เหล่าลิ่วตกตะลึงมองผู้เป็นาย
เรียวคิ้วเข้มของหวงฝู่จินมุ่นลงเล็กน้อย ก่อนกล่าวเสียงเข้ม “รีบไปได้แล้ว!”
“ขอรับ!” เหล่าลิ่วลูบหลังศีรษะ แล้วคิดกับตัวเองว่า นายท่านไม่เคยใส่ใจเื่ผู้อื่นเช่นนี้มาก่อนเลยไม่ใช่หรือ?
เมื่อหลินฟู่อินตื่นขึ้นมาฟ้าก็สว่างแล้ว นกหลายชนิดต่างก็โบยบินส่งเสียงจิ๊บจิ๊บดังมาจากกิ่งก้านของต้นไม้ หยาดน้ำค้างร่วงลงสู่เบื้องล่างกระทบหลังคาของบ้านไม้
หลินฟู่อินยกหัวขึ้นมองออกไปด้านนอก แต่เนื่องจากป่าแห่งนี้มีต้นไม้เขียวชะอุ่ม จึงได้ดูหม่นหมองนัก
เมื่อลุกขึ้น เสื้อที่ทำจากผ้าไหมสีเข้มก็ร่วงลงจากหัวไหล่ นางเหม่อมองเสื้อตัวนั้นจนลืมไปว่าควรมีท่าทีอย่างไร จนมันร่วงสู่พื้น
เมื่อได้ยินเสียงคนตื่นแล้ว ตวนมู่เฉิงที่กลับมาเมื่อคืนก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “แม่นางหลินหลับสบายดีหรือไม่?”
หลินฟู่อินนอนหลับทับแขนตัวเองอยู่บนโต๊ะ ดูอย่างไรก็ไม่สบายตัวเอาเสียเลย พอถูกถามเช่นนี้นางยิ่งรู้สึกไม่สบายกว่าเดิม
คนผู้นี้ก็เหลือเกิน รู้อยู่ว่านางนอนผิดท่า ก็ยังจะถามว่าหลับสบายดีหรือไม่ ช่างร้ายกาจนัก
ริมฝีปากของนางกระตุกน้อยๆ เป็รอยยิ้มก่อนจะตอบ “หลับไม่ดีเท่าไร ท่านตวนมู่กลับมาถึงเร็วหรือไม่? ได้พักบ้างหรือไม่?”
นี่คือการเอาคืน ด้วยรู้ว่าตวนมู่เฉิงกลับมาเพราะกลัวผู้เป็นายจะไม่ยอมพักผ่อน
ตวนมู่เฉิงจ้องกลับ ก่อนจะหัวเราะออกมา “ก็ได้ ก็ได้!”
พลางคิดในใจ ‘ดูแม่นางน้อยคนนี้เถอะ สุภาพงดงามและเงียบขรึม แต่หาใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยได้’
“หากนายของท่านตื่นแล้วก็ให้ทานยาได้” หลินฟู่อินสั่ง นางคิดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว “ซื้อยามาตามที่ข้าเขียนหรือไม่?”
นางตั้งใจเขียนสมุนไพรที่ไม่จำเป็ลงไปหลายอย่างในใบสั่งยา ส่วนมากก็เพื่อตบตา และปิดบังตำรับยาของตัวเอง
เมื่อตวนมู่เฉิงเห็นคนตื่นมาก็ถามหาสมุนไพรทันที ใบหน้าเขาก็จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าซื้อมาตามที่แม่นางเขียน”
หลินฟู่อินก้มหน้าปิดบังแววตาสดใสของตน
นางยังเกรงว่าจะได้สมุนไพรมาไม่ครบ จึงได้เขียนของทดแทนอย่างอื่นลงไปเผื่อ ไม่คาดในยุคโบราณอย่างต้าเว่ยนี้ จะมีสมุนไพรหลายอย่างที่ยุคปัจจุบันไม่สามารถหาได้ง่ายๆ อยู่ด้วย
เช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน ช่วยประหยัดแรงไปได้มากทีเดียว
“ข้าอยากตรวจสอบสมุนไพรที่ว่า” หลินฟู่อินพูดเพียงเท่านี้ ตวนมู่เฉิงก็หมุนกายออกไปยกเอาสมุนไพรเข้ามาให้
สมุนไพรอยู่ในถุงใบใหญ่สองใบ
ถุงของต้าเว่ยนี้ใหญ่มาก เปิดปากถุงมองลงไปจะเห็นว่าภายในถูกเย็บแยกออกเป็สองช่อง ถุงใบใหญ่เช่นนี้สามารถยกพาดบ่าได้ ทั้งประหยัดแรงและสะดวกสบาย ชาวบ้านส่วนใหญ่จะใช้ถุงที่เย็บด้วยผ้ากระสอบ ส่วนคนที่มีเงินจะใช้ถุงผ้าฝ้าย
สมุนไพรจากถุงใบใหญ่ทั้งสองถูกนำออกมาวางเรียงกันบนโต๊ะ
กองแรกมีกระดาษน้ำมันที่ห่อหรู่เซียง [1] อยู่ข้างใน ตามด้วยโม่เย่า [2] กำใหญ่ เซวี่ยเจวี๋ย[3] เอ้อร์ฉา [4] และหลงกู่ [5] ที่ผ่านการเผาแล้ว
และก็เป็ตังกุย [6] กับตั่งเซิน [7] สองอย่างนี้ตอนนี้ยังไม่ได้ใช้
สองถุงเล็กถัดมาเป็ของที่นางยังกังวลกลัวว่าจะหาซื้อไม่ได้ นั่นคือหงเซิงตัน [8] กับชิงเฝิ่น [9]
เมื่อดูแล้วก็ยังมีหอยมุกและผงปูนขาวอีกด้วย
ที่นี่ไม่มีตาชั่ง หลินฟู่อินจึงใช้วิธีชั่งตวงปริมาณด้วยมือ ดังที่เคยฝึกในชาติก่อน
ถึงตวนมู่เฉิงผู้มีสายตาเฉียบคมดุจเหยี่ยว จะเบิกตากว้างมองตามการเคลื่อนไหวของมือเด็กสาวแล้ว แต่สุดท้ายหลินฟู่อินก็ยังใช้สองมือหยิบจับสมุนไพร ทั้งยังเคลื่อนไหวหลอกๆ อยู่หลายครั้งจนเขาสับสน สุดท้ายก็จำสมุนไพรได้ไม่กี่อย่างเท่านั้น
“แม่นางหลิน ข้าไม่รู้เื่หยูกยาพวกนี้ ท่านยังกลัวข้าจะดูท่านปรุงยาอยู่อีกหรือ?” ดวงตาของตวนมู่เฉิงทอระยับพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะ
หลินฟู่อินมองเขา ก่อนจะพูดช้าๆ “ข้าไม่ได้กลัวท่านเห็น ที่นี่ไม่มีตาชั่ง ข้าจึงต้องใช้ความทรงจำกับการััเท่านั้น ดังนั้นยิ่งไวยิ่งดี หากชักช้าจะลืมน้ำหนัก แล้วยาจะเสื่อมสภาพเอาได้”
“โอ เป็ข้าใจแคบเอง” เมื่อได้ยินนางอธิบาย ตวนมู่เฉิงก็เกาจมูก
หลินฟู่อินเห็นคำพูดเขาไม่จริงใจสักนิด ทั้งมุมปากยังปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ
ฟังทั้งสองคนคุยกันมาครึ่งค่อนวัน ในที่สุดดวงตาของหวงฝู่จินก็ค่อยๆ ปรือขึ้น
นางหลอกตวนมู่เฉิงได้ แต่หลอกเขาไม่ได้
เห็นได้ชัดว่านางไม่้าให้ตำรับยาของตนถูกคนอื่นสอดส่อง
เพียงเท่านี้ก็สามารถจินตนาการถึงความล้ำค่าของใบสั่งยา ที่ทั้งแก้พิษและรักษาแผลได้แล้ว
ไม่ว่าอย่างไร ตวนมู่เฉิงก็ควรจับตามองให้ดี และหาทางขโมยความรู้มาให้ได้
แต่ตวนมู่เฉิงผู้นี้ระมัดระวังยิ่งนัก หลอกไม่ง่ายเลย!
หวงฝู่จินนึกก่นด่าตวนมู่เฉิงอยู่ในใจว่าน่าตายโดยแท้
ขณะเดียวกัน เขาก็นึกอยากลองขึ้นมา หากยาที่หลินฟู่อินจัดเตรียมได้ผลจริง เขาจะต้องจ่ายเงินซื้อยาหรือไม่?
ศาสตร์ด้านการหลอมยาหรือปรุงยาของทางเป่ยหรงยังล้าหลังกว่าต้าเว่ยอยู่มาก ผู้คนทางนั้นหุนหันพลันแล่นเกินไป ทุกคนล้วนอยู่กับการต่อสู้ โอกาสาเ็จึงมีค่อนข้างมาก ไม่ว่าอย่างไรก็้ายาดีๆ เพื่อใช้รักษาาแ
“คือยาอะไร?” ทันทีที่หลินฟู่อินจัดเก็บตัวยาลงถุงกระดาษน้ำมัน นางก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของหวงฝู่จินดังลอยมา
น้ำเสียงดุดันเช่นนี้ คงจะพักผ่อนมาเต็มที่แล้วกระมัง
ตวนมู่เฉิงหมุนกายออกไปเอาสมุนไพรทันที หลินฟู่อินลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ข้างกายชายหนุ่ม คว้ามือซ้ายของเขามาตรวจชีพจร
จากนั้นจึงเอื้อมมือไปยังดวงตาของเขา ทว่าทันทีที่มือของนางเข้าใกล้ใบหน้า ชายหนุ่มก็ผงะถอยโดยไม่รู้ตัว สายตาที่จ้องมองหลินฟู่อินเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
หลินฟู่อินชะงัก มือนิ่งค้างกลางอากาศ
ทันใดนั้นบรรยากาศก็กระอักกระอ่วนขึ้นมา
บรรยากาศรอบตัวหวงฝู่จินนั้นดุดันเป็พิเศษ หลินฟู่อินรู้สึกราวกับว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องเดียวกับเสือตัวใหญ่ที่กำลังาเ็อย่างไรอย่างนั้น
หวงฝู่จินมองนางไม่ลดละ ริมฝีปากบางเม้มเน้น
เด็กสาวสูดลมหายใจ แล้วกล่าวเสียงเบา “วางใจเถอะ ข้าแค่จะตรวจดูเท่านั้น”
อาจเป็เพราะน้ำเสียงของหลินฟู่อิน ช่วยคลายความวิตกหรือไม่ก็ความอับอายของเขาลงได้ ในที่สุดหวงฝู่จินจึงได้พยักหน้ารับ
นางถอนหายใจโล่งอก ขยับมืออย่างนุ่มนวลกว่าเดิม ค่อยๆ เปิดเปลือกตาของเขาขึ้นตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ก่อนจะปล่อยมือ
“ท่านเสียเืมากเกินไป รอจนล้างพิษหมดแล้วข้าจะปรุงอาหารยา [10] มาเสริมให้ท่าน” นางกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย
เปลือกตาซีดเซียว ดูเหมือนเขาจะมีภาวะโลหิตจาง ดังนั้นต้องบำรุงเืเสียหน่อย
แม้จะ้าหลบเลี่ยงอีกฝ่าย ทว่าในฐานะคนรักษา นางย่อมต้องนึกถึงคนไข้ หลินฟู่อินได้แต่บอกตัวเองเช่นนี้
“ดี” เมื่อััถึงความอ่อนโยนของนาง หวงฝู่จินก็พยักหน้ารับ
เป็ครั้งแรกที่เขายอมให้สตรีััร่างกาย และกระทั่งััดวงตาในยามที่ยังรู้สึกตัว
เพราะดวงตาคือส่วนที่สำคัญที่สุดในร่างกายมนุษย์
เขาย้ำกับตัวเองว่า ที่ยินยอมล้วนเป็เพราะนางรู้วิชาแพทย์เท่านั้น…
เมื่อหลินฟู่อินตรวจร่างกายอีกฝ่ายเสร็จ และเห็นว่าไม่มีอะไรน่ากังวล นางจึงออกไปนำสมุนไพรเข้ามา ที่นี่ไม่มีครกสำหรับบดยา นางจึงเรียกเหล่าลิ่ว “พี่หก กำลังภายในของท่านเป็เช่นไรบ้าง?”
“กำลังภายในหรือ? กำลังภายในของข้าแน่นอนว่าต้องทรงพลังยิ่งนัก!” เหล่าลิ่วหัวเราะโอ้อวด “แม่นางหลิน้าอะไรกันเล่า?”
-------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หรู่เซียง หมายถึง กำยาน
[2] โม่เย่า หมายถึง มดยอบ
[3] เซวี่ยเจวี๋ย หมายถึง ต้นเืั
[4] เอ้อร์ฉา หมายถึง สีเลียด
[5] หลงกู่ หมายถึง กระดูกั
[6] ตังกุย หมายถึง โกฐเชียง
[7] ตั่งเซิน หมายถึง CODONOPSIS
[8] หงเซิงตัน หมายถึง ตัวยาประเภทยาตัน คือรูปแบบยาเตรียมทื่ได้รับจากการระเหิดเมื่อได้รับความร้อนของเครื่องยา ธาตุวัตถุที่มีปรอทและกำมะถันเป็ส่วนประกอบ โดยหงเซิง คือ MERCURIC OXIDE
[9] ชิงเฝิ่น หมายถึง CALOMEL หรือ MERCUROUS CHLORIDE
[10] อาหารยา (药膳) หมายถึง อาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพร โดยจะใช้อาหารเป็ยา ช่วยบำรุงรักษาหรือบรรเทาอาการ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้