คำพูดดังกล่าวเปรียบเสมือนการโยนก้อนหินลงน้ำที่ก่อให้เกิดคลื่นนับพันชั้น ฮั่วอวิ๋นเยียนลุกขึ้นจากม้านั่งทันที จากนั้นรีบวิ่งออกไปข้างนอก
ตอนที่นางวิ่งผ่านไป๋เซี่ยเหอ ก็ยังไม่วายหันมาก่นด่าอย่างโกรธเกรี้ยว “เสด็จพ่อทรงมีพระวรกายแข็งแรงมาโดยตลอด แต่พอเ้าเข้ามาในวังดันถูกพิษเสียอย่างนั้น หากเสด็จพ่อได้รับอันตราย ข้าจะเอาเื่เ้าแน่”
ไป๋เซี่ยเหอถูกยิงระหว่างนอนราบ[1] นางกระตุกมุมปากอย่างไร้คำจะเอื้อนเอ่ย นางและหญิงสาวที่เหลือล้วนพากันเดินตามองค์หญิงออกไป เพียงแต่หญิงสาวเ่าั้ต่างถอยห่างจากไป๋เซี่ยเหอสองเมตรทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ไป๋หว่านหนิงเดินมายืนข้างกายของไป๋เซี่ยเหอ ก่อนจะกล่าวอย่างเหยียดหยาม “พี่สาว หากข้าเป็เ้า ข้าคงจะหนีกลับบ้าน แล้วกระโจนขึ้นเตียงเพื่อแอบร้องห่มร้องไห้ในผ้าห่มแล้วล่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอเดินมายืนอยู่ตรงหน้าของไป๋หว่านหนิง แม้ว่านางจะอายุมากกว่าไป๋หว่านหนิงเล็กน้อย ทว่าเป็เพราะที่ผ่านมาได้กินอาหารไม่ค่อยดีนัก นางจึงเตี้ยกว่าไป๋หว่านหนิงถึงครึ่งศีรษะ
ทว่านี่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับความเฉียบคมที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างของนาง “เ้าไม่คู่ควรที่จะเป็ข้า”
“เ้า เ้าคิดว่าข้าชื่นชอบเ้านักหรือ?” ไป๋หว่านหนิงเกลียดชังฝีปากของไป๋เซี่ยเหอจนแทบจะขาดใจตายแล้ว ในสายตาของนาง ไป๋เซี่ยเหอควรเป็เหมือนในอดีตไปตลอด ที่เมื่อถูกตีหรือถูกด่าก็ไม่ตอบโต้
ไป๋เซี่ยเหอเผยรอยยิ้มเย็นะเื แววตาแฝงไปด้วยความเหยียดหยามอย่างรุนแรง “จริงหรือ? ที่แท้น้องรองก็ไม่ได้้าสถานะไท่จื่อเฟย เป็ข้าที่เข้าใจผิดมาโดยตลอดหรอกหรือ?”
ไป๋หว่านหนิงที่ถูกแทงใจดำโมโหจนกระทืบเท้า “้าหรือไม่้าอะไรกัน? เดิมทีสถานะไท่จื่อเฟยก็ควรเป็ของข้าอยู่แล้ว นางแพศยาอย่างเ้าคู่ควรที่จะกล่าวคำว่าไท่จื่อเฟยด้วยหรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอหัวเราะแ่เบาอย่างไม่แยแส “ถ้อยคำนี้เ้านำไปทูลกับฮ่องเต้เถิด”
หลังกล่าวจบไป๋เซี่ยเหอก็หมุนกายจากไป นางด้อยกว่าไป๋หว่านหนิงที่มีสถานะเป็สหายคนสนิทขององค์หญิงหก อีกทั้งนางยังไม่คุ้นเคยกับวังหลวง หากอีกฝ่ายคิดจะวางกลอุบายใส่นางที่นี่ ก็คงง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ นางจึงจำเป็ต้องป้องกันตัว
เพียงแต่ฮ่องเต้ถูกพิษอย่างนั้นหรือ? เหตุใดถึงได้บังเอิญเช่นนี้เล่า!
ตำหนักขององค์หญิงหกนั้นอยู่ข้างตำหนักของฮองเฮา เมื่อไป๋เซี่ยเหอเดินออกไปหน้าตำหนัก ก็มองเห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักฮองเฮา นางจึงเดินไปรวมกลุ่มกับคนเ่าั้
“กราบทูลฮองเฮา ไม่ใช่ว่าข้าน้อยไม่รอบคอบ นั่นเป็สมุนไพรที่มีเฉพาะเขาจื่อหลิง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงมาก ไปกลับโดยเร็วที่สุดต้องใช้เวลาเจ็ดหรือแปดวัน ด้วยพระวรกายของฝ่าา อย่างมากที่สุดอดทนได้เพียงสามวันพ่ะย่ะค่ะ...”
สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าหมอหลวงอายุราวๆ สามสิบหรือสี่สิบปี ใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม ไม่ปรากฏริ้วรอยแม้แต่น้อย ในเวลานี้ชุดคลุมหงส์สีแดงสะท้อนใบหน้ารูปไข่ให้ดูหม่นหมองยิ่งขึ้นไปอีก
“เปิ่นกง[2]ไม่สนใจว่าพวกเ้าจะใช้วิธีการใด แต่พวกเ้าจะต้องรักษาฝ่าาให้ได้!”
“นี่...”
บรรยากาศเยือกเย็นราวกับจุดเยือกแข็งทันที
“องค์รัชทายาทเสด็จ—”
ไป๋เซี่ยเหอยกมุมปากเป็เชิงดูแคลน คู่หมั้นที่ไร้ศีลธรรมของนางได้มาถึงแล้ว
ไป๋เซี่ยเหอมองตามสายตาของทุกคนไป
องค์รัชทายาทฮั่วิเชินสวมชุดคลุมปักผ้าดิ้นเงินดิ้นทองสีเหลืองเข้ม เส้นผมยาวถูกหวีเรียบร้อย แววตาฉายแสงเย็นเยียบและเฉียบคมราวกับเหยี่ยวในยามราตรี สายตาของเขาเต็มไปด้วยความก้าวร้าวและปราศจากความเกรงกลัวใดๆ แม้ว่าใบหน้าจะหล่อเหลา ทว่าเมื่อเทียบกับฮั่วเยี่ยนไหวแล้ว ยังด้อยกว่าสักหน่อย
ไป๋เซี่ยเหอที่เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกดีกับไท่จื่ออยู่แล้ว ในเวลานี้ก็ยิ่งไร้ความรู้สึกต่อ ‘คู่หมั้น’ ผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าโดยสมบูรณ์
“ลูกถวายบังคมเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
เวลานี้ฮองเฮาสะอื้นไห้อยู่ในใจมาเนิ่นนานแล้ว ดวงตาของนางหม่นแสง เห็นได้ว่านางรักฮ่องเต้จากใจจริง เมื่อได้รับการถวายบังคมจากไท่จื่อ นางเพียงโบกมือรับเท่านั้น
“หม่อมฉันถวายบังคมฮองเฮา ถวายบังคมไท่จื่อเพคะ” น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำและฟังดูคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ไป๋เซี่ยเหอขนลุกขนชันไปทั่วร่าง
ไป๋หว่านหนิง นางคิดจะทำอะไรกันแน่!
เมื่อฮั่วิเชินเห็นว่าฮองเฮานิ่งเฉย ก็ไม่อาจหักใจทำให้คนรักเสียหน้าได้ จึงเอ่ยว่า “ลุกขึ้นเถิด”
หลังจากไป๋หว่านหนิงลอบชายตามองฮั่วิเชิน นางก็เอ่ยอย่างร้อนใจเล็กน้อย “พี่สาวของหม่อมฉันมีวิชาแพทย์ ในเมื่อหมอหลวงไร้หนทาง มิสู้ลองให้นางถวายการวินิจฉัยฝ่าาดูเล่าเพคะ”
เป็ดังคาด!
ไป๋เซี่ยเหอกำหมัดทั้งสองข้างแน่น ปรารถนาจะฉีกกระชากร่างนางคนโง่เขลาอย่างไป๋หว่านหนิง นางเห็นที่นี่เป็สถานที่เช่นไร? ที่นี่คือวังหลวง หากวันนี้เกิดความผิดพลาดขึ้น ไม่ต้องกล่าวถึงตนเองเลย ทั้งจวนตระกูลไป๋ล้วนไม่มีใครหนีรอดไปได้!
เมื่อไป๋หว่านหนิงเห็นไป๋เซี่ยเหอโมโหจนหน้าแดง นางก็ลอบยินดีอยู่ในใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ “เมื่อปีนั้นใครบ้างไม่รู้ว่าท่านแม่...เจียงเป็แพทย์จิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้คน มีวิชาแพทย์สูงส่ง ในฐานะที่เป็บุตรีแท้ๆ ของท่านแม่ พี่สาวย่อมไม่ด้อยไปกว่านั้นอย่างแน่นอน”
ช่างเป็คำพูดที่โกหกและเหลวไหลยิ่งนัก!
หลังไป๋เซี่ยเหอเกิดได้ไม่นาน มารดากับบิดาของนางได้ไปสักการะและแก้บนที่วัดด้วยกัน ระหว่างทางได้พบกับมือสังหาร มารดาได้เอาตัวเข้าบังกระบี่ให้บิดา จึงถูกพิษจนสลบไสล
ในเวลานั้นไป๋เซี่ยเหอเพิ่งจะอายุครบหกเดือน นางจะไปเรียนรู้วิชาแพทย์ของมารดาจากที่ไหนกัน!
“นี่...” ฮองเฮากัดริมฝีปากล่างอย่างลำบากใจ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางกับฝ่าาครองรักกันอย่างเหนียวแน่น ฝ่าาเป็บุรุษที่นางรักใคร่มากที่สุด นางไม่ปรารถนาให้ฝ่าามีอันตรายใดๆ แต่จะให้ดรุณีนางหนึ่งมารักษาฝ่าา นางก็ไม่มั่นใจเอาเสียเลย!
“เสด็จแม่ เื่ราวเป็เช่นนี้เพคะ” องค์หญิงหกที่ยืนตาแดงก่ำอยู่ด้านข้างมองเห็นสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือจากไป๋หว่านหนิง หลังจากลังเลสักพัก นางก็ตัดสินใจที่จะให้ความช่วยเหลือสหายคนสนิท
“มีครั้งหนึ่งลูกป่วยหนัก แต่ยามนั้นในวังมีเื่ราวมากมาย ลูกไม่กล้ารบกวนเสด็จแม่ ก็ได้หว่านหนิงนำยาจากไป๋เซี่ยเหอมาให้ลูก และยานั่นก็ช่วยรักษาลูกจนหายดีเพคะ”
คนหนึ่งก็ช่างกล้าแต่งเื่ ส่วนอีกคนก็ช่างกล้าต่อบทจริงๆ หากองค์หญิงหกเคยกินยาที่ไป๋เซี่ยเหอคนเดิมเคยจ่ายให้ จะยังยืนพูดคุยอยู่ที่นี่ในเวลานี้ได้หรือ?
เกรงว่าต้นหญ้าเหนือหลุมศพจะสูงถึงสามเมตรเสียแล้ว
ไป๋เซี่ยเหอมองฮั่วอวิ๋นเยียนอย่างเห็นอกเห็นใจ องค์หญิงเห็นไป๋หว่านหนิงเป็พี่น้องและสหายคนสนิทจริงๆ ทว่ากลับไม่ทราบว่าตนเองถูกอีกฝ่ายหลอกใช้จนหัวหมุน
“ไป๋เซี่ยเหอ เ้าจะว่าอย่างไร?”
“กราบทูลฮองเฮา...”
ไป๋เซี่ยเหอเดินออกมาจากกลุ่มคน หัวคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย ไม่ทราบว่าควรจะตอบอย่างไร
หากปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้มีวิชาแพทย์ เช่นนั้นการที่ไป๋หว่านหนิงหลอกลวงเชื้อพระวงศ์และหยิบยกชีวิตของฮ่องเต้มาล้อเล่น อาจได้รับโทษฐานสมคบคิดปลงพระชนม์ฮ่องเต้ก็เป็ได้ บทลงโทษย่อมร้ายแรงมาก นั่นคือ ปะาเก้าชั่วโคตร ทว่าหากยอมรับ...
นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะช่วยเหลือฮ่องเต้ได้หรือไม่!
อีกเื่ที่สำคัญรองลงมาก็คือ ไม่มีใครในจวนตระกูลไป๋ไม่รู้ว่านางเป็กระเป๋าฟาง[3] หากจู่ๆ นางแสดงฝีมือด้วยการช่วยชีวิตฮ่องเต้ ย่อมต้องกระตุ้นความสงสัยของคนเ่าั้เป็แน่ สิ่งที่นางหวาดกลัวยิ่งกว่าคือ การถูกค้นพบว่าจิติญญาของร่างกายนี้ถูกสับเปลี่ยนเสียแล้ว
ราชวงศ์นี้ห้ามไม่ให้เชื่อเื่ผีสางเทวดามาแต่ไหนแต่ไร เมื่อถึงเวลานั้นหากนางไม่มีคำอธิบายที่ฟังดูสมเหตุสมผล นางคงหนีไม่พ้นความตายอยู่ดี
“เสด็จแม่ มิสู้ให้นางลองดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮั่วิเชินยืนขึ้น แววตาที่มองไป๋เซี่ยเหอเผยความเหยียดหยามออกมาอย่างชัดเจน แม้ว่าวันนี้ไป๋เซี่ยเหอจะไม่เหมือนในอดีตก็ตาม ตอนนั้นใบหน้าของนางซูบตอบและมีสีเหลือง ร่างกายดูมอมแมม และสายตาน่ารำคาญก็ติดตรึงอยู่บนร่างของตนตลอด ทว่าความสงบนิ่งกับความอ่อนช้อยที่แผ่ออกมาจากร่างของไป๋เซี่ยเหอในเวลานี้นั้น กลับทำให้เขาไม่พอใจจนถึงขีดสุด ในฐานะที่นางเป็ไท่จื่อเฟย ยามที่เขาไม่อยู่กลับแต่งองค์ทรงเครื่องจนมีเสน่ห์เย้ายวน นางคิดจะยั่วยวนใครกัน?
เพียงแต่ในเวลานี้ฮองเฮาตกอยู่ในความเศร้าเสียใจ จึงไม่ได้สนใจแววตาของฮั่วิเชิน
“หากไม่มีความสามารถสักหน่อย นางก็ไม่คู่ควรที่จะเป็ไท่จื่อเฟยของลูกพ่ะย่ะค่ะ”
------------------------
[1] ถูกยิงระหว่างนอนราบ เป็การอุปมา หมายถึง ถูกทำร้ายแม้จะไม่ได้ทำอะไรเลย
[2] เปิ่นกง หมายถึง สรรพนามแทนตัวเองของเชื้อพระวงศ์หญิง
[3] กระเป๋าฟาง หมายถึง คนไร้ความสามารถ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้