“ใช่! ให้ผมพบอู่เทียนซี ผมจะคุยกับเขาเอง!” เจียงไป๋ขมวดคิ้วแล้วพูดอีก
สำหรับซุนกุ้ยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขาไม่พอใจอยู่บ้าง บางทีอีกฝ่ายอาจจะจงรักภักดีต่อหวางเป้าและจ้าวอู๋จี๋ แต่คนคนนี้จัดการเื่ได้อย่างขี้ขลาดและระมัดระวังอย่างรอบคอบเกินไป ไม่ใช่คนที่จะทำการใหญ่ได้ เื่นี้ไม่ควรร่วมมือกับเขา
ให้เขาเป็สะพานเชื่อมให้ตนเองได้พบปะกับอู่เทียนซีสักหน่อยก็พอแล้ว สำหรับเื่อื่นๆ ไม่ต้องให้เขามาจัดการ คนแบบนี้ตั้งความหวังด้วยไม่ได้
ในขณะเดียวกันเจียงไป๋ก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไมซุนกุ้ยถึงเป็คนของจ้าวอู๋จี๋ แต่กลับถูกส่งมาที่นี่ คนอย่างนี้ทำได้แค่งานสายสืบ งานอย่างอื่นเขาก็ทำไม่ไหว
แต่ก็เป็ความจริงที่สะท้อนออกมาจากอีกด้านหนึ่ง ในส่วนของอู่เทียนซีทางนี้พวกหวางเป้ามีใจแต่ไร้เรี่ยวแรง คนที่จะใช้การได้ก็มีไม่มากจริงๆ
“ผมอยู่กับอู่เทียนซีที่นั่นก็ไม่ถือว่าเป็คนใหญ่คนโตอะไร ก็เป็แค่คนติดตามตำแหน่งเล็กๆ คนหนึ่ง และช่วยเขาจัดการเื่การเงินบางอย่าง ถูกเขาจัดให้อยู่ฝ่ายการเงินของกลุ่มบริษัทเทียนซี เป็ผู้จัดการของแผนกหนึ่ง ปกติแล้วก็ได้พบปะกันไม่มาก แต่จะดีหรือร้ายก็อยู่มานานแล้ว ถือว่าพอคุยกันได้ ผมจะติดต่อเขาเดี๋ยวนี้ แล้วบอกว่าคุณคือคนที่เพื่อนให้มาหา ้าจะพบเขา แต่อู่เทียนซีก็เป็คนใหญ่คนโต จะให้พบหรือไม่นั้น ผมก็รับประกันไม่ได้”
ซุนกุ้ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด
เมื่อเทียบกับการช่วยเจียงไป๋เสี่ยงอันตราย นี่ก็เป็ทางที่ปลอดภัยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเขาก็แค่คิดอยู่สักพัก แล้วก็ตกลง
เมื่อพูดจบ ก็โทรศัพท์ไปหาเลขาฯของอู่เทียนซี สักพักเลขาฯของอู่เทียนซีก็รับสาย “ซุนกุ้ย มีธุระอะไร?”
เขาฟังออกว่าอีกฝ่ายก็คุ้นเคยกับซุนกุ้ย การพูดจายังถือว่าเกรงใจ
“เลขาฯจาง อย่างนี้ครับ มีคนมาจากทางใต้ เขามาเพื่อเื่ของลอตนั้นของหวงชานคนกูซู เขามาหาผมโดยผ่านเพื่อนเก่าผมคนหนึ่ง และ้าพบคุณอู่!”
ซุนกุ้ยลังเลสักครู่แล้วพูดอย่างนี้
“คุณอู่เป็คนที่หมูหมากาไก่ที่ไหนอยากจะพบก็พบได้หรือ? ซุนกุ้ย นายเสียสติแล้วหรือ? คนอย่างนี้นายก็ยังกล้าแนะนำให้มาพบคุณอู่? เื่นี้ฉันจะไม่พูดแล้ว นายก็อย่าได้พูดอีก ไม่อย่างนั้นนายก็จะเดือดร้อน … ”
เมื่อได้ยินคำนี้แล้วเขาก็พูดอย่างโมโหทันที และก็กลับมาตอบอย่างระมัดระวัง
สำหรับการกระทำที่ไม่คิดของซุนกุ้ย ดูแล้วเขาจะไม่พอใจอย่างมาก เมื่อพูดจบก็วางสายไปทันที
“ดูแล้ว คุณอยู่ที่นี่ตำแหน่งก็ไม่สูงจริงๆ!” เจียงไป๋พูดอย่างยิ้มแย้ม
ข้อมูลที่หวางเป้าให้มามีครบครันมาก สถานการณ์ของอู่เทียนซีก็รู้อย่างละเอียด เดิมทีคิดว่าเป็ซุนกุ้ยหาให้ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ผลงานของซุนกุ้ยเพียงคนเดียว เกรงว่ายังมีสายลับคนอื่นอีก ก็แค่สายลับคนนั้นค่อนข้างสำคัญ หรือว่าไม่สะดวกจะใช้ ดังนั้นหวางเป้าจึงไม่ได้บอกเท่านั้น
แค่การโทรศัพท์สั้นๆ เจียงไป๋ก็เข้าใจถึงตำแหน่งของซุนกุ้ยอย่างชัดเจนแล้ว ถึงกับทำให้ซุนกุ้ยหน้าแดง แต่กลับเลี่ยงไม่ได้
“ผมจะโทรศัพท์ไปหาเขาเอง!”
เจียงไป๋แย่งโทรศัพท์มือถือของซุนกุ้ยมา ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจ และกดโทรออกทันที
“ซุนกุ้ยนายจะทำอะไร! ยังจะโทรศัพท์มาอีก?”
“ผมชื่อเจียงไป๋ เพื่อนของจ้าวอู๋จี๋! หวงเทียนฉวนเชิญผมมา ผม้าพบอู่เทียนซี คุณบอกเขาว่าจะมาพบผม หรือจะให้ผมไปหาเขาเอง!”
พอพูดจบเจียงไป๋ก็วางสายทันที หลังจากนั้นก็หันหลังเดินกลับโรงแรมไป
เขาเชื่อว่าอู่เทียนซีจะต้องมาพบเขาแน่นอน
เื่จริงก็เป็อย่างที่เจียงไป๋คิด จางหยางที่เดิมทีโมโหเพราะซุนกุ้ยโทรศัพท์มาหาอย่างไม่รู้อะไร แต่หลังจากที่รับสายเจียงไป๋แล้วสีหน้าก็แปรเปลี่ยนทันที เขารีบพุ่งไปที่ห้องทำงานของอู่เทียนซี
หวงเทียนฉวนก็เป็ผู้มีอำนาจในสถานที่เท่านั้น ในกูซูยังถือว่าเป็คนใหญ่คนโต แต่ในสายตาของอู่เทียนซีจะนับค่าอะไรได้?
คนในระดับนี้ อย่าพูดถึงอู่เทียนซีเลย เขาจะเห็นอยู่ในสายตาได้อย่างไร แม่น้ำฮวงโหทางเหนือ ตี้ตูทางใต้นี้มีคนใหญ่คนโตเท่าไร เขาล้วนไม่เคยสนใจ แต่พออีกฝ่ายมาแนะนำตัว ทำให้เขาต้องปฏิบัติใส่อย่างระมัดระวัง
จะไม่พูดว่าเจียงไป๋เป็คนแกร่งที่เล่าลือกันว่าปรากฏขึ้นมาใหม่ก็ได้ แต่คำว่า “เพื่อนของจ้าวอู๋จี๋” ก็ไม่ใช่ว่าเลขาฯเล็กๆ อย่างเขาจะรับผิดชอบไหว
ชื่อเสียงของเ้าพ่อจ้าวแห่งเทียนตูก็ไม่ใช่ของปลอม แม้แต่คุณอู่ก็ล้วนยอมจำนนต่อเ้าพ่อจ้าว
เมื่อก่อนก็สู้กับคุณอู่อย่างพอฟัดพอเหวี่ยง และสามารถจัดการหลี่ชิงตี้ได้ ทั้งเรียกลมเรียกฝนในเทียนตู แต่นั่นจะทำไม?
เมื่อสามปีก่อนก็ไม่ใช่ว่าใช้ชีวิตอยู่ในเทียนตูอย่างหน้าม่อยคอตกหรือ?
ถึงตอนนี้เขาจะรู้ดีว่าร่างกายของจ้าวอู๋จี๋ไม่แข็งแรง อาจจะเสียชีวิตได้ทุกเวลา พละกำลังก็ไม่เหมือนแต่ก่อน เื่มากมายล้วนมีใจแต่ไร้เรี่ยวแรง แต่แค่เ้าพ่อจ้าวยังมีชีวิตอยู่หนึ่งวัน นั่นก็คือูเาหนึ่งลูก เพื่อนของเขาไปที่ไหนก็ไม่มีใครกล้าเมินเฉยใส่
สิ่งที่สำคัญคือ ประโยคสุดท้ายของเจียงไป๋ก็แอบข่มขู่ ทำให้จางหยางรู้สึกว่าหากไม่รีบไปบอกอู่เทียนซีก็ไม่ได้แล้ว
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”
บนชั้นสูงสุดของอาคารสำนักงานที่หรูหราที่สุดในปินไห่ ประตูใหญ่ห้องทำงานซีอีโอของกลุ่มบริษัทเทียนซีถูกเคาะ จากนั้นหนึ่งนาทีต่อมา จางหยางก็ก้าวเข้าไป
“มีอะไร? มีเื่อะไร? ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะบอกนายไปหรือว่าฉันจะพักผ่อน?”
จางหยางเพิ่งจะเข้ามา เสียงที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทันที ด้านหลังของเก้าอี้ซีอีโอขนาดใหญ่สีดำตัวนั้น หันหลังใส่จางหยาง และมองกราดลงไปทั้งปินไห่ มองไปยังมหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“อย่างนี้ครับท่าน เมื่อครู่ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง คือคนที่มาจากทางเหนือ ้าพบท่าน เรียกตนเองว่าเป็เพื่อนของจ้าวอู๋จี๋ชื่อเจียงไป๋ ยังพูดว่า … ยังพูดว่า … ”
“ยังพูดอะไรอีก!”
“ยังพูดว่าเขามาเพื่อเื่ของหวงเทียนฉวนคนกูซู หากท่านไม่ไปพบเขา เขาก็จะมาหาท่านเอง!”
จางหยางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดคำพูดเดิมของเจียงไป๋ออกไป
“เฮ้อ ช่างกล้าพูดจริงๆ ดูแล้วเจียงไป๋คนนี้มีความมั่นใจมาก พบ ทำไมจะไม่พบล่ะ นายไปบอกเขา ตอนเย็นฉันเชิญเขามาทานข้าวที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสูงสุดของภัตตาคารอาหารปินไห่! ฉันก็อยากจะรอดูว่า ยอดฝีมือที่เล่าลือกันว่าถูกจ้าวอู๋จี๋ยกให้เป็แขกผู้มีเกียรติคนนี้จะร้ายกาจแค่ไหน! กล้าดั้นด้นมาที่ปินไห่เพียงลำพัง คิดไม่ถึงว่าจะกล้าท้าทายกับฉันอู่เทียนซีในถิ่นนี้เพียงคนเดียว หลายปีแล้วที่ไม่เคยเห็นคนกำเริบอย่างนี้!”
เสียงที่หยอกล้อของอู่เทียนซีดังขึ้น ั้แ่ต้นจนจบก็ล้วนไม่หันหน้ามา ทางด้านเลขาฯจางหยางพยักหน้าอย่างรีบร้อน และถอยกลับไปทันที
สองสามนาทีต่อมา จางหยางก็ติดต่อเจียงไป๋โดยผ่านทางซุนกุ้ย และถามถึงที่พักของเจียงไป๋ เขาส่งต่อคำพูดของอู่เทียนซี เพื่อแสดงออกว่าตอนเย็นจะส่งคนไปรับเจียงไป๋
และก็ไม่ถามว่าเจียงไป๋จะตกลงหรือไม่ บางทีเขาอาจจะดูว่า ในเมื่อมาปินไห่แล้ว เจียงไป๋จะตกลงหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว
่ใกล้พลบค่ำ โทรศัพท์ของเจียงไป๋ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และเป็คนขับรถที่จางหยางส่งมา
เจียงไป๋ลงจากอาคารไปอย่างไม่รอช้า และนั่งรถไปยังภัตตาคารอาหารปินไห่
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจียงไป๋ก็มาถึงจุดหมาย และขึ้นไปยังชั้นสูงสุดโดยการนำทางของคนขับรถ
“สวัสดี คุณเจียง คุณอู่รออยู่ด้านในแล้วครับ เชิญตามผมมา”
พอขึ้นมาบนอาคาร ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งก็เข้ามาหา และยื่นมือออกมาจับทักทายกับเจียงไป๋ จากนั้นก็ไม่สนใจเจียงไป๋อีก เขาตรงไปเปิดประตูของห้องส่วนตัวออกทันที
สำหรับเื่นี้เจียงไป๋ก็ยักไหล่อย่างไม่สนใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้