มู่เฉิงอินมองไปที่ฮวาเหยียน ดวงตาของนางจริงจังเป็อย่างยิ่ง
เดิมทีนางไม่ใช่คนที่มักจะประหม่า แต่สตรีตรงหน้าได้เรียกขานนางว่าพี่สะใภ้มู่ นางจึงตอบกลับด้วยคำว่าน้องหญิงมู่ตามที่มู่เสวียนเย่เรียก
ทว่าเมื่อเสียงเงียบลง ฮวาเหยียนกลับแย้มยิ้มออกมา ทั้งยังขยิบตาให้นางอีกด้วย
ท่าทางอันคุ้นเคยพาให้มู่เฉิงอินงงงวย
น้องหญิงมู่ผู้นี้ เอ่อ...คือ?
“มู่อันเหยียน? คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่?”
ชั่วพริบตานั้นฉู่รั่วหลานเป็คนแรกที่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ตอนแรกนางถูกความงามของฮวาเหยียนดึงดูดจนตื่นตะลึงไปทั้งร่าง ฮวาเหยียนมีรูปโฉมงดงามอย่างแท้จริง หากตัวนางสามารถมีรูปลักษณ์สง่างามเช่นนี้ได้ นางยังต้องกังวลว่ามู่เสวียนเย่จะไม่หลงรักนางอีกหรือ?
เมื่อได้ยินเสียงสนทนาโดยรอบ ฉู่รั่วหลานพลันตอบสนองและพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินเสียงของฉู่รั่วหลาน ดวงตาของฮวาเหยียนพลันเย็นเฉียบ นางหันกลับมา เชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย เหยียดสายตามองไปยังฉู่รั่วหลาน เป็องค์หญิงโง่งมผู้นี้ที่สาดโคลนใส่พี่ใหญ่ ทำลายชื่อเสียงของพี่ใหญ่หรือ?
“เป็ข้าเอง มีอันใดหรือ?”
ฮวาเหยียนขานรับ
ทันทีที่นางพูดจบ สายตาของคุณชายรอบตัวก็ยากจะปกปิดสีสันหลากหลายที่ปรากฏขึ้นในแววตา เมื่อฝูงชนเห็นการยอมรับของนาง พลันหันไปกระซิบกระซาบเอาศีรษะแนบชิดใบหูต่อกันทันที
“นางคือแม่นางมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่จริงๆ ด้วย สตรีสำส่อนอันดับหนึ่ง มั่วโลกีย์ในหอนางโลมและให้กำเนิดบุตรที่มิรู้ว่าผู้ใดเป็บิดา พวกเ้าลืมสิ้นแล้วหรือ? หน้าตางดงามแล้วมีประโยชน์อันใด?”
“ก็มิใช่เสียทีเดียว มีผู้ใดรู้เื่ราวที่เกิดขึ้นจริงเมื่อสี่ปีก่อนบ้าง?”
“เหตุใดข้าจึงได้ยินมาว่าบุตรชายของนางเป็ลูกชายของคุณชายน้อยตระกูลเจียงเล่า?”
ทันใดนั้นก็เกิดการถกเถียงขึ้น เสียงดังวุ่นวายเป็อย่างยิ่ง ทว่าทุกสายตากลับติดตรึงอยู่บนร่างของฮวาเหยียน มีทั้งเย้ยหยัน สำรวจ รอชมเื่สนุก หลากหลายมากมายนัก
“พอได้แล้ว พวกเ้าพูดเสร็จหรือยัง?”
เสี้ยวหน้าของมู่เฉิงอินเย็นะเื นางได้ยินเสียงเยาะเย้ยทั้งหมด เห็นสตรีที่มีใบหน้าเฉยชายืนอยู่ตรงนั้น อีกฝ่ายต้องรับฟังคำถากถางจากทั่วสารทิศ หัวใจของนางพลันขมวดเป็เกลียว
เหตุใดคนเหล่านี้จึงล้ำเส้นได้ถึงเพียงนี้!
คำกล่าวที่ว่า ลิ้นคนดั่งดาบ ฆ่าคนไร้โลหิต [1] คงหมายถึงเช่นนี้กระมัง คนพวกนี้จะรู้อันใด? ความจริงเมื่อสี่ปีก่อนล้วนยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ทั้งสิ้น แต่กลับแพร่กระจายข่าวลือ และข่าวลือนั้นก็ไม่น่าฟังอย่างยิ่ง
นางหอบหายใจถี่ ความโกรธเพิ่มขึ้นอีกระดับ
ใบหน้าของมู่เสวียนเย่เปี่ยมด้วยจิตสังหาร ใช้ดวงตากวาดมองเ้าของวาจาเ่าั้อย่างเ็า ทว่าคนมีมากเกินไป เขาไม่สามารถหุบปากของทุกคนได้ หัวใจของเขาเครียดเขม็ง น้องสาวที่น่ารักดั่งนาง์ของเขา ต้องกล้ำกลืนฝืนทนมากมายเพียงใดกัน
น้องสาวผู้แสนดีของเขา เหตุใดต้องมาฝืนทนต่อคำหยาบคายเหล่านี้ด้วย
เขา้าฆ่าคน ปรารถนาจะะเิโทสะถึงระดับที่มิอาจควบคุมได้อีก
การปกป้องจากมู่เฉิงอินกับมู่เสวียนเย่สะท้อนอยู่ในดวงตาของฮวาเหยียนทั้งหมด คำเยาะเย้ยและวาจาดั่งยาพิษของคนเหล่านี้ นางล้วนมิได้นำมาใส่ใจเลยสักนิด ทว่านางกลับรับรู้ถึงความเ็ปที่ปรากฏในแววตาของมู่เสวียนเย่กับมู่เฉิงอินได้
ทั้งสองเศร้าและเสียใจเป็อย่างยิ่ง
เวลานี้เองที่ฮวาเหยียนตระหนักได้ว่ามีบางเื่ที่นางมิจำเป็ต้องนำมาใส่ใจ แต่คนในครอบครัวของนางกลับรับมันไว้และถูกทำร้ายซ้ำๆ แทนนาง
ตราบใดที่มีคนเอ่ยถึงเื่นี้ ทุกคนในตระกูลมู่ล้วนรู้สึกเ็ป
ดังเช่นท่านพ่อมู่ พี่ชายใหญ่ และพี่สะใภ้มู่
พวกเขารู้สึกเ็ปในสิ่งที่นางต้องพบเจอ และเสียใจกับอดีตที่ผ่านไปแล้วของนาง
พวกเขามิอาจรับไหว และนางเองก็โศกเศร้าเป็อย่างยิ่ง
ฉะนั้นไม่ว่าจะเพื่อตนเองหรือทุกคนในตระกูลมู่ นางต้องแก้ไขชื่อเสียงของตนให้จงได้
เมื่อสี่ปีก่อน เกิดเื่อันใดขึ้นกับมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ นางมิอาจยื่นมือเข้าสืบหา ดังนั้นนางจึงมิทราบว่าความจริงเป็เยี่ยงไร สุดท้ายจึงไร้วิธีเปิดปากแก้ต่าง เช่นนั้นเมื่อคำพูดมิอาจแก้ไขเื่ราวให้กลับกลายเป็ดีได้ ยามนี้จึงมีเพียงพละกำลังและวิทยายุทธ์เป็หนทางในการแก้ไขปัญหาแทน
ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป นางจะทำให้ทุกคนที่เอ่ยถึงมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ได้รู้ ไม่ว่าจะเื่ที่เกิดขึ้นในหอนางโลมเมื่อสี่ปีก่อน ไม่ว่าจะเื่ที่นางเป็สตรีสำส่อนจนถูกถอนหมั้น ไม่ว่าอย่างไร...
ไม่ว่าผู้ใดล้วนมิอาจยั่วโมโหคุณหนูตระกูลมู่ได้อีกแล้ว!
“แน่นอนว่ายังไม่พอ คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่เป็ดั่งดอกน้ำหยาง [2] ทำอันใดตามใจตนเอง ไม่มีวินัย เื่เหล่านี้คนทั้งต้าโจวล้วนรู้กันดี เหตุใดจึงห้ามให้คนพูดเล่า เหอๆ”
ฉู่หลิวซวงเอ่ยพลางหัวเราะเสียงเบา
จากนั้นสายตาของฮวาเหยียนพลันตกลงบนร่างของนาง
ดวงตาคู่นั้นเ็าราวกับมีด แสดงความกระหายในโลหิต
หัวใจของฉู่หลิวซวงเต้นแรง นางััได้ถึงอันตรายจากจิตใต้สำนึก ทันทีที่ฝีเท้าขยับจะก้าวถอย พริบตาต่อมาพลันเห็นการลงมือที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด ประกายสีเงินวาบผ่านสายตาของทุกคน พวกเขาเห็นเพียงฮวาเหยียนที่ขมวดคิ้วดุดัน กริชเงินในมือของนางพุ่งตรงไปยังใบหน้าของฉู่หลิวซวง
เหวอ…
กรี๊ด
มีทั้งคนที่ร้องอย่างตื่นตระหนก และคนที่หลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวซวงใเป็อย่างยิ่ง นางไม่นึกว่าฮวาเหยียนจะไม่แม้แต่ส่งคำเตือนก็ลงมือทันที ทั้งยังกระทำในที่สาธารณะต่อหน้าฝูงชน
นางไม่มีที่ให้หลบนอกจากต้องะโพลิกตัวกลับ นางเป็ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นที่สิบเอ็ด ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว การโจมตีก็รวดเร็วเช่นกัน แส้ยาวถูกกระชากออกมาจากเอวของนางและฟาดไปทางฮวาเหยียนด้วยความรุนแรง
“อ๊ะ ระวัง!”
“ถอยหลัง ถอยหลังเดี๋ยวนี้!”
เนื่องจากเกิดการต่อสู้อย่างกะทันหัน ฝูงชนจึงถอยหลบทันทีเพราะเกรงว่าตนเองจะได้รับผลกระทบ เมื่อพวกเขาเห็นฉู่หลิวซวงดึงแส้ยาวของนางออกมา พลังลมปราณขั้นที่สิบเอ็ดหลั่งไหล ทุกคนพลันกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกด้วยแววตาเร่าร้อน
นี่คือหนึ่งในสตรีสูงศักดิ์ ผู้ทรงพลังที่สุดแห่งต้าโจว
เป็ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นสิบเอ็ดเชียวนะ!
มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ไม่ประมาณกำลังของตนเอง สมองพังทลายกลับกลายเป็ความโกรธ ใช้กริชลอบทำร้ายจวิ้นจู่ จุดจบย่อมอนาถเป็แน่...
ผู้ชมโดยรอบล้วนถอยห่าง ทว่าดวงตาทุกคู่กลับเบิกกว้าง ไม่ยอมละออกไปแม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตาม ชั่วพริบตาต่อมาจู่ๆ ก็มีเสียงของผู้ใดไม่รู้อุทานขึ้น
“สีส้ม พลังปราณสีส้ม...”
เห็นเพียงคิ้วและดวงตาของฮวาเหยียนขมวดแน่น แววตาไร้ความรู้สึก นางเหาะขึ้นฟ้า กดข่มฉู่หลิวซวง อีกทั้งรอบกายของนางยังถูกห่อหุ้มด้วยชั้นพลังปราณสีส้มอ่อน หนึ่งวง สองวง...
พลังปราณสีส้ม แสดงถึงวรยุทธ์ระดับปรมาจารย์
วงสองวง แสดงถึงปรมาจารย์ขั้นที่สอง
“์ทรงโปรด มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่เป็ปรมาจารย์ขั้นที่สอง...”
มิรู้ว่าเป็ผู้ใดะโขึ้น
จากนั้นทุกคนก็เห็นฮวาเหยียนเพียงยกมือคว้าแส้ยาวที่ฉู่หลิวซวงเหวี่ยงออกไป ทั้งพลังปราณของฉู่หลิวซวงยังมิอาจเข้าใกล้เพื่อโจมตีฮวาเหยียนได้แม้แต่น้อย ทว่ากลับถูกฝ่ามือของนางตบเข้าหนึ่งฉาด
ฮวาเหยียนคว้าแส้ยาวและดึงออกจากมือของฉู่หลิวซวง ก่อนจะฟาดมันออกไปทันที
ได้ยินเพียงเสียงของฉู่หลิวซวงกรีดร้อง แส้ยาวฟาดเข้าที่ใบหน้าของนางอย่างโหดร้าย ทำให้ร่างของนางกระเด็นออกไป กระแทกกับเสาของโรงน้ำชาเสียงดัง ทั้งยังกลิ้งอยู่บนพื้นหลายตลบ
ฮวาเหยียนเหาะลงมาจากฟ้า กระโปรงยาวของนางโบยบิน เส้นผมสีหมึกปลิวไสว ทั้งร่างราวกับนางเซียนจาก์เก้าชั้น เพียงแต่ดวงตาของนางเ็าสูงส่ง
นี่คือการจ้องมองของผู้แข็งแกร่ง ห่างเหิน และดูถูกสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
เท้าของนางแตะพื้น ยืนอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวซวง มองอีกฝ่ายจากที่สูง
ยามนี้ฉู่หลิวซวงนอนหมอบอยู่บนพื้นด้วยความอับอาย แส้ยาวของนางถูกโยนลงที่ปลายเท้า ใบหน้าปรากฏรอยแผลจากแส้ โลหิตไหลริน
ฉู่หลิวซวงดูโง่เง่าเป็อย่างยิ่ง นางไม่รู้สึกเ็ป ในหัวของนางมีเพียงเสียงเดียวดังก้อง มู่อันเหยียนอยู่ระดับปรมาจารย์
นางภาคภูมิใจในความสามารถของตน ขาดอีกเพียงก้าวเดียวนางก็แตะถึงระดับปรมาจารย์แล้ว...
ทว่ามู่อันเหยียนกลับเป็ถึงปรมาจารย์ขั้นที่สอง!
เวลานี้ฮวาเหยียนโน้มกายลงเล็กน้อย นางเป็สตรีที่งดงาม ไม่ว่ากระทำกิริยาใดล้วนสง่างามเป็อย่างยิ่ง เห็นนางแย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยว่า “จวิ้นจู่ฉู่ ถ้อยคำด่าทอที่ท่านเอ่ยเมื่อครู่ข้าได้ยินไม่ชัด ลำบากท่านเอ่ยอีกสักคราได้หรือไม่?”
เชิงอรรถ
[1] ลิ้นคนดั่งดาบ ฆ่าคนไร้โลหิต 舌上有龙泉, 杀人不见血 (Shé shàng yǒu lóngquán, shārén bùjiàn xiě) เปรียบเปรยถึง คำพูดธรรมดาๆ อาจทำให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงต่อผู้อื่นได้
[2] ดอกน้ำหยาง 水性杨花 (Shuǐ xìng yáng huā) หมายถึง ผู้หญิงใจง่าย ไร้ค่า ใจโลเล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้