หลินฟู่อินหรี่ตามองนางอย่างเ็า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ป้าใหญ่ เก็บปากนั่นไว้จะดีกว่า ข้าเองก็เป็ลูกสาวของบ้านหลิน หากทำลายชื่อเสียงข้า เช่นนั้นลูกสาวทั้งสองของท่านก็จบสิ้นเช่นกัน”
“ลูกสาวข้าหรือ? ลูกข้าไม่เคยออกจากบ้านด้วยซ้ำ พวกนางต้องอยู่บ้านทำงานเย็บปักทุกวัน หากมีใครมาว่าร้ายพวกนาง ข้าจะตามไปฉีกปากมันเสีย!” จ้าวซื่อะโด้วยเสียงขุ่นมัว
แต่คำพูดของหลินฟู่อินก็ทำให้นางกลัวขึ้นมา
ในตอนที่นางยังเด็กและยังอยู่ที่บ้านแม่ สาวชาวบ้านคนหนึ่งที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยไปท้องกับคนต่างหมู่บ้านจนถูกโยนเข้ากรงหมู
แต่ไม่ใช่แค่นั้น พี่น้องในตระกูลเดียวกันกับนางก็ไม่อาจหาคู่ที่ดีได้ จนต้องไปแต่งกับบัณฑิตวัยสี่สิบห้าสิบ
แม้แต่หลานของนางที่ห่างกันหลายรุ่น ก็ยังไม่อาจหาคู่ที่ดีได้ หากมีคนชื่อเสียคนหนึ่งในตระกูลแล้ว มันจะส่งผลต่อทั้งตระกูลจริงๆ!
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งโกรธ จึงสาปส่งกลับไปพร้อมแก้มที่พองด้วยความโกรธ “เ้ามันตัวหายนะที่เกิดมาเพื่อทำร้ายบ้านเรา เ้าอยากให้ลูกข้าต้องมาซวยเหมือนเ้าใช่หรือไม่? พวกนางไปทำอะไรให้เ้าตอนไหนกัน? เ้ามันโหดร้ายนัก!”
หลินฟู่อินแค่นจมูก “ข้าไม่ได้อยากให้พวกนางต้องโชคร้าย แต่เป็เ้าต่างหากที่อยากให้พวกนางโชคร้าย!”
ดวงตาของจ้าวซื่อเบิกกว้างขึ้น ท่าทีเหมือนไม่เข้าใจ หลินฟู่อินจึงหยุดแล้วอธิบายอย่างชิงชัง “หากจะให้ข้ามีชื่อเสียเพราะเ้าก็แล้วแต่ พวกบ้านคนใหญ่คนโตที่ชอบพูดเื่กฎเกณฑ์โน่นนี่น่ะ ใส่ใจเื่แบบนี้มากเลยไม่ใช่หรือ”
จ้าวซื่ออึ้งไป
จะว่าไปมันก็จริง!
ไม่สิ ลูกๆ ของนางอยู่แต่บ้าน จะโดนหรือ?
“ใช่หรือไม่เล่า ย่า!” เ้าโตกว่า และเห็นอะไรมามากกว่าจ้าวซื่อ คงรู้ใช่หรือไม่ว่าหากเด็กสาวไม่เคยออกจากบ้านเลยมันจะเป็อย่างไร? ขอแค่มีสักคนในบ้านที่มีชื่อเสีย มันก็ส่งผลต่อการแต่งงานของคนทั้งบ้านทั้งนั้น!
“ท่านแม่?” จ้าวซื่อหันกลับไปมองอู๋ซื่ออย่างหวาดๆ แม่ของนางจะไม่เข้าข้างนางได้อย่างไรกัน?
สายตาชราของอู๋ซื่อจ้องนางแล้วกล่าว “ข้าบอกแล้วว่าให้หยุด ชื่อเสียงของลูกเ้าเป็เื่สำคัญมาก อีกอย่าง หากนังเด็กนี่มีชื่อเสียขึ้นมา ก็อาจจะส่งผลถึงเต๋าเหนียงและซิ่งเหนียงตระกูลป้าของเ้าด้วย อย่าพูดเื่นี้อีก”
อู๋ซื่อเองก็เหงื่อตก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งเศร้า
ต่อให้นางไม่สนเื่ชื่อเสียงลูกๆ ของจ้าวซื่อ แต่ลูกสาวคนเดียวของนางยังมีลูกสาวอีกสองคน นางต้องคอยวางแผนชีวิตให้หลานของนางด้วย!
หลินฟู่อินเห็นว่าแม้นังนี่จะบ้า แต่ก็ยังทำไปเพื่อบ้านใหญ่และบ้านของป้าที่นางไม่เคยพบ จึงรู้สึกดีกับนางขึ้นมาเล็กน้อย
แต่จ้าวซื่อยังไม่ยอมรับ นางยืดคอแล้วกล่าว “ตอนนั้นนังนี่โดนพวกกลุ่มคนชุดดำลักพาตัวไป แล้วกลับมาได้ในตอนหลัง ชื่อเสียงมันหมดไปั้แ่ตอนนั้นแล้ว ไม่เพียงคนในหมู่บ้านหูลู่จะเยาะเย้ยนางลับหลัง แต่คนหมู่บ้านอื่นก็รู้เื่ นังหลินฟู่อินที่ทำลายชื่อเสียงของลูกข้าไปหมดเรียบร้อยแล้ว”
จ้าวซื่อตบต้นขาดังฉาด แล้วนั่งลงร้องห่มร้องไห้บนพื้นบ้าน
หลินฟู่อินถึงกับตะลึง
มีคนว่าร้ายเื่ที่นางโดนพาตัวไปวันนั้นด้วยหรือ?
แต่นางก็คิดว่าต้องอธิบายสักหน่อย
“ข้าเพียงโดนพาตัวไปรักษาคน แต่กลับมีคนปากพล่อยมาว่าร้าย แถมคนบ้านเดียวกันอย่างท่านก็ไม่คิดจะปฏิเสธแทน การที่ชื่อเสียงของลูกสาวเ้าจะจมบ่อโคลนไป มันก็เป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว” หลินฟู่อินพยายามกลั้นความโกรธสะท้านในใจนั้นไว้ มองจ้าวซื่อด้วยสายตาเย็นะเื
หากเป็จ้าวซื่อที่นางรู้จัก นางคงไม่เพียงไม่ช่วยปกป้องหลินฟู่อิน แต่คล้อยตามรุมว่าร้ายหลินฟู่อินด้วยเป็แน่
จ้าวซื่อเห็นสายตาเย็นะเืนั้นแล้ว ใจก็สะท้านจนเผลอก้มหน้าต่ำ เพราะนางไม่ได้ช่วยปกป้องหลินฟู่อินจริงๆ
นางเกลียดหลินฟู่อินที่ยึดทรัพย์สินของบ้านสามไว้เพียงคนเดียว จึงเฝ้าภาวนาให้นางพบแต่เื่โชคร้าย นางจะไปช่วยปกป้องคนเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องตามน้ำไป
อู๋ซื่อเห็นท่าไม่ดี สีหน้าพลันมืดครึ้ม
แต่อย่างไรเสีย นางก็ยังคิดว่าเื่นี้มีต้นเหตุมาจากหลินฟู่อินเอง หากนังเด็กนี่ไม่เรียนวิชาแพทย์ แล้วใครจะเรียกตัวมันไปกัน?
คนที่พาตัวมันไปดูอาการต้องไม่ใช่คนดีเท่าไรแน่ อาจจะเป็พวกาาโจรป่าที่คอยหากินกับทางเดินในป่า!
ในระหว่างที่ทั้งสามค้างกันอยู่ท่านั้น ย่าหลี่ก็กลับมาพร้อมเ้าตัวน้อยที่กำลังหลับสบายทั้งสอง
เมื่อเห็นอู๋ซื่อยืนอยู่ในห้องโถง จ้าวซื่ออยู่บนพื้น ย่าหลี่ก็ชะงักไป
จากนั้นสีหน้าชิงชังก็ปรากฏขึ้น
นางไปหาฟู่อิน ยื่นเด็กทั้งสองให้แล้วกล่าวเสียงเบา “พาเด็กๆ ไปนอนเสีย”
หลินฟู่อินคิดว่านางคงกำลังจะทำอะไรแน่ๆ จึงพยักหน้าแล้วรับเด็กมาทีละคน
ทันทีที่นางออกจากโถงไป ย่าหลี่ก็แค่นเสียงขึ้นจมูก
“พวกเ้าสองคนมาทำอะไรที่นี่กันหือ? มารังแกฟู่อินอีกแล้วหรืออย่างไร? เป็ย่ากับป้าของฟู่อินไม่ใช่หรือ! เด็กคนนั้นกำลังลำบากจนแม้แต่คนนอกยังรู้สึกสงสาร เพราะงั้นถามดูสิ ถามความเป็คนที่เหลือในตัวพวกเ้า ว่านี่ใช่เื่ที่พวกเ้าควรทำหรือไม่?”
“ย่าหลี่ ข้านับถือท่านในฐานะผู้าุโ แต่นี่เป็เื่ในตระกูลหลิน คนนอกเช่นท่านมาเกี่ยวอะไรด้วย?” จ้าวซื่อสวนกลับ
อู๋ซื่อเองก็เกลียดย่าหลี่ที่ทำตัวเหมือนเ้าบ้านในบ้านลูกคนเล็กของนาง ทั้งยังทำตัวเหมือนเป็ย่าของหลินฟู่อินมากเสียยิ่งกว่านางที่เป็ย่าแท้ๆ
“หลี่ เ้าอย่ามาทำเช่นนี้กับข้า ข้าเป็ย่าของหลินฟู่อินนะ!” อู๋ซื่อถลึงตามองย่าหลี่อย่างเดือดดาล
“ก็รู้ตัวไม่ใช่หรือว่าเป็ย่าของฟู่อินน่ะ แล้วดูเื่ที่เ้าทำสิ! เ้ามันไม่ใช่ย่าของนาง เ้าเป็ศัตรูของนางต่างหาก!” ย่าหลี่ขมวดคิ้วแล้วมองกลับด้วยความไม่พอใจเป็อย่างมาก
อู๋ซื่อและจ้าวซื่อต่างก็ถูกนางกดดัน
แน่นอนว่าอู๋ซื่อยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
แต่ย่าหลี่ไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูด จึงมองนาง “ข้ารู้ว่าเ้าไม่ชอบที่ข้ามากินนอนอยู่ในบ้านฟู่อิน แต่หากเ้า อู๋ซื่อ มาช่วยดูแลน้องชายน้องสาวของนางทุกวันละก็ ข้าจะยอมออกไปก็ได้ เ้ายอมมาหรือไม่เล่า?”
ใครมันจะไปอยากดูเด็กร้องไห้ทุกวัน แถมต้องทำโน่นทำนี่ด้วยระหว่างวัน จนหมดสภาพเป็ผ้าขี้ริ้วกัน?
อู๋ซื่อมีสีหน้าขยะแขยงชัดเจน นางอยากเถียงคืนจึงอ้าปากขึ้นมาหลายครั้ง แต่ก็ปิดปากแล้วไม่พูดอะไร
จะให้นางมาดูเด็กเวรนี่จมอยู่กับกองของเสีย และทำงานให้ฟู่อินหรือ ฝันไปเถอะ!
“ทำไม่ได้ใช่หรือไม่?” ย่าหลี่หัวเราะเยาะอย่างเ็า แล้วจึงชี้ไปทางประตู “ทำไม่ได้ก็ออกไป แล้วอย่าได้กลับมาสร้างปัญหาให้ฟู่อินอีก ไม่อย่างนั้นคราวหน้าข้าจะเป็คนไล่เ้าไปเองทันทีที่เ้าโผล่มาในระยะสายตา!”
เมื่อหลินฟู่อินเห็นว่าย่าหลี่ทรงพลังมาก ขนาดที่อู๋ซื่อและจ้าวซื่อไม่กล้าสวนแม้แต่คำเดียว ริมฝีปากนางก็โค้งขึ้นอย่างพอใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้