อยากเข้าสถานศึกษาประจำตระกูล นี่ถือเป็การแสวงหาความก้าวหน้า!
เฉิงชิงไม่ได้จมจ่ออยู่กับความโศกเศร้าจากการจากไปของบิดา กลับตั้งสติเริ่มวางแผนให้กับอนาคตของตน ความประทับใจแรกของนางหลี่ที่มีจากเดิมสามส่วนก็ทวีความชื่นชอบจนถึงห้าส่วน
คนที่ตายไปแล้วยากจะไล่ตามได้ คนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างหากจึงสำคัญกว่า นางหลี่ชื่นชอบการเข้าใจความเป็ไปของนาง หลังจากถามถึงระดับการศึกษาของนางแล้ว นางหลี่กลับไม่พอใจยิ่งนัก!
ความขุ่นเคืองใจนี้ไม่ได้เจาะจงไปที่เฉิงชิง แต่เจาะจงไปยังเฉิงจือหย่วน
“บิดาเ้าสั่งสอนเ้า แต่ไฉนจึงไม่สอนสี่ตำราห้าคัมภีร์? แบบนี้ใช้ไม่ได้!”
ตระกูลเฉิงเป็ตระกูลบัณฑิต โรงศึกษาประจำตระกูลได้ขยายเป็สถานศึกษา นางหลี่แม้จะเป็ฮูหยินในเรือน มีตำแหน่งเป็ฮูหยินของผู้นำตระกูล แต่นางก็รู้เกี่ยวกับการสอบเข้ารับราชการมากอยู่
สี่ตำราได้แก่ หลุนอวี่ (ตำรามหาบุรุษ) เมิ่งจื่อ (ตำราบันทึกคำสอนระหวางเมิ่งจื่อกับศิษย์) ต้าเสวีย (ตำรามหาบุรุษ) และจงยง (ตำราทางสายกลาง) คือตำราหลักสำหรับการสอบเข้ารับราชการในแคว้นเว่ย
สี่ตำราไม่เคยเรียน แค่จะสอบสนามแรกระดับอำเภอก็ไม่ผ่านแล้ว
นอกเหนือจากสี่ตำรา ยังต้องศึกษาซือจิง (คัมภีร์กวี) ซ่างซู (คัมภีร์ประวัติศาสตร์) หลี่อี้ (คัมภีร์จารีตประเพณี) อี้จิง (คัมภีร์โหราศาสตร์) และชุนชิว (คัมภีร์บันทึกพงศาวดาร) โดยเลือกหนึ่งในนี้มาเป็เล่มหลัก… สี่ตำรา ห้าคัมภีร์คือความรู้ที่จะต้องทดสอบในการสอบเข้ารับราชการของแคว้นเว่ย!
ด้วยระดับของเฉิงชิงในตอนนี้ อย่าว่าแต่จะเข้าร่วมการสอบรับราชการเลย แม้แต่การสอบเข้าสถานศึกษาประจำตระกูลเฉิง ‘สถานศึกษาหนานอี๋’ ก็สอบไม่ผ่าน
นางหลี่กังวลใจแทน ส่วนตัวเฉิงชิงเองกลับเป็คนมองโลกในแง่ดีมาก
“ท่านย่าขอรับ ยามนี้เดิมยังเป็่ไว้ทุกข์ ข้าวางแผนจะเก็บตัวท่องตำราอยู่ภายในบ้าน จะได้สอบผ่านการสอบเข้าเรียนของสถานศึกษาเร็วขึ้นหน่อย”
นางไม่เคยร่ำเรียนสี่ตำราห้าคัมภีร์มาก่อน แต่เฉิงชิงไม่กลัวที่จะเริ่มเรียนั้แ่ต้น นางไม่ยินยอมจะใช้ชีวิตอย่างสามัญชน กลับ้าจะเป็ผู้ที่อยู่เหนือเหล่าผู้คน จึงเป็ธรรมดาที่จะยอมทุ่มเทเพียรพยายามเพื่อการนี้!
นางหลี่มิอาจขัดขวางความกระตือรือร้นของนางได้ ระหว่างมอบของขวัญพบหน้าให้เฉิงชิงจึงเพิ่มตำราให้อีกหลายเล่ม
การพบกันในครั้งนี้ั้แ่ต้นจนจบ เฉิงชิงไม่ได้ถามซักไซ้เกี่ยวกับความคืบหน้าของราชสำนักเลย แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อคนในตระกูลว่าจะออกหน้าแทนเฉิงจือหย่วนอย่างเต็มที่
แน่นอนว่านางหลี่ก็ไม่ได้ละเลยนางหลิ่ว ชักชวนนางหลิ่วพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตประจำวันภายในบ้าน รวมถึงการวางแผนให้กับพี่สาวทั้งสามของเฉิงชิง
เมื่อได้ยินว่าบุตรสาวคนโตตระกูลเฉิงได้หมั้นหมายไว้นานแล้ว ทั้งยังจะแต่งให้กับญาติผู้พี่ของครอบครัวตนเอง นางหลี่ก็พยักหน้า
“ตระกูลฉีไม่เลวเลย”
ปีนั้นเฉิงจือหย่วนยังอายุน้อยและมีชื่อเสียง เป็ความหวังของคนในตระกูล นางจูมารดาเลี้ยง้าที่จะยื่นมือเข้ามายุ่งเื่การหมั้นหมาย แต่กลับถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด สุดท้ายจึงไปสู่ขอบุตรสาวตระกูลฉี ตระกูลฉีแม้จะเทียบกับตระกูลเฉิงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ห่างชั้นกันมากนัก หากบุตรสาวคนโตตระกูลเฉิงสามารถแต่งกลับเข้าไปในตระกูลฉีได้ก็ถือว่าเป็ตัวเลือกที่ดีมากในยามนี้
“เื่บุตรสาวอีกสองคน เ้าก็ไม่ต้องกังวลใจไป พวกนางอายุยังน้อย สองปีนี้ข้าจะดูแลแทนพวกนางไปก่อน พอออกทุกข์แล้วค่อยมาดูตัวอีกที”
เมื่อ่ไว้ทุกข์สิ้นสุด ราชสำนักย่อมมีข้อสรุปต่อคดีของเฉิงจือหย่วนแล้วเป็แน่ เฉิงจือหย่วนมีโทษหรือบริสุทธิ์นั้นมีผลกระทบต่อการออกเรือนของบุตรสาวคนรองและคนที่สามเป็อย่างยิ่ง
แน่นอน หากตัดสินว่าเฉิงจือหย่วนบริสุทธิ์ แม้เดิมทีบุตรสาวคนรองและบุตรสาวคนที่สามจะไม่มีความเป็ไปได้ที่จะสามารถแต่งเข้าตระกูลใหญ่ แต่ก็พอจะแต่งเข้าตระกูลแม่ทัพที่รองลงมาได้… เด็กสาวอ่อนวัยทั้งสองช่างน่าสงสาร บิดาจากไปแล้ว น้องชายก็ยังเล็ก ทั้งคู่มิอาจเป็ที่พึ่งให้ได้
แต่หากเฉิงชิงเป็ผู้ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ยามเมื่อบุตรสาวคนรองและบุตรสาวคนที่สามดูตัวก็ย่อมได้รับคุณวุฒิแล้ว นางจะมีอนาคตข้างหน้าที่สวยงามรออยู่ เื่การออกเรือนของพี่สาวทั้งสองก็ย่อมจะพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย
นางหลี่ยังชวนให้ทั้งสองแม่ลูกอยู่ทานข้าวด้วยกัน เฉิงชิงปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง บอกต้องกลับบ้านเก็บตัวอ่านตำรา
เมื่อทั้งสองแม่ลูกจากไปแล้ว นางหลี่ก็กลับยังห้องหลักภายในเรือนใน
ห้องหลักคือสถานที่ที่นายท่านห้าเฉิงและนางหลี่อาศัยอยู่ เฉิงชิงมาพบนายท่านห้าแต่ถูกแจ้งว่านายท่านห้าไม่อยู่ภายในบ้านนั้น แท้จริงแล้ววันนี้ชายชราไม่ได้ออกนอกประตูเลยทั้งวัน
อย่างไรเสียบ้านห้าก็มีห้องหับมากมาย หากเขาไม่้าพบคน แขกก็ไม่อาจเข้าไปหาที่ละห้องเพื่อนำตัวเขาออกมาได้
เมื่อเห็นนางหลี่อารมณ์ดี นายท่านห้าจึงหัวเราะ
“เ้าดูค่อนข้างชอบบุตรชายตัวน้อยคนนี้ของเฉิงจือหย่วนสินะ?”
นางหลี่มิได้เอ่ยตอบคำถามของสามีในทันที แต่กลับเปิดกล่องขนมที่พวกเฉิงชิงแม่ลูกนำมา ภายในมีของว่างและผลไม้เชื่อมซึ่งมาจากร้านเก่าแก่ในอำเภอหนานอี๋ ถึงแม้ครอบครัวของเฉิงชิงไม่อาจมอบของขวัญล้ำค่าให้ได้ แต่มอบของว่างให้แทนก็ไม่ได้แย่นัก
นางหลี่ปิดกล่องขนม รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
“ท่านให้คนไปจัดเตรียมที่อยู่เล็กขนาดนั้นในตรอกหยางหลิ่ว ข้าก็นึกว่าแม่ลูกสองคนนี้จะมาบ่นถึงความยากลำบากถึงที่ ไหนเลยจะรู้ว่านอกจากจะไม่ยกขึ้นมาแล้ว ยามกลับมายังอำเภอหนานอี๋ แม้แต่บ่าวรับใช้ก็ไม่มี พวกเื่ซักผ้า ทำอาหารล้วนต้องให้บุตรสาวทั้งสามที่นางหลิ่วพามาลงมือทำเอง จือหย่วนออกจากบ้านไปอยู่ต่างถิ่นตั้งสิบกว่าปีแล้ว ทั้งยังได้เป็ถึงนายอำเภอ ไฉนครอบครัวถึงได้ยากจนถึงเพียงนี้?”
นางหลี่ผู้เป็ภรรยาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทำให้เขานึกขึ้นมาได้ถึงลักษณะนิสัยของเฉิงจือหย่วนผู้เป็หลานชาย
คนบางคนก็มีเหตุผลว่าทำไมถึงยากจน
เฉิงจือหย่วนมีชื่อเสียงั้แ่อายุยังน้อย แต่เพราะว่ามีบุคลิกแข็งกร้าว จึงได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างไม่คุ้มค่า ลุ่มๆ ดอนๆ ได้สิบกว่าปีจึงค่อยได้เป็นายอำเภอขั้นเจ็ด นายท่านห้าไม่เห็นด้วยกับการแข็งข้อเมื่อปีนั้นของเฉิงจือหย่วนอย่างยิ่ง
ส่วนเฉิงชิงนั้น นายท่านห้าตัดสินใจจะค่อยๆ ดูไปก่อน ยามนี้ดูแล้วมีความฉลาดหลักแหลม แต่จะประสบความสำเร็จด้านการเรียนหรือไม่นั้นเขาก็ยังไม่แน่ใจ
“ยามนี้จือหย่วนมีมลทินเื่ยักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ หากนางหลิ่วพาเฉิงชิงกลับมาหนานอี๋ อาศัยอยู่ในเรือนหลังใหญ่โตพร้อมข้าทาสบริวาร อีกทั้งจัดการขายทรัพย์สินมากมาย ก็ถือเป็การกระทำที่ขาดหัวคิดเกินไปแล้ว เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ครอบครัวเขาดูยากจนสักหน่อยจึงจะดี พวกเราไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าจะจนจริงหรือแกล้งจน ในเมื่อแม่ม่ายบุตรกำพร้ากลับมาหนานอี๋ คนในครอบครัวอย่างไรก็ย่อมต้องดูแล”
นางหลี่พยักหน้า “เฉิงชิงไปเรียนที่สถานศึกษาก็ไม่เลว หากมีความฉลาดหลักแหลมก็ถือว่าตระกูลเฉิงได้ประโยชน์”
นายท่านห้าและนางหลี่ไม่ได้มีความคิดที่จะกดดันเฉิงชิง บุตรหลานในตระกูลมีอนาคตไกล ตระกูลนั้นก็จะยิ่งเจริญรุ่งเรือง
หากบุตรหลานในตระกูลล้วนเป็พวกคนไร้ค่าที่วันๆ ไม่ทำงานทำการอะไร ความรุ่งเรืองในยามนี้ก็จะเป็เพียงดอกถานฮวาชั่วข้ามคืน[1] ไม่มีผู้สืบทอดต่อ ตระกูลก็จะตกต่ำอย่างรวดเร็ว!
บ้านห้าและครอบครัวของเฉิงชิงไม่มีความขัดแย้งเื่ผลประโยชน์ พวกเขาสองสามีภรรยาก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร ย่อม้าให้เฉิงชิงได้ดี
แต่ฝ่ายบ้านรองนั้นกลับตรงข้าม
นางหลี่เม้มริมฝีปาก ได้ยินมาว่าพี่สะใภ้รองเรียกครอบครัวของเฉิงชิงไปหาที่บ้านเดิมเมื่อสองวันก่อน ไม่รู้ว่าได้สร้างความลำบากใจให้สี่แม่ลูกหรือไม่
เป็พี่สะใภ้น้องสะใภ้กันมาหลายปี นางย่อมเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจูไม่ใช่คนดีอะไร
ทว่า เฉิงชิงไม่เคยร่ำเรียนสี่ตำราห้าคัมภีร์มาก่อน จะสามารถสอบผ่านการสอบเข้าเรียนของสถานศึกษาได้หรือไม่นั้นก็ยังไม่อาจรู้ได้!
หวังว่าเด็กคนนั้นจะได้รับการสืบทอดพร์ด้านการเล่าเรียนของเฉิงจือหย่วนมาบ้าง
หลังจากออกจากบ้านห้า นางหลิ่วพลันรู้สึกดีขึ้นมาก
“คนในตระกูลคิดไม่เหมือนกับข้า บิดาเ้าไม่ได้กลับอำเภอหนานอี๋มาหลายปีแล้ว ข้ายังคิดอยู่เลยว่า…”
“ท่านคิดว่าคนในตระกูลเป็คนใจไม้ไส้ระกำกันทั้งหมด อาจจะข่มเหงรังแกพวกเราทั้งครอบครัวเช่นนั้นหรือ?”
การถามกลับของเฉิงชิงทำให้นางหลิ่วรู้สึกอับอาย แต่นางคิดเช่นนี้จริงๆ โดยเฉพาะเมื่อบ้านรองปฏิเสธที่จะให้โลงศพของเฉิงจือหย่วนเข้าประตู นางหลิ่วจึงมีความประทับใจที่ไม่ดีต่อตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋เป็อย่างมาก
ทว่า นายท่านห้าเฉิงกลับจัดการเื่ราวอย่างยุติธรรม ส่วนนางหลี่วันนี้ก็ปฏิบัติต่อพวกนางแม่ลูกอย่างดี มองไปทั้งยาและหนังสือ นางหลิ่วรู้สึกว่าตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋แตกต่างกับที่นางคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
ตระกูลเฉิงอยู่รวมกันทั้งตระกูล หากพวกนางสองแม่ลูก้ากลับไปยังตรอกหยางหลิ่วก็จำเป็ต้องผ่านหน้าประตูบ้านรองซึ่งเป็บ้านเดิม สองแม่ลูกไม่ได้คิดที่จะไปรบกวนคนของบ้านเดิมเพราะพวกนางไม่อยากก่อเื่ แต่เื่กลับมาหาพวกนางถึงที่
เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งควบม้ามาจากทางถนนใหญ่ ผู้คนหลีกหนีอุตลุดตลอดทาง นางหลิ่วที่ยืนอึ้งจนเกือบถูกม้าตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาชน เฉิงชิงรีบดึงตัวนางหลิ่วเข้ามาหลบ ของที่ฮูหยินหลี่มอบให้ร่วงกระจัดกระจายลงพื้น
เกือกม้าเกือบจะเหยียบไปบนใบหน้าของเฉิงชิง คนขี่ม้าถึงได้ค่อยกระชากบังเหียน
นางหลิ่วใจนหน้าซีด พอได้สติก็รีบไปเช็ดแขนและมือของเฉิงชิง
ทว่าคนขี่ม้ากลับไม่สนใจ หันไปมองสมุนไพรและตำราที่ร่วงหล่นบนพื้น แล้วจึงหันหน้ากลับมาหัวเราะเยาะเย้ยกับสหาย
“เฉิงกุย มีคนมารีดไถที่บ้านเ้าอีกแล้ว!”
[1] ดอกถานฮวาชั่วข้ามคืน หมายถึง่เวลาที่สวยงามมักจะคงอยู่ไม่ยาวนาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้