หลินฟู่อินมิได้ตอบอะไร แต่อาเฝิงรีบวิ่งไปหยิบไม้กวาดเข้ามือ ก่อนจะง้างแล้ววิ่งไปเพื่อคิดจะฟาดจ้าวซื่อให้ตายในทันที
สายตาของจ้าวซื่อเบิกกว้าง นางถูกทุบไปหลายครั้งในตอนที่นางเผลอ แต่เมื่อนางได้สติ นางก็ทึ้งผมอาเฝิงแล้วตบนางอย่างรุนแรงทันที
นางตะคอกดุด่า “แม้แต่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเ้าก็กล้าต่อต้านข้างั้นรึ ไม่รู้จักที่ต่ำสูงเสียจริง!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว หลินฟู่อินก็รีบไปบิดข้อมือของจ้าวซื่อทันทีเพื่อช่วยอาเฝิง ก่อนจะกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ถ้าอยากสร้างเื่ก็กลับไปทำที่บ้านของท่านเองเถิด ที่นี่มันบ้านข้า!”
อาเฝิงที่เพิ่งได้รับความช่วยเหลือจ้องมองนางอย่างเดือดดาล และอาฝางที่ตามมาเพื่อช่วยก็จ้องมองนางด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยโทษะเช่นกัน พี่น้องทั้งสองต่างก็อยากะโเข้าไปขยี้นางเสียให้ตายเสีย
จ้าวซื่อมาหาเื่หลินฟู่อินถึงที่ แต่นางกลับกลัวหลินฟู่อินเสียเอง นางถอยหลัง ทว่าก็ยังบิดคอกลับมาด่านาง “นังดาวหายนะ หากมิใช่เพราะเ้า นังป้าสองมันจะกล้าพูดเื่แบ่งบ้านรึ? หากไม่มีการทะเลาะกันเพื่อแบ่งบ้านบ้าๆ นี่ ข้าก็คงไม่ต้องเผลอตีนางไปหรอก!”
คำกล่าวนี้โยนความผิดทุกอย่างให้หลินฟู่อิน จนอาเฝิงและคนรอบๆ ต่างก็จ้องเพราะตะลึงในความไร้ยางอายของนาง
หลินฟู่อินมิได้กล่าวอะไร เพียงแค่นจมูกแล้วมองนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปหาอาเฝิงและอาฝาง แล้วกล่าว “ป้าสะใภ้ใหญ่ทุบตีแม่ของพวกเ้าจนสลบด้วยจอบ นี่ถือเป็เื่ใหญ่มาก ข้าว่าพวกเ้าน่าจะไปเรียกหลี่เจิ้งมาจัดการเื่นี้เสียน่าจะดีกว่า!”
อาเฝิงและอาฝางได้ยินเช่นนั้นแล้ว สายตาจึงทอประกายแล้วรีบวิ่งออกไปทันที
“หยุดนะ! เ้าพวกปรสิตดูดเงิน!” จ้าวซื่อพยายามหยุดอาเฝิงและอาฝาง แต่หลินฟู่อินยืดขาออกไปขัดขานางจนล้มหน้าฟาดพื้น เมื่อนางลุกขึ้นมา พี่น้องทั้งสองก็ได้วิ่งไปไกลแล้ว
จ้าวซื่อกลัวที่จะเจอปัญหาจึงหันมาสาปส่งหลินฟู่อินก่อนรีบเดินหนีไปทางบ้านใหญ่
ในเดือนมิถุนายนเช่นนี้ฟ้าจะมืดช้า แม้จะเป็เวลามื้อเย็นแล้ว แต่ท้องฟ้าก็ยังสว่างอยู่ แสงสว่างสะท้อนกับหมู่เมฆมองดูช่างงดงามยิ่งนัก
หลินฟู่อินมองภาพอันสวยงามนี้ แล้วยึงมองแผ่นหลังของจ้าวซื่อที่กำลังหนีไป รอยยิ้มเยาะเย้ยเผยขึ้นบนใบหน้าของนาง
ยายหลี่เดินมาหานางแล้วถาม “หนูฟู่อิน เ้าจะเข้าไปยุ่งกับเื่การแบ่งบ้านของบ้านสองหรือ?”
หลินฟู่อินพยักหน้า
จ้าวซื่อยังคงแข็งแรงแต่กลับไม่ยอมทำงาน หากบ้านสองยังต้องทานข้าวหม้อเดียวกับนางต่อไปเช่นนี้ ไม่นานพวกเขาคงต้องถูกรีดเืจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกเป็แน่
“ใช่” เมื่อเห็นนางพยักหน้า หลี่ฉูหยินจึงก้มศีรษะลงแล้วครุ่นคิด ก่อนจะมองนางอีกครั้ง “เ้าทำเื่ที่ดีแล้ว อย่างน้อยๆอาฝางและอาเฝิงก็จะได้ประโยชณ์จากเื่นี้”
หลินฟู่อินอึ้งไป ยายหลี่ตั้งใจจะสื่อบางสิ่งถึงนางอยู่
เมื่อเห็นว่านางไม่เข้าใจ ยายหลี่จึงถอนหายใจแล้วกล่าว “เ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเหตุใดป้าสะใภ้ใหญ่ของเ้าจึงจองหองและบ้าอำนาจขนาดนั้น แล้วปู่แลเหตุใดท่านปู่และท่านย่าของเ้าถึงไม่เคยห้ามนาง?”
หลินฟู่อินไม่รู้จริงๆ นางจึงเพียงส่ายหน้า
ยายหลี่กล่าวด้วยเสียงต่ำ “แม่ของเ้าคงไม่เคยบอกเื่นี้ แต่บุตรคนโตของป้าสะใภ้ใหญ่ของเ้า นามว่าหลินโฉ่วเย่อนั้นถูกรับไปเป็บุตรบุญธรรมที่ตระกูลหลินอีกตระกูลหนึ่งเพื่อให้ไปเป็ผู้สืบทอดตระกูล โดยหลินอีกตระกูลนั่นเป็ตระกูลบัณฑิตเก่าแก่ และเป็ตระกูลที่พี่ใหญ่ของบ้านเ้าไปร่ำเรียนมาด้วย”
หลินฟู่อินฟังแล้วก็เข้าใจได้ในทันที ครอบครัวชาวนาในยุคโบราณที่มีคนในตระกูลกลายเป็บัณฑิต เช่นนั้นแล้วก็นับได้ว่าเป็ตระกูลระดับแนวหน้า ไม่แปลกใจเลยที่จ้าวซื่อจะถือดีถึงเพียงนั้น
การที่ให้กำเนิดบุตรที่สามารถอ่านออกเขียนได้ แม้จะมอบไปให้คนอื่นแล้วก็ยังนับได้ว่าเป็ผลงานดีเด่น…
แต่ฉู่ซื่อไม่เคยบอกเื่นี้กับนาง
แล้วจ้าวซื่อกับท่านลุงใหญ่ก็ทำตัวบ้าบอนัก เอาบุตรคนโตไปสืบทอดบ้านอื่น แล้วยังคิดจะโยนบุตรคนที่สามมาสูบเืบ้านสามของนาง การเอาลูกตัวเองไปให้คนอื่นเลี้ยงแทนนี่มันดีเสียจริง
พวกคนที่ได้บางสิ่งมาโดยไม่ทำอะไรเลยเช่นนี้แหละที่หลินฟู่อินเกลียดที่สุด
“แล้วอย่างไรรึ? อย่างไรบุตรคนโตของพวกนางก็ไปสืบทอดบ้านอื่นแล้ว นางยังคิดจะหาประโยชณ์จากบุตรคนนั้นอยู่อีกหรือ?” ถามจบหลินฟู่อินจึงนึกบางสิ่งออก ก่อนเลิกคิ้ว และแสยะยิ้มดูแคลน
“ถ้าว่ากันตามปกติแล้ว บุตรชายคนนั้นก็ย่อมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางแล้ว แต่นังนั่น ป้าสะใภ้ใหญ่ของเ้ากลับยังอยากพึ่งบุตรชายคนนั้นอยู่” ยายหลี่เองก็แค่นจมูก “ทั้งยังมีข่าวลือลอยมาเข้าหูข้าด้วยว่าป้าสะใภ้ใหญ่นั่นเคยไปขอติดต่อพวกตระกูลคนมีเงินที่กำลังมองหาภรรยาด้วยว่านางมีหลานสาวงามอยู่อีกสองคน”
หลานสาวรูปงามสองคน? หมายถึงอาเฝิงและอาฝางหรือ? หลินฟู่อินถึงกับเงียบไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะสบถ “ข้าเห็นคนไร้ยางอายมาก็มาก แต่มิเคยเห็นใครไร้ยางอายได้มากถึงเพียงนี้เลย!”
ตอนนี้นางรู้แล้วว่าจ้าวซื่ออยากขายอาฝางและอาเฝิงเพื่อเอาเงินนั่นไปให้บุตรคนโตของตนเอง!
อาฝางและอาเฝิงกลับมาพร้อมใบหน้านองน้ำตา
เมื่อฟู่อินเห็นว่าพวกนางกลับมาเพียงนางสองคน นางจึงเข้าใจว่าหลี่เจิ้งไม่ยอมมา
แต่นางก็มิได้ผิดหวังอะไร ทำเพียงต้อนรับเด็กทั้งสองเข้าบ้าน
เป็ตอนนี้เองที่เฝิงซื่อตื่นขึ้นมา
หลินฟู่อินจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เฝิงซื่อเองก็เห็นนางทันทีที่ตื่นขึ้นมาเช่นกัน
หลินฟู่อินเดินเข้าไปหานาง เฝิงซื่อจึงร่ำไห้พลางกุมมือของนางไว้
หลินต้าเหอบอกนางแล้วว่าหลินฟู่อินช่วยนางเอาไว้
“ฟู่อิน ป้าสะใภ้สองผู้นี้รู้แล้วว่าเ้าช่วยข้าเอาไว้ แต่ข้าอยากขอให้เ้าช่วยจนถึงที่สุด ช่วยบ้านของพวกข้าด้วยเถิด! แล้วป้าสองผู้นี้จักยอมทำงานต่างวัวต่างควายเพื่อชดใช้ให้เ้า!” เฝิงซื่อตั้งท่าจะลุกออกจากเตียงเพื่อคุกเข่าขอร้องหลินฟู่อิน
แต่หลินฟู่อินกลับขมวดคิ้วแล้วจึงมองเฝิงซื่อด้วยสายตามุ่งมั่น “ท่านป้าสอง ท่านเป็ผู้าุโ คงเป็เื่ไม่ดีแน่หากเื่นี้แพร่งพรายออกไป”
เฝิงซื่อนิ่งไป
เมื่อได้เห็นแล้วว่าบุตรีทั้งสองของนางมิอาจขอความช่วยเหลือจากหลี่เจิ้งได้ นางจึงคิดจะบังคับให้หลินฟู่อินมาช่วยนางอีกครา แต่เมื่อได้เห็นสายตาอันลึกล้ำคู่นั้นแล้ว นางก็ทำได้เพียงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
นางเกือบจะบังคับให้เด็กสาวในวัยสิบต้นๆ มาช่วยสู้แทนบ้านสองของพวกนางแล้ว
อาฝางเห็นเช่นนี้แล้วจึงคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ นางรีบขอขมาหลินฟู่อินทันที “ข้าต้องขอโทษในความสับสนของแม่ข้าด้วย โปรดอย่าได้โกรธท่านแม่เลยเ้าค่ะ ขอให้พวกข้าพี่น้องได้ขอโทษท่านแทนท่านแม่ด้วยเถอะ!”
สีหน้าของหลินฟู่อินจึงดีขึ้นมา
หลินต้าเหอเองก็รีบกล่าวตาม “ฟู่อิน เ้ามิต้องอาย ลุงสองผู้นี้ทราบซึ้งในบุญคุณของเ้าเป็อย่างมากแล้ว ที่เหลือเป็ปัญหาของพวกข้าบ้านสองเอง ข้าจะให้เด็กในวัยสิบเศษมาลำบากได้อย่างไร!”
เฝิงซื่อถึงกับไอโขลกแล้วรีบลุกขึ้นจ้องหลินต้าเหออย่างเคียดแค้นทันที “ทั้งหมดนี่มันก็เพราะเ้า! ทำไมชีวิตข้ามันต้องลำบากขนาดนี้ด้วย!”
หลินฟู่อินปวดหัวขึ้นมาทันที
นางโบกมือให้อาเฝิงและอาฝาง ทั้งสองจึงรีบลุกขึ้นทันที
“พวกท่านต่างก็ไปคุยกับพวกท่านปู่ท่านย่าเื่การแบ่งบ้านมาแล้ว สรุปสุดท้ายแล้วได้ความว่าอย่างไรบ้าง?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้