“หา ไม่ใช่นะ อาจารย์พูดว่าอะไร?”
เขายังอยากที่จะอธิบายอีก แต่จู่ๆ ฉวีเจี๋ยก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง และมองฉ่ายเชิ่งโฝด้วยใบหน้าที่แปลกใจ
ไม่ใช่ว่าอาจารย์ไม่ยอมรับศิษย์คนนี้หรือ? และยังจะเรียกเขาว่าศิษย์ไม่รักดีอีก?
“ศิษย์ไม่รักดี!” ฉ่ายเชิ่งโฝโบกมืออย่างไม่สนใจ และยังมีท่าทางไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของเขา
แต่ฉวีเจี๋ยกลับยิ้มระรื่น และตื่นเต้นอย่างไร้สาเหตุ ตอนที่เจียงไป๋กำลังจะปริปากพูดปฏิเสธ เขาก็ะโว่า “ลูกพี่ ต่อไปพี่ก็เป็อาจารย์ของฉันแล้วนะ ฉันจะคุกเข่าคำนับให้!”
เขาคุกเข่าลงโดยไม่สนใจอะไร และคุกเข่าคำนับในระหว่างที่เจียงไป๋ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แล้วก็หันไปคำนับให้ฉ่ายเชิ่งโฝอย่างเคารพนอบน้อมอีกสามที
การกระทำนี้ฉ่ายเชิ่งโฝไม่ได้ปฏิเสธ และก็เป็ที่ชัดเจนแล้ว
สิ่งนี้ทำให้ฉวีเจี๋ยยิ้มอย่างชื่นใจ ขอบตาแดงระเรื่อ
“เหอะๆ พวกคุณศิษย์อาจารย์กลับมาดีกันแล้ว ยินดีด้วยๆ มาๆ พวกเรามานั่งที่โต๊ะแล้วกินข้าวไปคุยกันไป สำหรับผมเื่อื่นไม่ค่อยเท่าไร แต่เื่อาหารต้องทำออกมาให้ดี”
จ้าวอู๋จี๋ที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม และยื่นมือออกมาเชิญให้ไปนั่งที่โต๊ะ
ตัวเอกของเื่ราวั้แ่ต้นจนจบอย่างจางฉางเกิงก็ถูกผู้คนเ็าใส่อยู่อีกด้านราวกับเป็คนไม่สำคัญมาตลอด แต่เขาก็ไม่ได้มีอาการไม่พอใจแต่อย่างใด อย่างน้อยเท่าที่เห็นก็เป็เช่นนั้น
ไม่นานแต่ละคนก็นั่งลงและได้รับการปรนนิบัติจากสาวๆ ในชุดกี่เพ้าสองสามคน
หลังจากนั้นหวางเป้าก็ปรบมือเสียงดัง และวินาทีต่อมาประตูใหญ่เปิดออก สาวๆ ในชุดกี่เพ้าหลายสิบคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกนานแล้วก็เดินเรียงกันเข้ามา อาหารคาวที่วิจิตรตระการตาแต่ละอย่างก็มาวางเต็มโต๊ะอย่างทันที มีทั้งโสม เขากวาง อุ้งเท้าหมี สมองลิง หูฉลาม ปลิงทะเล มากมายเต็มไปหมด โดยตรงกลางมีกุ้งัที่ยาวถึงห้าฟุต ยั่วให้น้ำลายไหล ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วห้องในชั่วพริบตาเดียว
“มา ทุกท่านลองชิมดู”
ด้านหนึ่งมีคนเริ่มเทเหล้า ในขณะเดียวกันจ้าวอู๋จี๋ก็โบกมือพลางพูด เพื่อเรียกให้ทุกคนมาลิ้มรสอาหาร
คนส่วนใหญ่ก็แค่ชิมเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรวันนี้ที่ทุกคนมาที่นี่ก็ไม่ใช่เพื่อมากินข้าว และต่างคนต่างก็มีเจตนาของตนเอง การกินข้าวเป็แค่ส่วนประกอบเท่านั้น
ถึงแม้อาหารเหล่านี้จะมีรสชาติดี แต่คนที่นั่งอยู่ตรงนี้มีใครบ้างที่ไม่ได้เติบโตมากับอาหารอันโอชะอย่างนี้ แล้วจะเสียดายของเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ไปทำไม? ดังนั้นจึงแค่ชิมกันนิดหน่อยเท่านั้น
ฉวีเจี๋ยกลับมีความเกรงใจ แต่อาจารย์เขาก็นั่งอยู่ตรงนั้น และเพิ่งจะดีกัน เขาจะยั่วให้อาจารย์โกรธอีกทำไมกัน ก็รู้ว่าท่านไม่พอใจกับมาดของเขา แล้วจะกล้ากำเริบได้อย่างไร?
เขาระมัดระวังตัวจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
มีเพียงแค่เจียงไป๋ที่นั่งดื่มกินอย่างสำราญใจอยู่ตรงนั้นอย่างไม่สนใจใคร ตะเกียบในมือของเขาขยับไปมาไม่หยุด ในขณะเดียวกันหวางเป้าก็เชิญให้ดื่มไปอีกหลายแก้วอย่างไม่ค่อยชำนาญนัก จนทำให้ผู้คนที่มองดูพากันหัวเราะเฮฮา
โดยเฉพาะฉ่ายเชิ่งโฝรู้สึกชื่นชมเจียงไป๋ที่สามารถฝึกตนมาจนถึงขั้นนี้ได้ แต่ยังคงมีจิตใจที่บริสุทธิ์ไม่แปรเปลี่ยน จนทำให้ฉวีเจี๋ยต้องกลอกตาใส่อยู่เนืองๆ
“ถ้าหากเป็ฉัน อาจารย์ก็คงจะด่าว่าเป็คนไม่เอาไหนอย่างแน่นอน”
ฉวีเจี๋ยอดบ่นพึมพำไม่ได้ ทำให้คนอื่นๆ หัวเราะกันยกใหญ่
ต่อมาทุกคนก็พูดคุยถึงสารทุกข์สุกดิบของตน ร่างกายของจ้าวอู๋จี๋ไม่แข็งแรงจึงไม่ดื่มเหล้า แต่ให้หวางเป้าดื่มแทน
ส่วนฉ่ายเชิ่งโฝถึงแม้จะบำเพ็ญตนมาหลายปี แต่กลับไม่ได้ละเว้นเหล้า เขาดื่มไม่หยุดจนทำให้คนอื่นๆ รู้สึกใ ดังนั้นบรรยากาศจึงผ่อนคลาย และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
จะมีก็แค่จางฉางเกิงที่น่าสงสาร ในฐานะคนจ่ายเงินของที่นี่ เขากลับทำได้แค่นั่งหัวเราะอยู่ตรงนั้นอย่างอึดอัด ั้แ่ต้นจนจบเขาก็รู้สึกว่าตนเป็แค่บริกรตัวน้อยๆ ที่คอยเติมเหล้าคีบอาหารอย่างฝืนใจประจบเท่านั้น
เหล้าและอาหารก็ดื่มกินกันพอสมควรแล้ว ทั้งยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เวลานี้จ้าวอู๋จี๋เพิ่งจะเริ่มปริปากพูดกับเจียงไป๋ที่เขาพอจะคุ้นเคยอยู่บ้างแล้วว่า “สหายเจียงไป๋ เื่ของนายกับฉางเกิงฉันรู้แล้ว ที่เขาทำมันไม่ถูก! แต่เขาก็ถือว่าสนิทสนมกับฉันมาหลายปี เื่นี้ฉันหวังว่าควรทำให้มันชัดเจนถึงจะดี”
“คุณพูดมาเสียขนาดนี้แล้วแน่นอนว่าไม่มีปัญหา เื่นี้ก็เลิกแล้วกันไปเถอะ!”
เจียงไป๋รับปากทันที จ้าวอู๋จี๋ก็ปริปากพูดแล้ว เขาก็ไม่อยากจะปฏิเสธ และเขาก็ไม่ได้คิดที่จะจับจางฉางเกิงไม่ปล่อย
“แน่นอนว่าเื่นี้คงจะไม่เลิกรากันเพราะคำพูดแค่สองสามคำของฉัน นายเห็นแก่หน้าฉันนั่นก็คือมิตรภาพของพวกเรา แต่ในเมื่อทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับโทษ!”
จ้าวอู๋จี๋พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
พอได้รู้จักกัน เขาก็รู้สึกว่าเจียงไป๋อัธยาศัยดีมาก ทั้งใจดีและมีจิตใจที่บริสุทธิ์ ต่อหน้าเขาวางตัวดีไม่ได้ถ่อมตัวหรือจะอวดดี และก็ไม่มีเล่ห์กลจนเกินไป ในขณะเดียวกันก็ใจกว้างเป็ที่สุด
ความกังวลต่างๆ ในก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดแล้ว ทำให้เขารู้สึกดีมาก และมีจิตใจที่อยากจะสานสัมพันธ์มากขึ้น แน่นอนว่าจะไม่ทำลายความสัมพันธ์ของคนสองคนเพียงเพราะจางฉางเกิง ดังนั้นคำพูดนี้ของเขาเป็การพูดกับเจียงไป๋ และจางฉางเกิง
ถึงอย่างไรจางฉางเกิงก็เป็คนฉลาด?
จากที่อยู่ชั้นล่างๆ ของวงการก็ไต่ขึ้นมาจนถึงตำแหน่งที่เรียกลมเรียกฝนได้อย่างตอนนี้ จะมีใครบ้างที่ไม่ใช่บุคคลเจนโลก?
พอจ้าวอู๋จี๋ปริปาก เขาก็เข้าใจความหมายแล้ว และรีบลุกขึ้นหยิบเหล้าขึ้นมาหนึ่งแก้วทันทีพลางพูดกับเจียงไป๋ว่า “คุณเจียง ทั้งหมดเป็เพราะเ้าลูกตัวดีของผมที่ทำไม่ดี ผมเข้าใจผิดถึงได้ล่วงเกินคุณเจียงไปอย่างนั้น ขอให้ผู้ใหญ่อย่างคุณอย่าได้ถือสาเด็กมันเลย และยกโทษให้ผมที่ไม่รู้ความ ผมขอดื่มหมดแก้ว”
เมื่อพูดจบ เขาก็ดื่มเหล้าแก้วนั้นจนหมด หลังจากที่ดื่มแล้วเขาก็เริ่มโซซัดโซเซไปมา สีหน้าแดงเหลือเกิน
แต่มันก็ไม่ได้สิ้นสุดลงแค่นี้ เขาโบกมือเล็กน้อย สาวในชุดกี่เพ้าที่ยืนอยู่ไกลออกไปก็ถือกล่องหนังที่เตรียมไว้แล้วหนึ่งกล่องออกจากมุมมาวางไว้ตรงหน้าของเจียงไป๋ และเปิดออก เอกสารเป็กองๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้าเจียงไป๋
“นี่หมายความว่าอย่างไร?”
เจียงไป๋ขมวดคิ้ว เขามองจางฉางเกิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างรู้สึกสงสัย
“คุณเจียงอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เพียงแค่เื่นี้ก่อความเดือดร้อนให้คุณเจียงไว้ไม่น้อย โดยเฉพาะทำให้คุณหนูหลินเสียขวัญ ถึงแม้จะเห็นแก่หน้าเ้าพ่อจ้าว และผู้ใหญ่อย่างคุณเจียงจะไม่ถือสาเอาความผู้น้อย แต่ผมเหลาจางก็ไม่สบายใจ ของเหล่านี้ก็แค่เป็การแสดงน้ำใจเท่านั้น เื่นี้ผมก็ถามเ้าพ่อจ้าวแล้ว ท่านก็เห็นด้วย … ”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจียงไป๋แล้ว จางฉางเกิงก็รีบพูดเสียงต่ำอย่างยิ้มแย้มทันที
ตอนที่เขาพูดก็มีท่าทางอ่อนน้อมมาก ราวกับกลัวว่าเจียงไป๋จะอายจนโกรธเพราะเหตุนี้
“บ้านเดี่ยวติดแม่น้ำในเขติจูหนึ่งหลัง บาร์ในเขตช่างตง ร้านคาราโอเกะในอาคารสำนักงานสามชั้นของเขติจูหนึ่งร้าน ศูนย์อาบน้ำในเขตเจียงหวยหนึ่งแห่ง ร้านรถยนต์ 4S ที่ผลิตในประเทศในเมืองหนึ่งแห่ง อ้อ ยังมีบริษัทขนส่งระดับกลางอีกหนึ่งแห่ง เงินสดยี่สิบล้าน … ช่างมากมายจริงๆ รายการเหล่านี้เกรงว่าถ้าปล่อยไปก็หลายร้อยล้านแล้ว?”
เจียงไป๋หรี่ตาก่อนจะหยิบรายการแผ่นหนึ่งออกมาจากในกล่องแล้วอ่านออกเสียง
้าถึงแม้ว่าจะไม่สนใจ แต่ก็หวั่นไหวแล้ว
ราคาบ้านในเทียนตูก็แพงหูฉี่ แค่บ้านเดี่ยวริมน้ำหนึ่งหลังกับอาคารสำนักงานสามชั้นราคาก็เกินร้อยล้านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย รวมๆ กันแล้วก็ไม่น้อยไปกว่าสองร้อยล้านแน่นอน
“สามร้อยล้านกว่า มีบางอย่างก็ไม่ได้แพงมาก หากคุณเจียงรู้สึกว่ายังไม่พอ หลังจากที่ผมกลับไปแล้วจะเพิ่มให้อีกแน่นอน”
เมื่อเห็นท่าทางของเจียงไป๋ และได้ยินน้ำเสียงอย่างนี้แล้ว จางฉางเกิงก็คิดว่าเจียงไป๋คงจะไม่พอใจที่ของเหล่านี้ราคาน้อยเกินไป เขาจึงรีบพูดเสริมทันที เพราะกลัวว่าเจียงไป๋จะไม่พอใจจากสาเหตุนี้
“ใครว่าล่ะ ไม่น้อยแล้ว ผมพอใจมาก ขอบคุณเ้าพ่อจ้าวมากครับ”
เจียงไป๋รับไว้อย่างยิ้มแย้ม
เอกสารเหล่านี้เขาเพิ่งจะเปิดดู สินทรัพย์ทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็ชื่อของเจียงไป๋อย่างเสร็จสมบูรณ์หมดแล้ว เพียงแค่รอให้เขาเซ็นชื่อ ของเหล่านี้ทั้งหมดก็จะโยกย้ายมาอยู่ในมือของเจียงไป๋ทันที โดยเฉพาะเงินสดที่อยู่ในบัตรใบหนึ่งในกล่อง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายได้เตรียมพร้อมมานานแล้ว
“เหอะๆ เ้าพ่อจ้าวอะไรกัน ไม่ใช่พูดแล้วหรือว่าให้เรียกฉันว่าพี่จ้าวน่ะ หรือว่านายลืมไปแล้ว? หรือว่าไม่เห็นฉันเป็สหายแล้ว? สิ่งเหล่านี้ก็เป็สิ่งที่ฉางเกิงควรจะทำ ของกำนัลพวกนี้ถึงแม้จะน้อยไปหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็น้ำใจจากเขา เพียงแค่น้องชายพอใจก็ดีแล้ว”
จ้าวอู๋จี๋หัวเราะเสียงดัง พลางพูดอย่างคลุมเครือ
วันนี้ที่จางฉางเกิงขูดเืขูดเนื้อตัวเองก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ซึ่งเจตนาจากเขา
มิฉะนั้นถึงจางฉางเกิงจะขอโทษขอโพยแล้วก็ตาม แต่คงจะไม่ขูดเืขูดเนื้อตัวเองเด็ดขาด
จริงๆ แล้วตามความคิดของเจียงไป๋ หากจางฉางเกิงจะชดเชยให้สักสิบหรืออาจจะสองสามล้านก็ได้แล้ว เื่นี้ก็คงจะยุติลง
พูดได้ว่าราคาที่จางฉางเกิงให้ในครั้งนี้มากเสียจนเหนือความคาดหมายของเจียงไป๋
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้