ฮูหยินผู้เฒ่าจูไม่เชื่อว่าบ้านห้าจะช่วยเหลือครอบครัวเฉิงชิงด้วยความหวังดี คิดว่านี่น่าจะเป็คำแก้ตัวของบ้านห้าที่ตั้งใจจะกดดันบ้านรอง
ควักเอาเงินหนึ่งพันตำลึงเงินจากนางก็แล้วไป บอกว่าการกระทำของนางในฐานะย่านั้นไม่มีเมตตา เดิมควรชดเชยให้ครอบครัวเฉิงชิงไปเรื่อยๆ… ถุย ไอ้เ้ามารผจญนั่นคู่ควรที่จะใช้จ่ายเงินของบ้านรองหรือ?
บ้านเดิมของฮูหยินผู้เฒ่าจูเดิมไม่ร่ำรวย แต่พอแต่งเป็ภรรยาคนที่สองให้กับนายท่านรองเฉิงก็พยายามอย่างหนักจนให้กำเนิดบุตรชายสองคน บุตรสาวหนึ่งคน จึงค่อยๆ ได้รับความโปรดปรานจากนายท่านรองเฉิง ยามนายท่านรองเฉิงยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นางที่จัดการเื่ราวต่างๆ ภายในบ้าน
นายท่านรองเฉิงป่วยเสียชีวิตใน่รุ่งโรจน์ของชีวิต เฉิงจือหย่วนก็้าจะแยกบ้าน ทรัพย์สมบัติของบ้านรองทั้งหมดจึงตกอยู่ในกำมือของฮูหยินผู้เฒ่าจู นางจึงไม่ขัดสนเงินทอง
หนึ่งพันตำลึงเงินไม่ถือว่าเยอะ แต่การที่ฮูหยินผู้เฒ่าจูต้องควักให้ครอบครัวเฉิงชิงก็ถือเป็เื่ปวดใจ คำพูดของนางหลี่ยังคงดังก้อง ยิ่งทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าจูอัดอั้นตันใจ
เฉิงชิงนับว่าเป็ตัวอะไร ก็แค่สอบเข้าสถานศึกษาหนานอี๋ได้เท่านั้น
บุตรชายแท้ๆ ของนางเป็ถึงผู้ว่าการเขตพิเศษ หลานชายแท้ๆ อายุสิบห้าปีก็สอบได้เป็บัณฑิตซิ่วไฉแล้ว หากบ้านห้า้าจะบ่มเพาะบุตรหลานตระกูลเฉิงก็ควรจะเลือกเฉิงกุยสิ!
เงินค่าชดเชยที่นางมอบให้เฉิงชิงเป็เงินส่วนตัว ย่อมให้ภายนอกรับรู้ไม่ได้
เสียไปเปล่าๆ หนึ่งพันตำลึงเงินทั้งยังไม่ตกไปยังที่ที่ดี ภายในใจของฮูหยินผู้เฒ่าจูรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรม ถึงอย่างไรนางก็ล่วงเลยเข้าสู่วัยเลขห้าแล้ว พอโกรธจัดจึงก็ล้มป่วยลง
หมอกล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าถูกไฟแผดเผาจิตใจจนเกินไป ในใบจ่ายยามีหวงเหลียน[1]ประกอบอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าจูดื่มยาคำหนึ่ง ด่าเฉิงชิงประโยคหนึ่ง แม่นมโจวถูกตัดเบี้ยหวัดรายเดือนนั้นเื่เล็ก ด้วยกลัวจะเสียความเชื่อใจของฮูหยินผู้เฒ่า จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสดงตนต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า แค้นใจนักที่ไม่อาจลองยาแทนฮูหยินผู้เฒ่าได้
แต่สิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าจูสนใจกลับไม่ใช่ความกระตือรือร้นในการปรนนิบัติของแม่นมโจว ยิ่งบ้านห้าดูแลเฉิงชิง นางก็ยิ่งทนไม่ได้ที่จะให้เฉิงชิงหลุดพ้นจากสภาพเลวร้าย
“สอบเข้าสถานศึกษาได้แล้วอย่างไร แม้แต่วุฒิจวี่เหรินก็ยังไม่ใช่… ถุย!”
ฮูหยินผู้เฒ่าจูสั่งแม่นมโจวหลายประโยคด้วยเสียงต่ำ แม่นมโจวก็ก้มหัวรับคำ แววตากรีดแทงราวกับมีดตกอยู่บนร่างของแม่นมโจว
“เื่ง่ายเช่นนี้หากยังทำไม่ได้อีกล่ะก็…”
“บ่าวจะไม่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าผิดหวังอีก!”
แม่นมโจวสบถสาบานรับประกัน ฮูหยินผู้เฒ่าจูจึงตัดสินใจให้โอกาสแก่นางอีกครั้ง แม่นมโจวรับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าโจวมานานหลายปี หากไม่พูดถึงความสามารถในการจัดการเื่ราว อย่างน้อยก็ยังมีใจภักดีโดยไม่มีข้อแม้
อดไม่ได้ที่จะกำชับอีกหลายประโยค ให้แม่นมโจวดำเนินเื่ด้วยความระมัดระวัง ถึงอย่างไรก็ยังห่างกับตอนเฉิงชิงเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการอยู่มาก ค่อยๆ ดำเนินเื่ไป อย่าให้บ้านห้าจับจุดอ่อนได้
ตลอดชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่าจูมักเสียเปรียบต่อเฉิงชิงอยู่ร่ำไป ในสายตาเห็นเฉิงชิงเป็ดั่งหนามยอกอก ตัดสินใจจะไม่หยุดพักจนกว่าจะสามารถตัดอนาคตของเฉิงชิงได้
ตัวของเฉิงชิงเองนั้นไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่านางจะแสดงความเคารพต่อท่านย่าเลี้ยงผู้นั้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่คนเขาก็ยังมองนางไม่เจริญตาอยู่ดี แล้วไยต้องไปเอาใจด้วยเล่า?
ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเข้าหน้ากันไม่ติด เฉิงชิงก็มีความสุขแล้วที่สามารถเอาเปรียบฮูหยินผู้เฒ่าจูได้
นางอดทนไปตลอดทาง จนเมื่อถึงบ้านจึงค่อยประกาศข่าวดีเื่นี้ นางหลิ่วแทบจะไม่เชื่อหู
“ที่นาและเคหาสน์เล็กๆ ผืนหนึ่งจริงๆ น่ะหรือ?”
“ท่านปู่ให้ข้าดูโฉนดแล้ว บนนั้นเขียนชื่อของข้าไว้ ย่อมไม่มีทางเป็ของปลอมไปได้ เป็ที่ดินสำหรับเพาะปลูกพร้อมเคหาสน์เล็กๆ จำนวนหนึ่งร้อยหมู่ เพียงพอต่อการดำรงชีวิตประจำวันของครอบครัวเรา พวกท่านก็ไม่ต้องทำงานเย็บปักเพื่อดำรงชีวิตทั้งวันแล้ว!”
พึ่งพาการเย็บปักหาเงินดำรงชีวิตไหนเลยจะง่าย เข็มตำนิ้วมือนั้นเื่เล็ก ที่สำคัญคือทำลายสายตา สตรีที่ทำงานเย็บปักเป็อาชีพ ตอนอายุยังน้อยก็ยังคงทำได้อย่างคล่องแคล่ว แต่พอถึงวัยกลางคนดวงตาก็ไม่ไหวแล้ว ทั้งยังปวดกระดูกสันหลัง่เอวและลำคอ
นางหลิ่วยินดีมาก “อำเภอหนานอี๋มีทั้งูเาและแม่น้ำ แต่พื้นที่เพาะปลูกมีน้อย เงินที่ได้จากสองมือก็ไม่แน่ว่าจะซื้อที่ได้ นับประสาอะไรกับที่นาและเคหาสน์จำนวนหนึ่งร้อยหมู่ ลูกชาย ที่นาและเคหาสน์นี้คือที่พึ่งของเ้า…”
ความยินดีของนางหลิ่วไม่ใช่การเสแสร้ง
โอกาสในชีวิตของบุตรสาวทั้งสามอาจจะไม่ดีนัก แต่ก็ยังพอมีอยู่ หาสามีที่ซื่อตรงพึ่งพาได้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือก็มีที่พึ่งพิงแล้ว เป็ภรรยาให้กำเนิดบุตรชายเลี้ยงดูบุตรสาว ในอนาคตก็มีบุตรหลานมากตัญญู
มีเพียงเฉิงชิงที่เป็สตรีปลอมเป็บุรุษ ในเมื่อไม่อาจแต่งให้ใครได้และไม่อาจแต่งภรรยาให้กำเนิดบุตรได้ หากเส้นทางในการสอบเข้ารับราชการไม่ราบรื่น อนาคตของเฉิงชิงจะเป็อย่างไรเล่า?
เมื่อมีที่นาพร้อมเคหาสน์หนึ่งร้อยหมู่ ความกังวลใจของนางหลิ่วก็ลดลงไปเกินครึ่ง หากเฉิงชิงเรียนได้ไม่ดี ก็ยังสามารถกลับบ้านเกิด เป็เ้าของที่เล็กๆ พึ่งพาพื้นที่เพาะปลูกของเคหาสน์ แม้อาจจะมีชีวิตที่ไม่ถึงกับร่ำรวยแต่ก็ไม่อดตาย!
บุตรสาวคนที่สามหัวเราะ “ขโมยไก่ไม่สำเร็จยังเสียข้าวสารอีกกำมือ[2] สมน้ำหน้าพวกบ้านเดิม!”
ทั้งครอบครัวล้วนไม่รู้สึกว่าการที่นางจูเสียเงินชดเชยมีอะไรไม่ถูกต้อง นี่คือเื่ปกติของยามนี้ ชาวบ้านธรรมดาฟ้องร้องไปถึงที่ว่าการ โทษบางอย่างที่ไม่หนักไม่เบาก็ยุติคดีด้วยค่าปรับเช่นกัน
เดิมการใช้ฝีปากแนะนำสั่งสอนก็เป็เื่ที่เสียเวลา ยังคงเป็ค่าปรับที่ทำให้คนเ็ปใจ
ที่ดินเพาะปลูกพร้อมเคหาสน์ร้อยหมู่สามารถฟื้นฟูความยากจนภายในครอบครัวได้ ลองคิดอีกที เงินที่ซื้อที่นาพร้อมเคหาสน์ก็ยังเป็ของที่นางจูควักให้ ความสุขของครอบครัวเฉิงชิงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
เฉิงชิงกล่าวว่าตนได้ฝากที่นาและเคหาสน์ให้บ้านห้าดูแล นางหลิ่วก็ชมว่าเฉิงชิงทำถูกต้องแล้ว
“ปู่และย่าของเ้าไม่มีทางเอาเปรียบ การมีพวกเขาดูแลที่นาและเคหาสน์ยังเป็การหลีกเลี่ยงไม่ให้บ้านเดิมส่งคนมาก่อกวนได้พอดี!”
การใช้ชีวิตสามารถพัฒนาคนจริงๆ นางหลิ่วผู้ที่ทำเป็แค่บีบน้ำตาตลอดเวลารู้จักการคำนวณแผนการแล้ว เฉิงชิงดีใจที่มารดามีพัฒนาการ การสอบเข้าสถานศึกษาผ่านก็ถือเป็ลาภลอย วันนี้มีเื่ที่น่ายินดีสองเื่ในบ้าน ตอนเย็นนางหลิ่วจึงทำอาหารมากมายให้ทั้งครอบครัวกินอย่างสนุกสนานกลมเกลียว ทั้งหมดล้วนรู้สึกว่าชีวิตช่างมีความหวัง
ส่วนบ้านห้าจะสามารถควบคุมพวกบ้านเดิมไม่ให้หาเื่ยุ่งยากมาให้ได้หรือไม่นั้น เฉิงชิงกล่าวว่าไม่จำเป็ต้องกังวลใจ ในเมื่อหนีไม่พ้นก็ต้องเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ
บ้านรองมาหาเื่ยุ่งยากไม่ได้เป็เื่ที่ไม่ทันตั้งตัว ในวันที่สอง สมาธิของนางหลิ่วก็ถูกเื่อื่นดึงดูด แม้แต่การที่เฉิงชิงมีที่ดินและเคหาสน์ขนาดเล็กก็ยากที่จะขจัดความกังวลของนางหลิ่วไปได้
“เ้าว่าอะไรนะ ยามเย็นก็ต้องอาศัยอยู่ที่สถานศึกษา?”
“ท่านแม่ ในเมื่อข้าสอบเข้าสถานศึกษาได้แล้ว ก็ย่อมต้องเคารพกฎของสถานศึกษา นอกจากบรรดาศิษย์พี่ห้องเจี่ยที่สามารถจัดการตามใจชอบได้ ในยามปกติศิษย์คนอื่นๆ ต่างก็ต้องอาศัยอยู่บนเขาขอรับ”
ศิษย์พี่ห้องเจี่ยคือผู้ที่มีวุฒิจวี่เหริน ในเมื่อสอบผ่านได้วุฒิจวี่เหรินแล้ว ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการสังสรรค์ทางสังคมต่างๆ สถานศึกษาค่อนข้างผ่อนคลายในการกวดขันกับพวกเขา และไม่บังคับให้ศิษย์ห้องเจี่ยอาศัยอยู่บนเขา นอกเหนือจากเวลาเข้าเรียนทั้งหมดสามารถจัดการได้เอง
แต่ห้องอี่ ปิ่ง และติงทั้งสามห้องนี้ เท่าที่เฉิงชิงรู้ไม่มีผู้ใดได้รับสิทธิพิเศษ ทุกคนล้วนเคารพกฎข้อนี้ของสถานศึกษา
โลกด้านล่างเขาช่างน่าตื่นตาตื่นใจ อำเภอหนานอี๋มีหอโคมเขียว มีบ่อนพนัน… หากสถานศึกษากวดขันไม่เข้มงวดก็คงไม่อาจทำให้ผู้คนแย่งชิงกันเพื่อเข้ามาได้
เหตุผลเหล่านี้นางหลิ่วล้วนฟังไม่เข้าใจ
แต่… แต่สถานการณ์ของเฉิงชิงไม่เหมือนกัน ยามกลางวันร่วมเรียนกับกลุ่มศิษย์ชายก็ช่างเถิด แต่ยามกลางคืนยังต้องร่วมหลับนอนด้วยกันอีก?
ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!
ใบหน้าของนางหลิ่วเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เฉิงชิงสงบเยือกเย็นอย่างเทียบไม่ได้ “ท่านแม่ไม่ต้องกลัวว่าอยู่บนเขาแล้วข้าจะลำบาก ข้าตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะสอบเข้ารับราชการ ข้าจะต้องเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดให้ได้”
เฉิงชิงทำใจเื่ชายหญิงอยู่ร่วมกันแล้ว แม้จะไม่ค่อยสะดวกแต่ก็ถือว่าเป็เื่เล็ก ถึงอย่างไรนางก็ไม่เคยมีความคิดเื่้าแต่งงาน จึงไม่สนใจชื่อเสียงดีงามอะไรนั่น
เื่สตรีปลอมเป็บุรุษ เฉิงชิงคิดจะปิดบังไปตลอดชีวิต
ไหล่ของนางหลิ่วสั่นระริก สุดท้ายก็กอดเฉิงชิงร้องไห้ยกใหญ่
บุตรสาวคนโตไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่ทำให้นางหลิ่วทุกข์ใจ จึงเอ่ยกับน้องสาวทั้งสองเป็การส่วนตัวว่า “ระยะห่างของสถานศึกษากับตัวอำเภอไม่ถือว่าไกล วันหยุดในแต่ละเดือนหรือ่พักผ่อนก็สามารถกลับมาบ้านได้ แยกจากกันใกล้แค่นี้ท่านแม่ยังทนไม่ไหว ในอนาคตน้องชายยังต้องเข้าเมืองหลวงไปสอบเข้ารับราชการ จะไม่ถึงขั้น… เฮ้อ!”
…การตามใจบุตรมากเกินไปจะถือเป็การฆ่าบุตร ท่านแม่รักและทะนุถนอมน้องชายเกินไปแล้ว ยังดีที่น้องชายมีความคิดเป็ของตนเอง!
[1] หวงเหลียน คือสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นชนิดหนึ่ง มักใช้สำหรับรักษาอาการร้อนใน มีรสขมมาก
[2] ขโมยไก่ไม่สำเร็จยังเสียข้าวสารอีกกำมือ หมายถึงฉวยโอกาสทำเื่ไม่ดีไม่สำเร็จอีกทั้งยังขาดทุน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้