ไม่ว่าอย่างไรก็ปล่อยให้บ้านสองกับหลินฟู่อินสนิทกันมากไปกว่านี้ไม่ได้…
คนบ้านสองโดยเฉพาะหลานสาวทั้งสองคนนั้นเขายังต้องเก็บไว้ใช้ปูทางให้หลานชายคนโต
ไม่เพียงสองคนนี้ กระทั่งหลานสาวสองคนของบ้านใหญ่ รวมไปถึงหลินฟู่อินเองก็หนีไม่พ้น
ยิ่งปู่หลินคิดเท่าไรก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น
“ฮึ!” ในที่สุดก็ทนไม่ได้ ชายชรากระแทกจอกเหล้าลงกับโต๊ะเสียงดังแล้วคำราม “ทุกคนต่อต้านข้ากันหมดแล้วใช่หรือไม่? ข้าไม่กินแล้ว ไม่กินข้าวแล้ว!”
ปู่หลินยกเท้าจากไป ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
“พี่หลินไม่กินก็ช่าง แม่ของฟู่อินทิ้งสินเดิมเอาไว้ให้ ข้าขอเตือนพวกท่านบ้านใหญ่เอาไว้ว่าอย่าคิดอะไรไม่ซื่อ ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลากลายเป็ขี้ปากให้ชาวบ้านหัวเราะเยาะก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนแล้วกัน เื่นี้ก็เพื่อหลานชายของท่านไม่ใช่หรือ…” ย่าหลี่เองก็รำคาญลูกตาจนกินข้าวไม่อร่อยแล้ว
แต่เื่ที่ต้องเตือนก็ยังต้องเตือนอยู่
“ดี ขอเพียงนางไม่มายุ่งกับทรัพย์สมบัติสกุลหลิน สิ่งที่ฉู่ซื่อเหลือไว้ก็เป็สินเดิมของนางไป!” ปู่หลินชะงักเท้า เข้าใจดีว่าย่าหลี่กำลังข่มขู่กันอยู่
หากเื่นี้แพร่กระจายออกไปก็ไม่รู้ว่าคนนอกจะมองบ้านสกุลหลินอย่างไร โดยเฉพาะต้าหลางจะให้เสื่อมเสียเพราะชื่อเสียงแย่ๆ ไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงต้องตอบตกลง
เพราะกระทั่งสกุลหลี่ก็ยังอยู่ฝ่ายหลินฟู่อิน
ครั้งนี้ปู่หลินรู้สึกขมขื่นยิ่งนัก อีกฝ่ายกล่าวว่าเขาได้รับเชิญให้มาช่วยรับรองแขก แต่ที่จริงเื่รับรองแขกอะไรนั่นล้วนเป็เื่โกหกไม่ใช่หรือ?
กลับเป็งานเลี้ยงที่หงเหมิน [1] ล่อลวงมาสังหารเสียมากกว่า…
แต่ตอนนี้ก็พูดอะไรไม่ทันแล้ว!
ปู่หลินโกรธจัด หลินเฟินหลินฟางมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะออกมา
หลินฟู่อินหัวเราะไม่ออก ตอนแรกแม้นางจะไม่ได้ชอบปู่หลิน แต่ก็ไม่ได้เกลียดเขาเช่นกัน
แต่ในตอนนี้นางได้เห็นชัดเจนแล้ว ดูเหมือนที่ผ่านมานางจะเข้าใจผิดไป
ในบรรดาคนที่คิดเอาเปรียบนาง ปู่หลินนี่แหละที่คิดจะกัดแทะนางจนถึงกระดูก!
เพราะแบบนี้อู๋ซื่อจ้าวซื่อถึงได้กล้ามารีดไถเงินนางถึงบ้านทั้งที่โดนปู่หลินตำหนิไปแล้ว ที่แท้เื่นี้ตาเฒ่านั่นก็อนุญาตให้ทำโดยไม่ว่าอะไร แสร้งทำเป็หลับตาข้างเดียว
ถึงเวลามีเื่พลาดขึ้นมาก็ค่อยโผล่หน้ามาตำหนิเล็กๆ น้อยๆ
ร่างเดิมมีปู่กับญาติดีๆ แบบนี้ฝูงใหญ่ ชวนให้รู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระดูก
ย่าหลี่เห็นหลินฟู่อินก้มหน้าไม่พูดอะไรก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา “ฟู่อินอย่าคิดมากเลย ปู่เ้าแค่อยากมอบสิ่งดีๆ ให้ลูกหลานจึงหน้ามืดตามัวไปเท่านั้น”
หลินฟู่อินเงยหน้า ฝืนยิ้มออกมา “ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ข้ารู้แก่ใจดี”
วันนี้ที่นางเชิญหมอหลี่มารับประทานอาหารที่บ้าน เดิมทีก็เป็เื่บังเอิญอยู่แล้ว ส่วนที่ให้ปู่หลินรู้เื่ไข่ดอกสน อย่างแรกเพื่อทดสอบความคิดของอีกฝ่าย อย่างที่สองเพื่อกำจัดความเป็ไปได้ที่บ้านใหญ่จะเข้ามายึดทุกสิ่งทุกอย่างไป
แต่ว่าได้เปิดเผยความโลภของปู่หลินออกมาแบบนี้ก็ดีแล้ว
ตอนนี้อีกฝ่ายรับปากแล้วว่าขอเพียงเป็ของที่แม่นางทิ้งเอาไว้ให้ บ้านเดิมก็ไม่คิดเข้ามาวุ่นวาย อีกหน่อยไม่ว่านางจะทำอาหารอะไรออกมา ก็แค่บอกว่าเป็ตำรับที่ฉู่ซื่อทิ้งเอาไว้ เท่านี้ก็ง่ายขึ้นมาก
“น้องฟู่อิน ครั้งนี้ท่านปู่ทำเกินไปแล้ว ในใจมีแต่หลานชายคนโต แล้วพวกเราล่ะ? ไม่ใช่หลานสาวหรือยังไง?” หลินฟางเป็คนอารมณ์ร้อน นางทนไม่ไหวจนต้องโพล่งออกมา
หลินเฟินมองอีกฝ่ายพร้อมกับกลืนข้าวสวยร้อนๆ ลงคอ “หลานสาวแล้วยังไงล่ะ ตอนซานหลางอยู่กินข้าวด้วยท่านปู่ไม่มองด้วยซ้ำ นอกจากหลินต้าหลางแล้วในใจท่านปู่ไม่มีหลานคนอื่นหรอก!”
ได้ยินแบบนี้หลินฟู่อินก็อดไม่ได้ ต้องมองอาเฟินอีกสักหน่อย
ทั้งหมดนั่นล้วนตรงประเด็นไม่ใช่หรือ?
“ท่านปู่คิดอยากให้สกุลหลินมีบัณฑิตมาเติมเต็มความ้าของตัวเอง! แต่เดิมตอนยังหนุ่มๆ ท่านปู่เคยมีโอกาสจะได้เป็ขุนนางขั้นเก้า แต่โชคร้ายเกินไปจึงกลายเป็ปมในใจมาตลอด” หลินเฟินแค่นเสียง กล่าวต่อ “ยังคิดว่าหลินต้าหลางนั่นเป็ตัวดีอะไร เ้านั่นไร้หัวใจไร้คุณธรรมที่สุด ความดีห่างจากหลินเอ้อร์หลางกับหลินซานหลางหลายลี้!”
ครั้งนี้หลินเฟินโกรธบ้านใหญ่มากเสียจนกระทั่งไม่อยากเรียกพวกหลินต้าหลางกับเอ้อร์หลางว่าพี่แล้ว
หลินฟู่อินรู้สึกประทับใจ ชื่นชมว่าการวิเคราะห์ของหลินเฟินถูกประเด็นมากๆ
“เอาเถอะ ต่อให้ท่านปู่สมหวัง หลินต้าหลางได้เป็ขุนนาง ยังไงท่านปู่ก็ไม่ได้มีความสุขนักหรอก คอยดูไปเถอะ ถึงตอนนั้นคงหูตามืดบอดไปแล้ว!” หลินฟางหัวเราะหยัน ยื่นตะเกียบไปคีบไข่ดอกสนเข้าปากแล้วหรี่ตาอย่างมีความสุข “ยำไข่ดอกสนของฟู่อินอร่อยมากจริงๆ นะ ถ้ามีเงินเมื่อไรข้าจะซื้อไปให้ท่านพ่อท่านแม่กับท่านตาท่านยายชิม!”
พอได้ยิน หลินฟู่อินลืมไปเลยว่านางยังไม่ได้ส่งไข่ดอกสนไปให้คนบ้านสองลองชิม
“ไม่ต้องซื้อหรอก ข้าว่าจะส่งไปให้ท่านลุงท่านป้าลองชิมพอดี พวกนี้เป็ไข่ดอกสนที่ข้าฝึกทำ พี่อาฟางยังจำวิธีทำยำไข่ดอกสนได้ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“เช่นนี้ไม่ได้สิ วันนี้ฟู่อินเลี้ยงข้าวพวกข้าแล้ว ท่านแม่ยังให้ข้าบอกเ้าว่าอีกหน่อยจะให้เ้าควักเนื้อตัวเองเช่นนี้ไม่ได้” หลินเฟินมองหลินฟู่อินด้วยสีหน้าจริงจัง อีกฝ่ายใจดีต่อพวกนาง ทั้งครอบครัวย่อมจดจำขึ้นใจ
หลินฟู่อินกับอีกฝ่ายสนิทสนมกันดีจึงพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงเป็ธรรมชาติ นางหัวเราะ “โอ๊ย ข้ายังซื้อทั้งเนื้อหมูทั้งกระดูกไปให้บ้านเดิมเลยไม่ใช่หรือ? รู้หรือไม่ว่าแต่ละเดือนลงท้องปู่ย่าไปเท่าไร? ลงท้องบ้านใหญ่ไปเท่าไร พวกนั้นกินเนื้อที่ข้ามอบให้ได้ แล้วพวกพี่จะกินไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าได้หรือไม่ได้ ท่านลุงสามยังไม่กลับมา เ้าก็ควรจะเก็บเงินเอาไว้ให้มากหน่อยสิ” หลินเฟินหน้าบึ้ง ลองคิดว่าตัวเองเป็หลินฟู่อินดูแล้วนางก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายใจกว้างเกินไป
หลินฟู่อินยิ้มพลางโบกมือไปมา “พี่อาเฟินกินให้อิ่มเถอะน่า ไม่ต้องเป็ห่วงไป ไม่ใช่ว่าข้าก็หาวิธีทำเงินได้หรอกหรือ?”
อาเฟินผุดรอยยิ้ม หลินฟู่อินมีความสามารถมาก แต่ความกังวลใจของนางก็อีกเื่หนึ่ง
นางจึงได้ถามออกไป “ข้าเพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่ ฟู่อินคิดจะขายไข่ดอกสนหรือ?”
หลินฟู่อินพยักหน้า ประหลาดใจกับความเฉลียวฉลาดของอีกฝ่าย แค่ได้ยินนางคุยกับหมอหลี่ก็คาดเดาได้ขนาดนี้นับว่ามีสายตาไม่ธรรมดา
หากฝึกฝนให้ดีย่อมกลายเป็ผู้ช่วยคนสำคัญได้!
“ถ้าคิดจะทำการค้าก็ต้องมีจำนวนมากใช่หรือไม่? มีคนเพียงพอหรือ?” สีหน้าหลินเฟินดูวิตก ทำให้หลินฟู่อินหัวเราะออกมา
กระทั่งหลินฟางก็หัวเราะตามไปด้วยเมื่อเห็นสีหน้าผู้เป็พี่ “หน้าพี่อย่างกับนักแสดงงิ้วแน่ะ ฮ่องเต้ไม่กังวลแต่ขันทีเป็กังวล ฟู่อินเป็คนฉลาด ย่อมเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว”
หลินเฟินมองน้องสาว “โอ๊ย ไปเลยไป เ้าจะรู้อะไร กินข้าวไปเลย! คิดว่าทำกิจการมันง่ายหรือยังไงกัน?”
--------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] งานเลี้ยงที่หงเหมิน หมายถึง การอุปมาถึงการใช้งานเลี้ยงเป็เครื่องมือในการทำร้ายคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้