“ท่านพ่อมาทำอันใดหรือเ้าคะ?” เวินซีเอ่ยถามด้วยแววตาที่สงบนิ่ง ไร้ซึ่งความสั่นไหวใดๆ
“เวินซี วันนี้พ่อมารับเ้ากลับตระกูลเวิน อย่างไรเสียเ้าก็เป็บุตรสาวของพ่อ...”
“ชื่อเสียงของข้าป่นปี้เกินไป ไม่คู่ควรกับฐานะบุตรสาวของตระกูลเวินหรอกเ้าค่ะ” เวินซีเอ่ยพลางรินชาร้อนถ้วยหนึ่ง
“เื่นั้นเป็ความเข้าใจผิดกัน เ้าเป็บุตรสาวแท้ๆ ของข้า เ้ากลับบ้านนะ พ่อจะช่วยล้างมลทินให้เ้าเอง หากต่อไปมีผู้ใดกล้าว่าเ้า พ่อจะสั่งสอนมันให้เอง”
เวินอวิ๋นโปกระตือรือร้นที่จะพาเวินซีกลับไป เพราะรู้สึกว่ายิ่งนางอยู่ข้างนอกจวนนานเท่าไร เม็ดเงินของตระกูลเวินก็ยิ่งรั่วไหลออกไปมากขึ้นเท่านั้น
“เช่นนั้นท่านก็ทำให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิดเ้าค่ะ ศพของท่านแม่ยังอยู่ในป่ารกร้างด้านนอกนั่น ข้ายังไม่เห็นความจริงใจของท่านพ่อแม้เพียงสักนิด” เวินซีจิบชาพลางเอ่ยประชดประชัน
“เื่นี้...” เวินอวิ๋นโปชะงักไป เมื่อเห็นดวงตาเ้าเล่ห์ของนางก็เดาได้ว่านาง้าสิ่งใด เขาจึงเอ่ยต่ออย่างไม่รู้สึกอาย “ข้ากับนางรักกันมานาน เื่ของนางในครานี้ ข้าก็รู้สึกผิดมาตลอด เวลานี้เมื่อรู้แล้วว่าเป็เื่เข้าใจผิด ข้าก็จะทำป้ายให้นาง เขียนชื่อนางลงในรายชื่อลำดับวงศ์ตระกูล ข้าจะทำป้ายให้นางที่ห้องบรรพบุรุษ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เวินซีก็ละสายตาออกมาด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยตอบ “เช่นนั้นท่านพ่อไปทำให้เสร็จก่อนค่อยมาหาข้าเถิดเ้าค่ะ”
“ได้สิ” เวินอวิ๋นโปกัดฟันแล้วหันหลังเดินฮึดฮัดจากไป
เมื่อส่งเขาออกไปแล้ว เวินซีถึงได้ถอนหายใจ ในเมืองนี้มีความเชื่ออย่างหนึ่งคือหากสตรีใดไม่มีชื่อในลำดับวงศ์ตระกูลหรือป้ายที่โถงบรรพบุรุษ จะกลายเป็สัมภเวสีเร่ร่อนที่โดดเดี่ยวและไม่อาจไปเกิดใหม่ได้
เวินซีคิดว่าในเมื่อตนเองได้ทุกอย่างของเ้าของร่างเดิมแล้ว ย่อมทอดทิ้งเวินอี๋เหนียงไว้มิได้ ถือว่านางทำให้เ้าของร่างเดิมจะได้จากไปอย่างสงบ
ทางด้านของเวินอวิ๋นโป ด้วยความเร่งรีบที่อยากจะพาเวินซีกลับมาเพื่อให้ตระกูลเวินหลุดพ้นจากความยากลำบาก เขาจึงปรึกษาเื่นี้กับทุกคนทันทีที่กลับถึงจวน
ฮูหยินใหญ่เวินเป็คนแรกที่ลุกขึ้นคัดค้าน นางคุกเข่าลงกับพื้นพลันร้องไห้ฟูมฟาย
“นายท่าน ท่านเสียสติไปแล้วหรือเ้าคะ! ท่านจะไปฟังนางชั่วเวินซีได้อย่างไร? พวกเขาต่างหากที่ทำผิดต่อท่านก่อนแท้ๆ เวลานี้ยังกล้าต่อต้านตระกูลเวินอย่างไร้สำนึกอีก หากปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไป แล้ววันหนึ่งพวกเขาขึ้นขี่หัว ท่านจะทำอย่างไรล่ะเ้าคะ?” ฮูหยินใหญ่เวินกล่าวด้วยความโมโห พลันเอ่ยเสริมอีกว่า
“พวกเขามิได้เห็นนายท่านอยู่ในสายตาเลย นายท่านอย่าได้หลงกลเชียวนะเ้าคะ”
เวินอวิ๋นโปตบโต๊ะเสียงดังพลันหันไปมองนางอย่างไม่พอใจ “ข้าตัดสินใจแล้ว เ้าไม่จำเป็ต้องพูดอีก”
ทุกสิ่งที่เขาทำในตอนนี้ก็เพื่อตระกูลเวิน คำพูดที่ฮูหยินใหญ่เวินกล่าวออกมา ในสายตาของเขามันเป็เพียงการมองปัญหาในแบบสตรีก็เท่านั้น
“ทำตามที่ข้าบอก หากเ้าเห็นต่างก็ออกไปเสีย!”
เวินอวิ๋นโปพูดจบก็ลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป ทิ้งให้ฮูหยินใหญ่เวินขุ่นเคืองอยู่นาน
เวินเยียนซึ่งเป็บุตรสาวของนางเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปปลอบใจมารดา “ท่านแม่ ไม่ต้องรีบร้อนนะเ้าคะ เื่นี้ท่านว่าตามท่านพ่อไปก่อน อย่าได้หมางเมินต่อกันเลยเ้าค่ะ”
“ลูกข้า เ้าบอกสิว่าต้องทำอย่างไร? หากวันนี้ข้าปล่อยให้นางชั่วนั่นทำตามใจจริงๆ แล้ววันหน้านางได้กลับมา จะไม่ขึ้นขี่หัวข้าแล้ววางอำนาจบาตรใหญ่เลยหรือ!”
เวินเยียนยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ พยุงมารดาขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ท่านแม่ ท่านคิดว่าหากร้านของเวินซีทำคนตายไป ท่านพ่อจะยังรับนางกลับมาหรือไม่เ้าคะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของฮูหยินใหญ่เวินพลันส่องประกาย ความหงุดหงิดใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หายไป จากนั้นนางก็เรียกคนรับใช้คนหนึ่งเข้ามาแล้วกระซิบสั่งความบางอย่าง
......
ตอนที่จ้าวต้านกลับถึงบ้าน เวินซียังไม่ได้เข้านอน ในห้องมีเทียนสองสามเล่มจุดอยู่
“เ้าทำสิ่งใดอีกน่ะ?” เขาเดินไปหานางหลังจากที่ล้างมือแล้ว
เวินซีหันไปมองแล้วเอ่ยว่า “ถอดเสื้อผ้าออกสิ”
“อะไรนะ?” จ้าวต้านถึงกับหยุดชะงักไป
ในขณะนั้นเองเอ้อเอ้อร์ก็วิ่งเต้นเข้ามาข้างกาย ยกมือขึ้นจะให้เขาอุ้มแล้วเอ่ยว่า “ท่านพี่ พี่สะใภ้ทำเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พวกเรา งามหรือไม่เ้าคะ?”
จ้าวต้านลดสายตาลงก็พบว่าเวินซียังถือเสื้อใหม่อยู่อีกหนึ่งตัว ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปาก นางก็โยนเสื้อตัวนั้นมาให้
“ซื้อสามแถมหนึ่ง เ้าของร้านขายผ้ายืนกรานนำผ้าผืนนี้ให้ข้า จะไม่รับมาก็กระไรอยู่ เ้านำไปสวมดูก็แล้วกัน หากไม่ชอบก็ทิ้งไปเถิด”
จ้าวต้านได้ยินดังนั้นก็เผยอริมฝีปาก ใช้มือลูบผ้าที่มีเนื้อััอ่อนนุ่ม ผ้าแบบนี้แค่มองดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้มีราคาถูก จะเป็ของที่แถมมาให้ได้อย่างไร?
นางช่างปากแข็งเสียจริงนะ ไม่ยอมรับว่าห่วงใยเขาท่าเดียว
หัวใจของจ้าวต้านพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาสังเกตเสื้อผ้าชุดนั้น สายตาที่มองนางก็เปลี่ยนไป แต่เป็ตัวเขาเองที่ไม่ทันรู้สึกถึงมัน
เช้าวันต่อมา ทันทีที่เวินซีตื่นขึ้นก็เห็นจ้าวต้านอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่เป็ชุดตัวใหม่ที่นางให้เมื่อวาน ใบหน้าของเขาดูเปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์
“ขอบคุณมาก พอดีตัวเลย ข้าชอบมาก” จ้าวต้านเอ่ยขอบคุณ
เวินซียิ้มพลางมองดูรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขายามที่สวมใส่ชุดตัวนี้ ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วเอ่ยว่า “พอดีตัวจริงๆ”
จากนั้นทั้งสองก็ไปที่โถงหน้าด้วยกัน ขณะนั้นจ่างกุ้ยได้เปิดประตูต้อนรับลูกค้าไว้แล้ว
สถานการณ์ภายในร้านเป็เช่นเดียวกับเมื่อวาน มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เวินซีได้จ้างคนรับใช้เพิ่มอีกสองสามคนเพื่อช่วยจัดการงานให้เป็ระบบระเบียบมากขึ้น
“ใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนก็จะทำให้ใบหน้าของข้าขาวขึ้นได้จริงหรือ?” ฮูหยินผู้หนึ่งที่สนใจเลือกซื้อยาผิวงามเอ่ยปากอย่างไม่อยากเชื่อ นางลูบใบหน้าของตน แต่สีหน้ากลับมีความเศร้าหมองเล็กน้อย
เวินซีเห็นดังนั้นก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไป
“ฮูหยินวางใจเถิดเ้าค่ะ หากใช้มิได้ผล เรายินดีคืนเงินเต็มจำนวนเ้าค่ะ”
ครานี้มิใช่เพียงแค่ฮูหยินผู้นั้น แต่หลายคนที่คอยดูเหตุการณ์อยู่ก็วางใจเช่นกัน พวกเขาแย่งกันซื้อสินค้าตัวใหม่ บรรยากาศภายในร้านจึงครึกครื้นไป่หนึ่ง
เพียงแต่ภาพนี้เมื่อตกอยู่ในสายตาของเวินเยียนที่นั่งอยู่บนเกี้ยวด้านนอก มันกลับเป็ภาพที่บาดตายิ่งนัก นางอยากจะเห็นเสียจริงว่าอีกเดี๋ยวเวินซีจะยังได้ใจอยู่อีกหรือไม่ นางจึงลดม่านลงด้วยสายตาเ็า
หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆ ก็มีคนกลุ่มใหญ่เดินมาที่ร้านของเวินซีด้วยความไม่พอใจ
“พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน มาดูนี่สิเ้าคะ เมื่อวานบุตรสาวของข้าได้ซื้อเครื่องหอมจากร้านนี้ แต่วันนี้...นางตายไปเสียแล้ว!”
จู่ๆ ก็มีสตรีนางหนึ่งมาคุกเข่าที่หน้าร้านและร้องไห้อย่างขมขื่น โดยมีศพที่คลุมด้วยผ้าขาววางอยู่ข้างๆ
จากนั้นผู้คนก็พากันมามุงดู ก่อนที่สตรีผู้นั้นจะเปิดผ้าขาวที่คลุมศพออก
“เมื่อวานบุตรสาวของข้ายังเป็ปกติดี แต่เพราะพ่อค้าชั่วร้านนี้ขายของปลอมให้นาง ทำให้นางต้องตาย”
“บุตรสาวผู้น่าสงสารของข้า เ้ายังอายุน้อยยิ่งนัก...” สตรีผู้นั้นยังคงโอดครวญไม่หยุดหย่อน
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ศพ ใบหน้านั้นมีหนองไหลเน่าเฟะอยู่เต็มไปหมดจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้ ฉับพลันนั้นก็มีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมา
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพที่น่าสลดใจนี้ก็พากันขยะแขยง ลูกค้าในร้านที่เดิมทีตั้งใจจะจ่ายเงินซื้อของก็พากันลังเลใจ เหลือบมองเวินซีแล้วนำยาผิวงามวางลงที่เดิม
สตรีผู้นั้นยังคงร้องไห้และโอดครวญต่อ “พ่อแม่พี่น้องช่วยข้าทวงคืนความยุติธรรมด้วยเถิดเ้าค่ะ! ครอบครัวของข้ายากจน แต่บุตรสาวของข้านั้นรักสวยรักงาม นางแอบเก็บเงินอยู่นานจนมาซื้อเครื่องหอมผิวงามของร้านนี้ ไม่คิดเลยว่าเมื่อใช้ไปแล้วใบหน้าของนางจะเริ่มเน่าจนรักษามิได้ นางได้แต่ร้องไห้และใช้โอกาสตอนที่พวกเราออกจากบ้านใช้เชือกผูกคอตาย”
สตรีผู้นั้นร้องไห้หนักยิ่งขึ้นเมื่อเอ่ยถึงเหตุการณ์นี้ เสียงคร่ำครวญของนางดังไปทั่วถนนหลายสาย
ลูกค้าส่วนใหญ่ของเวินซีเป็สตรีที่พอจะมองออกว่าเด็กสาวที่มีใบหน้าเน่าเฟะนั้นมีโครงหน้าที่ดี บางทีก่อนที่นางจะเสียโฉมไป นับว่าเป็เด็กสาวที่งดงามตามแบบฉบับเลยทีเดียว
“เถ้าแก่อยู่ที่ใด! นางต้องออกมาพูดกับพวกเราให้ชัดเจน เหตุใดยาผิวงามของนางถึงได้ทำให้คนเสียโฉม?!” ในขณะนั้นก็มีสตรีที่แต่งตัวหรูหรานางหนึ่งเดินออกมา
จ่างกุ้ยจึงรีบออกมาปกป้อง “คุณหนูซุน มันต้องเป็เื่ที่เข้าใจผิดแน่ๆ ขอรับ ยาผิวงามของเราไม่มีทาง...”
“หยุดพูดไร้สาระ เรียกเถ้าแก่ของพวกเ้าออกมา!”
ขณะเดียวกัน เวินเยียนที่กำลังดูความสนุกอยู่ด้านนอกก็ปิดม่านลงอย่างพอใจ เพราะนางรู้จักสตรีที่กำลังโวยวายอยู่ตอนนี้
นั่นคือบุตรสาวของเ้าอำเภอ เดิมทีก็ได้ชื่อว่าเป็สตรีที่รับมือได้ยากอยู่แล้ว เวินซีไปทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองก็ยังพอทน แต่หากเป็คุณหนูซุน เกรงว่านอกจากจะต้องปิดร้านแล้ว ยังต้องทนทุกข์กับทางการอีกน่ะสิ
นางอยากจะเห็นนัก เมื่อมีคุณหนูซุนออกโรงทั้งที เวินซีจะจัดการเื่นี้อย่างไร!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้