เจียงจือเฮ่าโพล่งออกมาอย่างขี้ขลาด
แน่นอน ฮวาเหยียนรู้ดีว่าด้วยสติปัญญาของเจียงจือเฮ่า เขาไม่มีทางสงสัยในตัวนางได้เลย และนั่นคือประโยคที่นางรอคอย
เพียงชั่วพริบตา เื่ราวทั้งหมดก็ตกลงที่ตี้หลิงหานโดยตรง " ดังนั้น เพราะเหตุใดองค์ไท่จือถึงกล่าวว่าข้าเป็ผู้นำเอาดอกบัวพันปีไป? ข้ายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหน้าตามันเป็อย่างไร...! "
ฮวาเหยียนถาม
ตี้หลิงหานมองไปที่แม่หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา ใบหน้านางดูโอบอ้อมอารี ดวงตาของนางเป็ประกาย แสงสว่างของความมั่นใจนั้นเกือบจะไหม้ทำลายดวงตาของเขา ในชั่วขณะนี้ สิ่งที่ตี้หลิงหานอยากทำมากที่สุดคือการดับแสงสว่างในดวงตาของนาง
"มู่อันเหยียน"
จู่ๆ ตี้หลิงหานก็เรียกชื่อนางออกมา
“เพคะ? ”
ฮวาเหยียนมองมาที่เขาก็เห็นดวงตาสีเข้มของตี้หลิงหานมืดดำสนิทราวกับทะเลที่พลุ่งพล่าน ภายในมีแสงที่เ็าที่สุด หลังจากนั้นฮวาเหยียนก็ได้ยินเขาพูดว่า "มู่อันเหยียน เ้า้าหลักฐาน ข้าผู้นี้จะนำหลักฐานมาให้เ้า เมื่อถึงเวลานั้น...”
คำพูดยังไม่จบ แต่หัวใจของฮวาเหยียนกลับตกลงไปที่ตาตุ่มแล้ว
“เอาปากกา กระดาษ และอุปกรณ์วาดรูปมาด้วย”
จากนั้นก็เป็เสียงออกคำสั่งของตี้หลิงหาน
ฮวาเหยียนจ้องที่ตี้หลิงหาน หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เห็นว่าอั้นจิ่วเตรียมกระดาษ ปากกา และสีมาครบ...
ตี้หลิงหานยืนอยู่หน้ากระดาษขาวพร้อมแปรงเขียนในมือ ด้านหลังเขามีเมฆสีส้มเพลิงขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนเทพเ้าแห่ง์ทั้งเก้า
เขาขยับข้อมือ สะบัดแปรงพู่กันอย่างแข็งแรงดุดัน บนกระดาษนั้น มีดอกบัวพันปีกำลังเบ่งบานอย่างช้าๆ ภายใต้ปลายพู่กันของเขา ราวกับว่ามันเป็ของจริง
แม้แต่หยดน้ำบนกลีบดอกบัวก็พรรณนาให้เห็นอย่างชัดเจน ราวกับว่าน้ำจะหยดลงเมื่อถูกัั
เขารวดเร็วมาก แทบจะวาดเสร็จในลมหายใจเดียว
ฮวาเหยียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม ทักษะการวาดภาพของตี้หลิงหานนั้นยอดเยี่ยมเป็อย่างยิ่ง
"ดอกบัวพันปี... องค์ไท่จื่อ ท่านช่างเก่งกาจเสียจริง ภาพวาดของท่านเหมือนของจริงเลย! "
คนแรกที่อุทานออกมาคือเจียงจือเฮ่า ตี้หลิงหานไม่สนใจเขาแต่สายตากลับจับจ้องไปที่มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ "ท่านอ๋องมู่ ท่านผู้บัญชาการมู่ ท่านรู้ไหมว่านี่คืออะไร? "
มู่เอ้าเทียนมองดู ดอกบัวพันปีบนกระดาษค่อยๆเบ่งบานออกไปทีละชั้น ทีละชั้น กลีบดอกเป็สีขาว แต่ใกล้กับเกสรตัวผู้มันเป็สีชมพูที่ดูสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาอยู่ในกองทัพมาครึ่งชีวิตแล้ว นี่นับว่าประสบการณ์ที่ได้เห็น แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นรูปร่างดอกบัวพันปี “นี่คือดอกบัวพันปีหรือ? เป็ครั้งแรกที่ข้าได้เห็น”
“ข้าก็ด้วย”
มู่เสวียนเย่พูดตามความจริง
หยวนเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนของมู่เสวียนเย่ เขาไม่เคยพูดอะไรเลย เขาจำดอกบัวพันปีนี้ได้ ท่านแม่บอกเขาว่า ท่านอาเจียงมอบให้พวกเขาเพื่อเป็การขอบคุณ
ตอนนั้นเขาสงสัยว่า ท่านอาโง่ๆ แซ่เจียงคนนั้นดีขนาดนั้นเลยหรือ? แต่เขาก็ไม่อยากทำร้ายหัวใจท่านแม่จึงไม่อยากถามอะไรและรับมันไว้ด้วยความยินดี
โดยไม่คาดคิด ดอกบัวพันปีนี้กลับกลายเป็ขององค์ไท่จื่อ
และในวันนี้ทำให้เขาและท่านแม่พบเจอกับเื่ราวเหล่านี้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็เพราะดอกบัวพันปีที่ได้มา
หยวนเป่าเม้มปากแน่น ดวงตาของเขาแดงก่ำ ทั้งหมดเป็เพราะเขา เป็เพราะร่างกายที่ไม่เอาไหนของเขา แต่ในเวลานี้ เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะเมื่อยอมรับแล้ว ท่านแม่ของเขาจะลงจากหลังเสือได้ยาก พระองค์จะไม่ทรงยกโทษให้ท่านแม่ง่ายๆ อย่างแน่นอน แม้กระทั่ง... อาจเกี่ยวข้องกับท่านตากับลุงใหญ่ด้วย
แขนเล็กๆ ของหยวนเป่าโอบรอบคอของมู่เสวียนเย่แน่นมาก ในตอนนี้เขาไม่อยากสูญเสียความอบอุ่นที่ได้รับจากบ้านนี้
สายตาของตี้หลิงหานหันไปหาหยวนเป่าอีกครั้ง “เด็กน้อย เ้ารู้จักมันไหม? ”
เขาถาม
ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่หยวนเป่า แม้ว่าจะไม่มีการแสดงออก แต่ก็มีความรู้สึกกดขี่บีบบังคับอย่างมาก
“ท่านจะถามลูกข้าทำไมกัน? ถามข้านี่สิ”
สีหน้าของฮวาเหยียนเปลี่ยนไป นางขยับร่างกาย ไปยืนบังอยู่ตรงหน้าหยวนเป่า นางสามารถพูดโกหกได้ สามารถขโมยของผู้อื่นได้ สามารถพูดเล่นลิ้นแต่ไม่ยอมรับได้ หรือสามารถเลวได้ไม่รู้จบ...
แต่หยวนเป่าของนางนั้นดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หยวนเป่าของนางเป็เด็กที่ดีที่สุด เขาไม่อาจโกหกได้
ดังนั้นนางจึงยืนอยู่หน้าหยวนเป่า คำโกหกจะมีเพียงนางที่พูดออกมา ความมืดดำทั้งโลกนี้นางจะขอแบกไว้ ลูกของนางจะมีเพียงด้านดีที่หันเข้าหาแสงแดดเท่านั้น
ความรู้สึกของฮวาเหยียนฮึกเหิมเล็กน้อย
“ท่านแม่...”
หยวนเป่าะโ
ฮวาเหยียนยิ้มเล็กน้อยให้เขา "หยวนเป่า เด็กดี เ้ามีแม่นะ"
รอยยิ้มเล็กของฮวาเหยียนตกอยู่ในสายตาของตี้หลิงหาน รอยยิ้มนั้นแฝงด้วยความอบอุ่น การให้อภัย และเต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งทำให้อกของเขาพองโตอีกครั้งด้วยความรู้สึกอยากะเิทำลายอย่างโเี้
ยิ้มแบบนี้ น่ารำคาญเกินไป
“ถ้าอย่างนั้นข้าผู้นี้จะถามเ้า คุณหนูใหญ่มู่ ดอกบัวพันปีนี่ เ้าเคยเห็นมันไหม? ”
“ไม่รู้เช่นกัน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
ฮวาเหยียนตอบด้วยใบหน้าที่สงบ นางปฏิเสธอย่างรวดเร็ว นาง้าดูว่าตี้หลิงหานจะทำบ้าอะไรอีก
ทั้งก่อนและหลังนางจำมันได้นับครั้งไม่ถ้วน ดอกบัวพันปีที่นางขโมยมานั้น ไม่มีตำหนิใดเลยแม้แต่น้อย นางเชื่อในพลังความแข็งแกร่งของนางเอง ดังนั้นภายใต้คำถามหลอกลวงหลายข้อของตี้หลิงหาน นางจึงไม่เปิดเผยแสดงอารมณ์แม้แต่น้อย
แต่วินาทีถัดมา...
แค่ได้ยินเสียงฟู่ รูปดอกบัวพันปีในมือของตี้หลิงหานก็ขาดครึ่ง จากนั้นฮวาเหยียนก็ได้ยินเสียงแ่เบาของตี้หลิงหานดังขึ้น “ดอกบัวพันปี ยาอายุวัฒนะชั้นหนึ่ง หลังจากเข้าไปในปากจะยังหลงเหลือกลิ่นหอมในริมฝีปากและฟัน กลิ่นหอมจะติดอยู่ระหว่างฟันเป็เวลาเจ็ดวัน มู่อันเหยียน เมื่อไม่นานมานี้ ภายในคุกมืด ตอนที่ริมฝีปากของข้าผู้นี้กับเ้าประทับสอดรับกัน ข้าได้ลิ้มชิมรสกลิ่นหอมของดอกบัวพันปีแล้ว…”
ดวงตาของฮวาเหยียนหรี่ลง นางหายใจเข้าลึกๆ
ทุกคนล้วนตระหนกใ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
ที่ฝ่าาพูดหมายความว่าอย่างไร? เตี่ยและลูกชายของตระกูลมู่ไม่ได้ยินอะไรอีก พวกเขาเพียงได้ยินวลี "ริมฝีปากและฟันเข้าสบกัน"
หรือว่า ตี้หลิงหานผู้นี้จะรังแกลูกสาวของเขา?
ฮวาเหยียนเบิกตากว้างและมองไปที่ตี้หลิงหาน กลับเห็นการแสดงออกที่ไร้การแยแส แววตาของเขาไม่ชัดเจน แต่แล้วเขาก็พูดว่า “ถ้าเ้ายอมรับมาก่อน ว่าเ้าเก็บดอกบัวพันปี และกินในภายหลัง บางทีข้าผู้นี้อาจสามารถอดทนกับเ้าได้ แต่เมื่อครู่นี้เ้าบอกว่าเ้าไม่เคยเห็นดอกบัวพันปีมาก่อนเลย ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เ้าช่วยบอกข้าที ว่ากลิ่นหอมของดอกบัวพันปีที่มาจากปากของเ้า เ้าได้มาจากที่ไหนกัน หือ? ”
เสียงของเขาทุ่มต่ำและมีความแหบเล็กน้อย
แต่คำพูดเ่าั้เหมือนตบหน้าฮวาเหยียนเข้าอย่างแรง
สมองของนางว่างเปล่าไปครู่หนึ่งจนนางลืมวิธีการตอบกลับไป
ดอกบัวพันปี กลิ่นหอมที่ติดอยู่ในปากยาวนานถึงเจ็ดวันไม่คลายนั้น นางไม่รู้มาก่อนเลย
...
นางขโมยดอกบัวพันปีโดยไม่ทิ้งร่องรอยเบาะแสใด แต่การที่นางจูบตี้หลิงหานกลับทิ้งร่องรอยที่ใหญ่ที่สุดไว้
ตี้หลิงหาน...
ชายคนนี้มีอุบายอันลึกซึ้ง มีสติปัญญาลึกล้ำหาใครเทียบได้
ั้แ่แรกเริ่มเขาก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงหลักฐานชิ้นสำคัญของดอกบัวพันปีของตัวเองที่ถูกขโมยไป แต่เขาไม่เคยเผยมันออกมาเลย เพราะถ้าเขาเผยข้อมูลสำคัญออกมาก่อนหน้านี้ แล้วนางเปลี่ยนคำพูดว่านางเก็บมาได้ ฉะนั้นแล้วตี้หลิงหานเองก็ไม่อาจทำอะไรนางได้เลย..
แต่ตี้หลิงหานสะกดกลั้นอารมณ์อย่างหนัก ค่อยๆ โน้มน้าวชี้นำั้แ่ต้น ดูเหมือนกับเขาไม่สามารถทำอะไรนางได้เลย จนกระทั่งเจียงจือเฮ่าะโเสียงดังทำการแสดงอำพรางตา แต่ทั้งหมดก็เพื่อให้นางเข้ามาในแผนการของเขา
อย่างไรก็ตามั้แ่แรกเริ่ม นางก็ปฏิเสธแล้ว เพราะนางมั่นใจมากว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้
ตอนนี้ ในเวลานี้ คือการแพ้อย่างราบคาบ
ฮวาเหยียนเถียงไม่ได้ ทั้งไม่อาจพลิกลิ้นหรือเล่นลิ้นได้อีกแล้ว
นางกำมือแน่น ไม่กล้าหันหลังไปมอง ไม่กล้าสบสายตาที่ผิดหวังของเตี่ยและพี่ชายตระกูลมู่ และนางไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าหยวนเป่าอย่างไร
“มู่อันเหยียน เ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม? ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้