคนสองคนก็สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของจ้าวอู๋จี๋
แต่หากมีแค่นี้ ก็ไม่เท่าไร คนที่จ้าวอู๋จี๋สู้ด้วยก็มีหลายคน อู่เทียนซี หลี่ชิงตี้ น่าหลานจงเต๋อ คนเหล่านี้สู้กับจ้าวอู๋จี๋ มีคนไหนบ้างที่ไม่เสียเปรียบและสาหัส?
ถึงเฉิงเทียนกังจะพ่ายแพ้ แต่เขาก็ยังหนุ่ม หากพูดออกไปก็ไม่ขายหน้าอะไร ไม่จำเป็ต้องสู้รบกันใหญ่โตอย่างนี้ และจนกลายเป็ศัตรูคู่อาฆาตกัน
ดังนั้นทั้งสองคนจึงกลายเป็อย่างนี้ จุดสำคัญก็ยังคงเป็เพราะผู้หญิงคนเดียว
ผู้หญิงคนนั้นคือคู่หมั้นของเฉิงเทียนกัง เล่ากันว่าเฉิงเทียนกังชอบผู้หญิงคนนั้นมาก ครอบครัวของอีกฝ่ายก็มีอำนาจในทางหนานเจียงมาก ถึงแม้จะเทียบเฉิงเทียนกังไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้อ่อน
เฉิงเทียนกังชอบเธอคนนั้น จึงไปสู่ขอเธอ ทางครอบครัวของเธอก็ตกลงแล้ว แต่เธอเหมือนจะไม่ยินยอม หรือพูดว่าตอนแรกก็ยังพอได้ อย่างไรท้ายที่สุดก็ไม่พอใจ
ส่วนสาเหตุที่ไม่ยินยอม ก็เป็เพราะจ้าวอู๋จี๋ดันไปหนานเจียงในเวลานั้น
คิดไม่ถึงว่าจะไปรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นเข้าพอดี
หากใช้คำพูดของเมิงหวงเฉามาพูด ก็คือคู่หมั้นของเฉิงเทียนกังก็ไม่รู้ว่ากินยาอะไรผิด ดันมาชอบผู้ชายแก่ๆ อย่างจ้าวอู๋จี๋เข้า และจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเฉิงเทียนกังอย่างจะเป็จะตาย ถึงจ้าวอู๋จี๋จะไม่ยอมรับเธอ แต่เธอก็ยังคงชอบอย่างสุดจิตสุดใจ ตอนนี้ก็หนีไปช่วยจ้าวอู๋จี๋ดูแลคนคนหนึ่งที่ต่างประเทศแล้ว และก็ทิ้งเฉิงเทียนกังไว้ในประเทศ
ครั้งนี้ก็ทิ่มแทงจนเป็รูพรุนเหมือนรังผึ้งแล้ว
ความแค้นที่ฆ่าพ่อ และความแค้นที่แย่งภรรยา นี่ก็เป็ปมที่แก้ไม่ได้ เพราะเหตุนี้เฉิงเทียนกังกับจ้าวอู๋จี๋จึงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
หลายปีมานี้ถึงแม้จะไม่ได้สู้กันอีก แต่หากเป็คนก็รู้ว่านั่นเป็เพราะเฉิงเทียนกังอดกลั้นไว้ เพื่อรอให้จ้าวอู๋จี๋ตาย
พอจ้าวอู๋จี๋ตายแล้ว เ้านี่ก็จะต้องลงมือกลืนเอากิจการที่จ้าวอู๋จี๋สร้างมาอย่างยากลำบาก และยังมีทุกอย่างอีกเขาจะเอาไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก
ก็เป็เพราะอย่างนี้ เฉิงเทียนกังจึงมีปฏิกิริยาต่อเื่นี้มาก และลั่นวาจาไว้ว่า หากใครกล้าพูดถึง ก็จะให้คนคนนั้นได้เห็นดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้