หนิงมู่ฉือถูกจ้าวซีเหอกระชากแขน ในใจนึกโมโหยิ่งนัก นางดึงผ้าที่ปิดหน้าออก พร้อมกับะโเสียงดัง “ท่านทำอะไร!”
จ้าวซีเหออุ้มหนิงมู่ฉือขึ้นพาดบ่า ก่อนจะเดินไปยังห้องของนาง เตาไฟภายในห้องถูกจุดทิ้งเอาไว้ ไฟกำลังลุกโชน ทันทีที่เข้ามาในห้อง ใบหน้าของหนิงมู่ฉือร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด
จ้าวซีเหอวางหนิงมู่ฉือลงบนเตียงอย่างแรง ทันทีที่ก้นัักับเตียง หนิงมู่ฉือลุกขึ้นนั่ง หลับตาปี๋ด้วยกลัวว่าจ้าวซีเหอจะทำอะไรตัวเอง
“ซื่อ…ซื่อจื่อ แบบนี้ไม่ดีกระมังเ้าคะ!” หนิงมู่ฉือเอ่ยด้วยสีหน้าขวยเขิน จ้าวซีเหอที่ก่อนหน้านี้โมโห ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็อารมณ์ดีจนหัวเราะออกมา
จ้าวซีเหอยื่นมือไปลูบคางหนิงมู่ฉือ กล่าวด้วยน้ำเสียงโอหัง “ถึงข้าจะดูออกว่าเ้าไม่กลัวหนาว แต่อย่างไรเ้าก็ต้องใส่เสื้อผ้าให้หนากว่านี้ แล้วเดี๋ยวข้าจะพาออกไปเล่น”
หนิงมู่ฉือพยักหน้า ก่อนจะพบว่าจ้าวซีเหอหมุนตัวหันหลังให้นาง นางจึงลุกขึ้นไปสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวหนาอย่างอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ครั้นจ้าวซีเหอเห็นหนิงมู่ฉือสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวเรียบร้อยแล้วถึงกับตะลึงงัน เสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวขับผิวของหนิงมู่ฉือที่ขาวอยู่แล้วให้ขาวยิ่งขึ้นไปอีก ใบหน้าเล็กแลดูสดใสน่ามอง
ผมสีดำสนิทยาวระลงไปั้แ่ลำคอระหงถึงแผ่นหลัง หนิงมู่ฉือแย้มยิ้มบางๆ ขณะเอ่ยว่า “ไปกันเถิดเ้าค่ะ ซื่อจื่อบอกว่าจะพาข้าไปเล่นหิมะมิใช่หรือเ้าคะ ท่านมัวยืนเหม่อทำไมกัน”
จ้าวซีเหอดึงสติกลับคืนมา เขาจูงมือหนิงมู่ฉือเดินออกจากห้อง ในเวลานี้หิมะได้ตกลงบนพื้นจนหนาเตอะแล้ว
หนิงมู่ฉือเห็นพื้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะก็ตื่นเต้นยิ่งนัก บิดี้เีออกมาพลางเอ่ย “โอ้ นานแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นหิมะเยอะถึงเพียงนี้”
นางคุกเข่าลงปั้นหิมะเป็ก้อนกลมๆ เล็กๆ ก่อนจะปาใส่จ้าวซีเหอ
จ้าวซีเหอที่กำลังเหม่อ จู่ๆ รู้สึกเย็นที่ศีรษะ เมื่อเอามือลองจับก็พบว่ามีเศษหิมะติดมือมา เมื่อเขามองไปที่หนิงมู่ฉือ พบว่านางกำลังหัวเราะอย่างชอบใจ
จ้าวซีเหอก้มลงปั้นก้อนหิมะให้ใหญ่กว่าของหนิงมู่ฉือ ก่อนจะปาโต้คืนกลับไป คาดไม่ถึงว่านางจะหลบได้ เขายกยิ้มมุมปากพลางเอ่ยว่า “ดีมาก เ้ากล้าลอบโจมตีข้าเชียวหรือ!”
ทั้งสองหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของทั้งคู่เรียกสายตาบ่าวรับใช้ได้เป็อย่างดี ทุกคนหันไปมองทั้งสองที่เล่นหิมะกันอย่างอิจฉา ถึงกระนั้นก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวน
จ้าวซีเหอยิ้ม “ไม่เป็ไร วันนี้หิมะตกหนักน่าสนุก ทุกคนไม่ต้องเคร่งกับกฎระเบียบมากนัก มาเล่นหิมะให้เบิกบานใจด้วยกันเถิด”
ได้ยินเช่นนั้นทุกคนต่างเข้าไปร่วมเล่นปาหิมะด้วยอย่างสนุกสนาน
ณ เรือนสวนไผ่ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร บรรยากาศเยือกเย็น ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ซึ่งเป็เ้าของเรือนนั่งอย่างเศร้าสร้อยเงียบเหงา ทันใดนั้นเองนางได้ยินเสียงคนหัวเราะดังเข้ามาในโสตประสาทจากที่ไกลๆ นางจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง
นางเห็นพวกบ่าวรับใช้กำลังเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน นางหลุบตาก่อนจะเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย “เหยาหง ไปหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์มาให้ข้าที”
เหยาหงพยักหน้า จากนั้นลุกไปหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์สีแดงสดแสบตามาคลุมให้ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ที่สวมเสื้อคลุมเรียบร้อยเดินออกไปดูพวกบ่าวรับใช้เล่นหิมะใกล้ๆ
ครั้นฉู่เมิ่งเอ๋อร์เห็นจ้าวซีเหอกำลังเล่นหิมะอยู่ แววตาสั่นไหวเล็กน้อย ทว่าพอเห็นว่ากำลังเล่นอยู่กับหนิงมู่ฉือ แววตาพลันเปลี่ยนไปทันที นางะโเรียกจ้าวซีเหอออกไป “ซื่อจื่อเ้าคะ!”
จ้าวซีเหอได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นหูจึงหันไปมอง จึงพบกับฉู่เมิ่งเอ๋อร์ที่มองมาอย่างน้อยใจ
จ้าวซีเหอมองหนิงมู่ฉืออย่างหวั่นใจ ตอนนี้เขาควรทำเช่นไรดีนะ
ครั้นหนิงมู่ฉือเห็นฉู่เมิ่งเอ๋อร์ในชุดเสื้อคลุมขนสัตว์สีแดง นางส่งยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมกับยอบกายคำนับ “คารวะอนุฉู่เ้าค่ะ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์มองหนิงมู่ฉืออย่างเคียดแค้น ก่อนจะหันไปมองจ้าวซีเหอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ซื่อจื่อ ข้าเล่นด้วยได้หรือไม่เ้าคะ”
สำหรับเื่ที่ฉู่เมิ่งเอ๋อร์พักอยู่ในเรือนสวนไผ่ ทุกคนล้วนพูดกันว่าเป็เพราะนางร่างกายอ่อนแอ จึงต้องพักอยู่ที่เรือนนั้น
จ้าวซีเหอชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เข้ามาร่วมเล่นหิมะกับทุกคนไปพลาง ส่งยิ้มให้จ้าวซีเหอไปพลาง รอยยิ้มฉู่ของเมิ่งเอ๋อร์งดงามดุจบุปผา ยิ่งส่งเสริมให้นางดูงดงามจับตายิ่งขึ้นไปอีก
ผ่านไปสักพักทุกคนก็เล่นกันจนเหนื่อย ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ที่แม้จะเล่นจนเหนื่อย หากก็ยังไม่อยากจากจ้าวซีเหอไปไหน
หนิงมู่ฉือกระแอมอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนจะยิ้มเอ่ยกับจ้าวซีเหอ “ซื่อจื่อ นี่ก็สายแล้ว ท่านไปส่งอนุฉู่กลับเรือนเถิดเ้าค่ะ ข้าก็จะกลับห้องเช่นกัน”
จ้าวซีเหอมีสีหน้าลำบากใจ หนิงมู่ฉือส่งสัญญาณทางสายตาให้จ้าวซีเหอครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์มองหนิงมู่ฉือผาดหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองจ้าวซีเหอ “ซื่อจื่อ ท่านไปส่งเมิ่งเอ๋อร์กลับเรือนได้หรือไม่เ้าคะ เมิ่งเอ๋อร์มีเื่อยากจะคุยกับท่าน”
จ้าวซีเหอไม่ได้รังเกียจฉู่เมิ่งเอ๋อร์ เพียงกลัวว่านางจะทำตัวใกล้ชิดกับเขามากเกินไป เช่นนั้นหนิงมู่ฉืออาจจะเข้าใจผิดได้
จ้าวซีเหอมองท่าทางน่าสงสารของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ ก่อนจะยิ้มและพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาประคองนางกลับไปที่เรือน ทว่าจับมือเย็นเฉียบของนางได้แค่ครู่เดียวก็ปล่อยมือ
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์มองการกระทำเช่นนั้นของจ้าวซีเหออย่างรู้สึกประดักประเดิดยิ่งขณะลูบมือตนเอง ทั้งสองคนเดินเงียบไปตลอดทางที่ไปยังเรือนสวนไผ่
ทันใดนั้นเองฉู่เมิ่งเอ๋อร์ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา จ้าวซีเหอได้ยินเสียงร้องไห้ก็หันไปมองอย่างงุนงง “เ้าเป็อะไรไป จู่ๆ ร้องไห้ทำไมกัน”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ยกมือเช็ดน้ำตาพลางเอ่ย “ซื่อจื่อ เมิ่งเอ๋อร์รู้ว่าท่านไม่ชอบข้า หากแต่เป็เพราะความสัมพันธ์ครั้งเก่าของพวกเรา ท่านถึงได้ไถ่ตัวเมิ่งเอ๋อร์กลับมาที่ตำหนัก”
จ้าวซีเหอมีสีหน้าเ็าราวกับหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับหิมะที่กำลังตกอยู่
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เอ่ยต่อว่า “ซื่อจื่อ เมิ่งเอ๋อร์ไม่มีสิ่งใดจะขอ เพียงแต่ทุกวันต้องอยู่แต่ในเรือนสวนไผ่ เหงายิ่งนัก ซื่อจื่ออนุญาตให้ข้าเดินไปไหนมาไหนในตำหนักอ๋องได้หรือไม่เ้าคะ เมิ่งเอ๋อร์สัญญาว่าจะไม่ก่อเื่เด็ดขาด!”
จ้าวซีเหอมองหน้าฉู่เมิ่งเอ๋อร์ขณะที่ในใจคิดว่า ขอเื่นี้มันออกจะเกินไปสักหน่อย หากสุดท้ายก็พยักหน้าตอบตกลงออกไป “ก็ได้ ั้แ่วันนี้เป็ต้นไปเ้าสามารถเดินไปไหนมาไหนในตำหนักอ๋องได้ตามใจ แต่เ้าต้องจำเอาไว้ว่า ห้ามไปรบกวนท่านพ่อเด็ดขาด หากเ้าไปรบกวนท่านพ่อ ข้าจะไม่ช่วยเ้า!”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ฟังก็ยิ้มกว้างออกมาขณะกล่าวขอบคุณ เมื่อเห็นว่าด้านหน้าคือเรือนสวนไผ่ นางยิ้มพร้อมกับเอ่ยชวน “ซื่อจื่อเข้าไปผิงไฟให้อบอุ่นก่อนดีหรือไม่เ้าคะ”
จ้าวซีเหอส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า หนิงมู่ฉือต้มน้ำขิงเอาไว้ให้ข้า ข้าต้องรีบกลับไปดื่ม”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้ม นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นขม “ซื่อจื่อเคยบอกว่ามีคนในดวงใจอยู่แล้ว ซึ่งก็คือแม่นางหนิง เมิ่งเอ๋อร์ทราบเ้าค่ะ หากก็เคยบอกท่านไปแล้วว่า จะไม่รบกวนชีวิตของท่าน ท่านชอบผู้ใดเมิ่งเอ๋อร์ก็จะชอบด้วย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้