บทที่ 37 เหนือความคาดหมาย
ฝนด้านนอกยังคงตกหนัก ท้องฟ้ามืดมิด เสียงฟ้าผ่าดังลั่นกลบเสียงอื่นที่พ้นระยะสิบกว่าเมตรไปจนหมด สภาพอากาศเช่นนี้คือโอกาสลอบโจมตีที่ดีที่สุด ทว่าในตอนนี้เฉิงอิงมีสติครบถ้วนทุกส่วน ได้ออกคำสั่งให้ระวังความเคลื่อนไหวของศัตรูรอบด้านให้ดี
คนกลุ่มหนึ่งกำลังวุ่นวายอยู่รอบตัวแม่ทัพตงหลี่ ผ่านไปครู่หนึ่ง เจียงิ่ก็เข้าไปทักทายกับเฉิงอิง บอกว่าจะไปทำธุระ เฉิงอิงตักเตือนเล็กน้อย และปล่อยให้นางออกไป เนื่องจากในกองทัพนี้ไม่มีสตรีคนอื่นแล้ว จึงทำได้แค่ส่งทหารสองนายไปเฝ้าอยู่ไกลๆ เพื่อป้องกันเื่ไม่คาดฝัน
ในขณะเดียวกัน ลั่วถูกับพวกหลิวฉงเหวินกำลังเก็บกวาดสนามรบ เื่นี้เป็เื่ที่เขาชอบที่สุด และเพื่อให้ได้เงินก้อนใหญ่ เขาจึงเลือกลงมือเอง ตอนนี้ศัตรูล้มตายไปเกือบหมดแล้ว บางส่วนที่เหลือรอดก็คิดแต่จะหนีเท่านั้น ยังจะมีกะใจไปลอบโจมตีได้อย่างไร หลิวฉงเหวินก็ไม่ได้กังวลนัก เพียงออกปากเตือนเล็กน้อย ก็ปล่อยให้เขาทำตามใจได้แล้ว
ในขณะที่ลั่วถูตั้งใจจะหากำไรจากคนตายนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่แ่เบาเสียจนแทบไม่ได้ยินก็ทำให้เขาแทบสะดุ้ง ลั่วถูระวังตัวทันที ยกหน้าไม้ที่พาดไว้บนหลังขึ้นเล็งอย่างฉับพลันกล่าวเสียงต่ำออกไปว่า “นั่นใคร?”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังก้อนหินฝั่งตรงข้ามกลับมีเสียงพูดปนหัวเราะดังขึ้น “พี่ถู นี่ข้าเอง... ” ตอบกลับมา จากนั้นมีคนตัวเล็กสวมเสื้อขาดๆ ที่ถูกฝนตกใส่จนเปียก โครงร่างที่มองไม่ค่อยชัดแต่กลับรู้สึกได้ถึงรูปร่างที่เพรียวงาม นั่นคือเจียงิ่
“ใครให้เ้าออกมา! เ้าไม่ได้พักผ่อนอยู่กับแม่ทัพตงหลี่หรือวิ่งมาที่นี่ทำไม! เ้ารู้ไหมว่าที่นี่อันตรายแค่ไหน!” ลั่วถูไม่พอใจมากที่นางไปไหนมาไหนตามใจชอบ จึงตะคอกกล่าวว่าเสียงดังทันที
เจียงิ่ได้แต่ตกตะลึง สายตาพลันปรากฏแววอ่อนโยน แก้มกลายเป็สีแดงจางๆ หลังจากลังเลอยู่บ้างก็ตอบกลับไปว่า “คือข้า... ข้าเกรงว่าจะเกิดเื่อะไรขึ้นกับเ้า... ”
ลั่วถูถอนหายใจ พอคิดจะอ้าปากด่าต่อก็ไม่รู้จะด่าอะไร ได้แต่จ้องหน้านางไปราวห้าวินาทีเต็มๆ ถึงจะเปลี่ยนน้ำเสียงให้อ่อนโยนลงและตอบกลับไปว่า “ครั้งหน้าห้ามทำตามใจตัวเองเช่นนี้ เข้าใจไหม? เ้าไม่รู้วรยุทธ์ ถ้าเจออันตรายขึ้นมาจริงๆ ข้าจะปกป้องเ้าได้อย่างไร?”
ท้ายที่สุดเจียงิ่ก็เผยรอยยิ้มออกมา จับแขนเสื้อของลั่วถูพลางเอ่ยออดอ้อนว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ครั้งหน้าข้าจะไม่ยุ่งวุ่นวายอีก!”
“ยังดีที่เ้ารู้ตัวว่าก่อความวุ่นวาย ข้าล่ะจนปัญญากับเ้าจริงๆ เอาละ มากับข้า อย่าวิ่งมั่วซั่ว” ลั่วถูครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็มีแต่ต้องยอมให้นางด้วย อย่างน้อยในตอนนี้ เด็กหญิงผู้นี้ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ถ้าหากจะพูดไปแล้ว คงต้องโทษเขาที่มืออยู่ไม่สุขเสียเองกระมัง?
ไม่นานเจียงิ่ก็กลับมาเป็คนพูดมากเช่นเดิม ลากลั่วถูไปตามหาศพ เมื่อเห็นท่าทางชำนาญการ ดูก็รู้ว่าเป็มืออาชีพแน่ เดินไปได้สักพัก ทันใดนั้นลั่วถูพบว่า ทั้งสองเผลอเดินออกห่างจากหลิวฉงเหวินขึ้นทุกที วิ่งไปจนถึงหุบเขาโล่งกว้าง แถมที่นี่ยังมีศพอีกหลายศพ ช่างเป็ทำเลที่ดีใช้ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้อื่นพบตัวเลย
ในขณะที่ลั่วถูตั้งใจค้นหาศพอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงพังถล่มดังสนั่น ในใจของเขาพลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เขาก็อุ้มเจียงิ่ะโออกไปก่อนแล้ว ในเวลานี้ ไม่ทันไรหินเหนือศีรษะของเขาก็ถล่มลงมา ทับจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่นี้ ถ้าไม่ใช่เพราะตอบสนองได้เร็วพอ ป่านนี้คงถูกฝังอยู่ใต้หินไปแล้ว เพียงแต่ลั่วถูยังไม่ทันได้ดีใจ เงาสองร่างก็ะโลงมาจากผนังหินที่เพิ่งถล่มไป พุ่งเข้าใส่พวกเขาโดยตรง มองปราดเดียวก็รู้ว่าสองคนนี้าเ็ไม่น้อย ไม่เช่นนี้คงเคลื่อนไหวได้ว่องไวกว่านี้มาก
“หลบเร็ว!” ลั่วถูผลักเจียงิ่ออกไป จากนั้นกลิ้งตัวหลบตามไป ขณะเดียวกันก็ง้างสายหน้าไม้ออก ลูกศรดอกหนึ่งถูกยิงออกไปทันที
เงาทั้งสองเองก็ไม่อยากถูกยิง จึงทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง ทำให้เพลงกระบี่ชะงักไปครู่หนึ่ง หนึ่งหน้าหนึ่งหลังเข้าปิดล้อมทางหนีของลั่วถูกับเจียงิ่เสียแล้ว
“คิดไม่ถึงว่ายังมีคนเหลือรอดอยู่ มิหนำซ้ำพวกมันก็ไม่ได้หนีไป แถมยังจะคิดลอบโจมตีข้าอีก!” ลั่วถูกวาดตามองทั้งสอง เท่าที่ดูพวกเขาเป็ถึงเป็ศิษย์าขั้นห้าหรือไม่ก็หกกันทั้งคู่ ทว่าก็าเ็ไม่เบา แต่พวกเขากลับไม่สนใจอาการาเ็แม้แต่น้อย
“ปากดีนักนะ สังหารพวกเ้าสองคนพวกเราก็พอแล้ว!” คนที่อยู่ด้านซ้ายพอเห็นว่าเ้าเด็กสองคนนี้ไม่มีคลื่นพลังิญญาสักนิด ก็ไม่สนใจอีกต่อไป ถือกระบี่ออกมาเตรียมลงมือสังหารทันที ส่วนคนที่อยู่ด้านขวายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
ลั่วถูหัวเราะในใจ พลางแกล้งทำทีตื่นตระหนก เพียงรอให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใกล้ เขาก้มตัวลงเล็กน้อย หน้าไม้ในมือเตรียมพร้อมแล้ว แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะถอยหลังออกไป ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงกรีดร้องของเจียงิ่ดังขึ้น แถมนางยังพุ่งชนเขาจนแทบเสียการทรงตัว และด้วยการชนครั้งนี้เองทำให้ร่างกายของเขาพุ่งไปหาคมกระบี่ตรงหน้า ราวกับได้เห็นจุดจบของชีวิตตัวเอง ทำเอาลั่วถูถึงกับร้อนรน ยกหน้าไม้ขึ้นบังใบหน้า ส่วนมือขวากลับใช้ลูกศรแทงทะลุเข้าไปที่อกของศัตรูทั้งอย่างนั้น อีกฝ่ายได้แต่มองลั่วถูด้วยความตกตะลึง เขาเห็นลูกศรที่เสียบอยู่บนอกของตนปรากฏเปลวเพลิงร้อนแรง สูบพลังในร่างของเขาไปจนหมดในเสี้ยววินาที ในตอนนั้นเอง เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวว่าทำเื่โง่เขลาขนาดไหนลงไป
“จั๋วเลี่ยง!” คนที่เหลืออีกคนพลันตกตะลึง ได้แต่พุ่งเข้าใส่เจียงิ่พร้ะโกนออกมา
“ระวัง!” ลั่วถูดึงตัวเจียงิ่ไปหลบไว้ด้านหลังอย่างรีบร้อน ลูกศรที่อยู่บนหน้าไม้ถูกยิงออกไปที่ศีรษะของคนผู้นั้นเข้าพอดี ทว่าก่อนที่คนผู้นั้นจะตาย เขากลับปากระบี่สั้นออกไป และมันก็ปักเข้าเข้าที่ไหล่ขวาของลั่วถู ทิ้งาแที่ไม่ลึกมากไว้แผลหนึ่ง จากนั้นล้มลงไปที่พื้น แน่นอนว่าแบบไร้ชีวิต
แววสายตาของเจียงิ่ปรากฏความประหลาดใจแล่นผ่านสายหนึ่ง นางตะลึงไปราวสองวินาทีได้ถึงจะรีบมาตรวจดูาแของลั่วถู แต่ลั่วถูกลับไม่สนใจ ทำเพียงฉีกเสื้อชิ้นหนึ่งออกมามัดแผลไว้ จากนั้นเตรียมพานางกลับไปรวมตัวกับหลิวฉงเหวิน
ทว่าเดินกลับไปยังไม่ถึงสองก้าว เจียงิ่ก็เรียกเขาอีกครั้ง นางรีบวิ่งไปไปยังใต้หินก้อนใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล นางลองผลักหินก้อนนั้นดู แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะแรงน้อยเกินไป ลองกี่ครั้งก็ยังไม่ได้อยู่ดี ได้แต่เรียกลั่วถูช่วย เมื่อทั้งสองออกแรงพร้อมกัน สุดท้ายก็ย้ายหินก้อนนั้นออกไปได้ ที่แท้ใต้หินก้อนที่ว่าก็ทับคนอยู่จำนวนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นมีกระบี่วางอยู่ข้างกายเสียด้วย มันส่องแสงสีม่วงทองกะพริบแวววาว มองดูแล้วงดงามไม่หยอก แต่เพราะถูกทับอยู่ใต้หินนานเกินไป ทำให้ปลอกกระบี่พังเสียรูปไปหมดแล้ว แต่รูปร่างของกระบี่กลับไม่เสียหาย แค่ดูก็รู้ว่าเป็กระบี่ดี ต่อให้ทั้งสองใช้ไม่เป็ ก็เอาไปขายได้ราคาดีแน่นอน
“เ้าเห็นได้อย่างไร?” ลั่วถูได้แต่ใกับสายตาของผู้หญิงคนนี้ ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าใต้ก้อนหินจะมีของดีขนาดนี้ซ่อนอยู่ด้วย
เจียงิ่ทำหน้ามุ่ยแล้วกล่าวว่า “ข้าได้กลิ่นมัน ข้ามีพร์ในการดึงดูดของดีอย่างไรล่ะ!”
“ช่างอวดเก่งนัก!” ลั่วถูไม่ได้สนใจนัก จึงก้มลงไปค้นร่างศพเ่าั้ ส่วนเจียงิ่ยืนขึ้นด้านหลังของลั่วถูราวกับกำลังช่วยดูลาดเลาให้
ฝนยังตกไม่หยุดเหมือนเดิม แม้เสียงฟ้าร้องจะเริ่มเบาลงแล้ว แต่ยังคงส่งเสียงก่อกวนโสตประสาทอยู่ดี และเสียงน้ำฝนตกกระทบใบไม้ก็ยังรบกวนอยู่เช่นกัน
เจียงิ่หันมองรอบทิศทาง รอบด้านไม่มีสิ่งใดเลย ไม่เห็นกระทั่งเงาคน นางถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นยกแขนขวาขึ้นสูง แต่นางกลับลดมันลงคืน ผ่านไปไม่ทันไร แววตาของนางก็ส่องประกายเ็าออกมา รีบยกแขนขวาขึ้นอีกครั้ง มองไปยังท้ายทอยของลั่วถูและฟาดลงไปทันที...
ชั่ววินาทีนั้นเอง ลั่วถูััได้ถึงความเย็นเฉียบแล่นผ่าน ในใจรู้สึกเหมือนถูกของแข็งฟาดใส่อย่างโเี้ ทำให้เขาหายใจไม่ออก ได้แต่เงยหน้าขึ้นด้วยความใ มองไปบนท้องฟ้า แต่ภาพที่ได้เห็นกลับทำให้เขาต้องพบกับความพรั่นพรึงอย่างสุดชีวิต
ท้องฟ้าถูกฉีกออกจนเป็รูโหว่ ในรูมีเพียงความมืดมิดเสียจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด แต่ยังมีแสงของดวงดาวระยิบระยับแต่งแต้มอยู่ด้วย ทว่าทันใดนั้นเองรอบตัวของเขากลับมืดลงอย่างฉับพลัน จากนั้นบางสิ่งที่ดูคล้ายลำแสงก็พุ่งลงจากฟ้าแสงสว่างของมันราวกับจะแผดเผาทำลายดวงตาทั้งสองข้างของเขาเสียให้ได้ เมื่อตกลงบนพื้นที่มีทั้งหินทั้งโคลนอย่างรุนแรงก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตามมาด้วย และเกิดเป็หลุมขนาดั์ลึกถึงหนึ่งจั้ง กว้างราวสิบกว่าจั้งได้
เมื่อฝุ่นจางหายไป ในหลุมก็มีเพียงก้อนหินสีดำเทา ชัดเจนว่าถูกลำแสงที่ส่องลงมาเมื่อครู่เผามันจนไหม้นั่นเอง ที่ใต้หลุมปรากฏเงาคนสองคน ทั้งสองกำลังตั้งท่าเผชิญหน้ากันอยู่
“แค่กๆ ... กวางหลิว วางแผนลอบโจมตีบ้าบออะไรของมัน พวกเ้าองครักษ์แสงรักษากฎกันด้วยวิธีนี้หรือ? ถุย ถ้าแน่จริงก็ปล่อยข้าออกไป แล้วมาสู้กันอย่างยุติธรรมสักรอบซะ!”
“พอได้แล้ว สือซา หยุดเปลืองน้ำลายได้แล้ว แค่ลงมือกับพวกเลวอย่างเ้า ยังจะต้องพูดถึงยุติธรรมอะไรอีก กลับไปกับข้าเสียดีๆ บางทีติดคุกไม่กี่ปีก็ได้ออกมาแล้ว แต่ถ้าเ้ายังขัดขืนอีก ข้าจะจัดการเ้าทิ้งที่นี่ก็ไม่มีปัญหา!” คนที่ถูกเรียกกวางหลิวด่าอีกฝ่ายที่กองอยู่ที่พื้น จากนั้นหันมองสำรวจสภาพรอบตัว “นี่มันที่ไหนกัน?” สับสนอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตบไปหน้าผากตัวเองไปที “เวรเอ๊ย สู้กันจนมาถึงโลกที่ห่างไกลขนาดนี้เลยหรือ!”
สือซาที่เห็นกวางหลิวยืนตะลึง เอาแต่กวาดสายตามองไปรอบด้าน ก็ฉวยโอกาสยกสองมือขึ้นประสานกัน ท่องคาถาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นร่างของเขากลายเป็จุดแสงนับหมื่นพัน กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ
“บัดซบ อย่าคิดหนีนะ!” กวางหลิวพบว่าสือซาที่กองอยู่กับพื้นกำลังคิดแผนร้าย กางมือทั้งสองข้างออก ยิงแสงสว่างแสบตาออกจากฝ่ามือ ในหลุมั์พลันส่องแสงสว่างแสบตาออกมา จุดแสงพวกนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย และรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ก่อรวมเป็เงารูปร่างเลือนรางคล้ายมนุษย์ สู้สุดชีวิตใช้พลังทั้งหมดเพื่อหนีออกไปจากหลุมแห่งนี้ให้ได้
“ยังไม่ตายใจอีก รับมือ!” กวางหลิวกางแขนออก รอบด้านปรากฏลำแสงแสบตาพุ่งขึ้นฟ้า เสียบไปที่เงาร่างนั้นทันที ส่วนร่างเงาก็กระจายออกเป็ดวงดาวนับพันนับหมื่นพุ่งออกไปนอกหลุม และสุดท้ายก็กลับมารวมกันอยู่บนขอบหลุมปรากฏเป็ร่างของสือซา
“ถึงทีข้าโจมตีกลับแล้ว เ้าโง่!” สือซาท่าทางราวกับอัดอั้นมานาน ะโหมุนตัวตีวงโค้งกลางอากาศอย่างรวดเร็ว พลางะโออกมา ลำแสงพลันถูกหยุดนิ่งเสียอย่างนั้น จากนั้นไม่รู้ว่าเขาไปเอากระบี่เงางามออกมาจากไหน เพียงฟาดฟันกระบี่ออกไป ลำแสงก็ถูกผ่าอย่างง่ายดายราวกับเต้าหู้จนร่วงลงพื้น แต่กระบี่ไม่ได้หยุดลงแค่นั้น มันพุ่งเป้าไปยังเจียงิ่ที่ตะลึงอยู่ไม่ไกล
เวลานี้ลั่วถูได้สติหลุดจากภวังค์แล้ว ไม่ได้สนใจอะไรอีกทั่วร่างกลายเป็เงาเพลิงพุ่งไปทางเจียงิ่พลางะโออกมาสุดเสียง “เ้าโง่ รีบหลบไป!”
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่เล่มนั้นความเร็วของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเต่าเดินเล่น คมกระบี่กระจายตัวเข้าโจมตีจากทุกทิศทาง ราวกับทุกสรรพสิ่งยังต้องสั่นสะท้าน เจียงิ่ที่อยู่ท่ามกลางความสั่นไหว ก็ราวกับเต้าหู้ที่เพิ่งทำเสร็จ ถูกสะบั้นเสียจนแตกกระจายกลายเป็จุดแสงดาวแตกกระเซ็นไปทั่ว
“เจียงิ่!” ลั่วถูจ้องมองสือซาอย่างโเี้ ในใจโกรธจนเหมือนมีเปลวเพลิงลุกโหม เปลวไฟบนร่างปะทุขึ้น พุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่สนสิ่งใด “ข้าจะทำให้เ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
สือซาได้แต่อึ้งไปพักหนึ่ง ไม่นานก็สบถออกมา “บัดซบ” มือขวาสะบัดออกไป ทำให้ลั่วถูหยุดชะงักกลางอากาศ แถมยังไม่ตกพื้นอีกต่างหาก ดูแล้วแปลกพิลึกเหลือเกิน “ซวยล่ะสิ ไปหาเื่เข้าจนได้... ”
ในตอนนั้นเองที่กวางหลิวตามมาทันพอดี เื่เมื่อครู่ที่เขาเองก็เห็นชัดเต็มตา หน้าผากเหงื่อแตกพลั่ก ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งถึงจะตั้งสติกลับมาได้ “อึ้งอะไรอยู่ รีบไปช่วยกลับมาสิเ้าโง่!”
“โอ้ใช่ใช่ใช่! ช่วย... ช่วยคน... จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ... ” สือซาในตอนนี้ตื่นตระหนกอย่างมาก มือทั้งสองสั่นเทา พูดจาไม่รู้เื่อยู่พักหนึ่ง จากนั้นถือกระบี่เล่มนั้นในลักษณะชี้ปลายกระบี่ลงพื้น มือซ้ายชูสองนิ้วประสานชิดกัน ปากท่องคาถา มือขวาก็เอากระบี่ออกมาอีกเล่ม ช่องว่างมิติพลันสั่นไหวตาม จุดแสงดาวนับพันนับหมื่นที่หายไปก็ย้อนกลับมาประกอบเป็ร่างหนึ่งขึ้น เป็เจียงิ่ที่ยังมีชีวิตอยู่ในเสี้ยววินาที
“มารดามันเถอะ อีกนิดเดียวเกือบหาเื่ให้ข้าแล้ว! ไป ที่นี่ทนรับพลังของพวกเราไม่ไหว รีบออกจากที่นี่ได้แล้ว!” กวางหลิวด่า จากนั้นฉีกช่องว่างบนอากาศและพุ่งเข้าไป ส่วนสือซาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก ะโตามเข้าไปในช่องว่าง ในตอนที่ช่องว่างกำลังจะปิดลงนั้นเอง กลับมีน้ำเสียงใดังออกมา “ไอ๊หยา เกือบลืมไปเลย... ” ว่าแล้วก็ยื่นแขนข้างหนึ่งออกมาสะบัดไปในอากาศ ลั่วถูกับเจียงิ่ก็กลับมาเป็เหมือนเดิม แขนข้างนั้นจึงถอยกลับไปในช่องว่างมิติคืนและปิดตัวลง ราวกับที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลั่วถูกับเจียงิ่ได้แต่ยืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม สมองยังคงว่างเปล่า จนมีเสียงเรียกดังขึ้นจากที่ไกลๆ
“เฮ้ย สหายน้อยลั่วถู พวกเ้าเป็อะไรหรือเปล่า!”
เพียงชั่วพริบตา หลิวฉงเหวินก็พาคนรีบตามมาสมทบ มองไปยังหลุมที่หายไปและก้อนหินที่แตกอยู่ข้างๆ ได้แต่เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น? เมื่อครู่พวกเราได้ยินเสียงะเิ คิดว่าพวกเ้าจะเจอเื่ยุ่งยากเข้าเสียแล้ว!”
พอลั่วถูตั้งสติได้ ก็พยายามย้อนนึกเื่เมื่อครู่ และรีบตอบกลับไป “ไม่มีอะไร แค่ถูกศัตรูที่าเ็สองคนลอบโจมตี แต่จัดการไปแล้ว!”
“เช่นนั้นก็ดี ไม่เป็ไรก็ดีแล้ว!” หลิวฉงเหวินผ่อนลมหายใจ แต่กลับจ้องไปที่เจียงิ่แทนและถามออกไปอย่างสงสัย “นางมาได้อย่างไร?”
“ข้าเป็ห่วงสามี ก็เลยตามมา... ” ไม่รอให้ลั่วถูตอบกลับ เจียงิ่ก็ชิงพูดก่อนเสียแล้ว
ลั่วถูยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้และยิ้มออกมา
หลิวฉงเหวินไม่ได้สนใจ ได้แต่กล่าวเตือนออกมาว่า “พวกเ้าตามข้ามาพร้อมกันเถอะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าคงไม่รู้จะอธิบายกับแม่ทัพตงหลี่อย่างไรดี!”
“ได้ ขอบคุณพี่หลิวที่เป็ห่วง!” ลั่วถูยิ้ม อย่างไรเสียก็เก็บสินาได้ไม่น้อย ก็ควรถึงเวลากลับได้แล้ว พอเตรียมจะก้าวตามหลังหลิวฉงเหวินไปก็ไม่วายหันไปเอ่ยอีกประโยค “เร็วเข้า เ้าจะมัวยืนอึ้งอะไรอีก!”
“มาแล้ว ข้ามาแล้ว... ” เจียงิ่วิ่งตามไปทันที ในแววตากลับเปี่ยมไปด้วยความสุข ไม่เหลือเค้าสายตาเ็าเช่นก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้