ฉีซีหันกลับมามองโม่ซี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "นายน้อย ข้าจะคืนทองคำสองร้อยแท่งให้ท่าน ข้ามีญาติอาศัยอยู่ในเขตเก้าทางใต้ ตราบใดที่ส่งข้อความไป เขาก็จะใช้คืนแทนข้า ท่านปล่อยข้าไปได้หรือไม่?”
“เข้ามาช่วยข้าทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย อย่าให้ข้าต้องพูดเป็ครั้งที่สอง” โม่ซีขัดจังหวะฉีซีด้วยน้ำเสียงคุกคาม
ทางหอนางโลมไม่กล้าเอ่ยขอทองคำสองร้อยแท่งนี้จากเขาอย่างแน่นอน ทว่าเขาก็ไม่คิดจะบอกเื่นี้กับฉีซี
เมื่อฉีซีได้ยินสิ่งนี้จึงจำใจเดินไปหาเขาอย่างเชื่องช้า นางเคยมีนางกำนัลคอยรับใช้มาโดยตลอด นางจะรู้วิธีทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บุรุษได้อย่างไร
นางตัวสั่นเทาเล็กน้อย ยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าโม่ซีโดยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
เสื้อที่เปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นกล้ามเนื้อบนอกแกร่ง
พวกแก้มของฉีซีแดงเล็กน้อยด้วยความรู้สึกละอายใจ แม้แต่เฝิงซื่อหลางก็ไม่เคยใกล้ชิดกับนางขนาดนี้มาก่อน ไม่ต้องพูดถึงโม่ซีที่สวมเพียงเสื้อผ้าชั้นในซึ่งไม่ต่างจากอะไรจากการเปลือยกาย ถ้าเขาไม่ใช่สามี แล้วนางจะช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างไร?
ฉีซีมือแข็งทื่อ จ้องที่ปมเสื้อบริเวณเอวของโม่ซี ยื่นนิ้วเรียวออกไปและก้มศีรษะลงเพื่อพยายามแก้ปมอย่างยากลำบาก ทว่ายิ่งกังวลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งคลายปมได้ยากขึ้น
โม่ซีลดสายตาลงมองท่าทางงุ่มง่ามของฉีซี แล้วถามเบาๆ "เ้าชื่อว่าอะไร?"
ฉีซีขมวดคิ้ว พยายามอย่างหนักเพื่อแก้ปม ทว่านางกลับแก้ปมแน่นให้กลายเป็เงื่อนตาย จึงเผลอตอบโม่ซีไปว่า "ข้าชื่อฉี..." ทันทีที่พูดออกไป หัวใจของนางก็เต้นระส่ำ นางหลุดปากพูดอีกแล้วหรือนี่?
“หืม?” โม่ซีเลิกคิ้ว
"ข้า ข้าหมายถึง ข้าชื่อ... ซีอี!" ฉีซีมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกทั้งร่าง โชคดีที่นางยั้งปากทัน โม่ซีจึงได้ยินไม่ชัด นางจ้องไปที่ปมเสื้อและคิดออกเพียงคำว่า "อี" เท่านั้น
“ซีไหน อีไหน?”
โม่ซีแค่นเสียงเย็นในใจ นางโกหกได้อย่างงุ่มง่ามถึงเพียงนี้ เขาจึงอยากเห็นว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้จะหลอกลวงเขาอย่างไร
“ซี... ที่หมายความว่าอดีต อี...อีที่หมายความว่าไม่อยากจากไป!” ฉีซีพูดมั่วซั่ว กลัวว่าเขาจะจับโกหกได้ นางไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ทำได้เพียงแสร้งทำเป็จดจ่อกับการแก้ปมเสื้อผ้าและไม่มีเวลาสนใจอะไรอื่น
“จริงหรือ?” สายตาของโม่ซีเ็าลงทุกที ทันใดนั้นก็ยื่นนิ้วมาจับปลายนิ้วเรียวของฉีซีไว้ ความแตกต่างระหว่างมือของบุรุษและสตรีทำให้นิ้วของฉีซีก็ถูกกอบกุมไว้ทันที
การกระทำนี้ทำให้ฉีซีตื่นตระหนก เงยหน้าขึ้นมองเขาและพยายามดึงนิ้วมือของตนออก ทว่ากลับไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย
โม่ซีโน้มตัวไปข้างหน้าและพูดเหมือนไม่มีเจตนา ทว่าแท้จริงแล้วมีเจตนาแอบแฝงอยู่ "มีผู้ใดเคยบอกว่าเ้าคล้ายองค์หญิงหลิวเฟิงบ้างไหม? เมื่อเ้าสวมเสื้อผ้าของนางแล้ว มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉีซีรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า! เมื่อเห็นดวงตาที่ใสราวกับอำพันของเขา ร่างกายก็แข็งทื่อและไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร จึงได้แต่ฝืนยิ้ม "...คงจะอย่างนั้น แต่ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงหลิวเฟิงสิ้นพระชนม์ในกองเพลิงที่ตำหนักหานซิ่วไปแล้ว"
โม่ซีมองรอยยิ้มฝืนของฉีซีและกล้ามเนื้อใบหน้าที่กระตุก รู้สึกว่าทักษะการแสดงของนางแย่มาก เหตุใดตนถึงซื้อนางมากันนะ? อวิ๋นเจินยิ้มเช่นนี้อย่างนั้นหรือ? รอยยิ้มของอวิ๋นเจินเต็มไปด้วยความความบริสุทธิ์ จะมีท่าทีอึดอัดต่อตนเช่นนี้ได้อย่างไร?
เช่นเดียวกับหลิวเฟิงในภาพเหมือน รอยยิ้มของหลิวเฟิงนั้นคล้ายคลึงกับอวิ๋นเจิน ทว่าแววตาของนางแฝงไว้ด้วยความมั่นใจและความสง่างามขององค์หญิงที่มีติดตัวมาแต่กำเนิด จะมีรอยยิ้มที่ประจบสอพลอเช่นนี้ได้อย่างไร?
ทั้งเงาของอวิ๋นเจินหรือแววตาของหลิวเฟิงก็ไม่มีเหลืออยู่แม้แต่น้อย
เมื่อเขาเห็นภาพเหมือนขององค์หญิงหลิวเฟิง ทำให้เขานึกถึงอวิ๋นเจินจึงย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักแห่งนี้ ใบหน้าซีดเซียว ความประหม่า และรอยยิ้มประจบสอพลอของสตรีตรงหน้าตอนนี้ไม่เหมือนใครเลย กลับกลายเป็เหมือนฝูงนกที่บินวนเวียนอยู่รอบตัวของตน
ถึงแม้นางจะไม่ใช่หลิวเฟิง ทว่าก็เป็ไปไม่ได้ที่จะเป็นางกำนัล จากเงื่อนกระตุกกลายเป็เงื่อนตาย มือเล็กๆ ที่กอบกุมอยู่ก็ขาวเนียนนุ่มราวกับหิมะ มีน้ำมีนวล อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูก ดูเหมือนไม่เคยทำงานหนักมาก่อนเลย
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเสียงคำรามของเ้าหน้าที่หอนางโลมในตรอกโกวหลาน เป็ไปได้ไหมว่านางคือสนมของฮ่องเต้แห่งหยวนฉี?
“แต่ผิวเรียบเนียนเช่นนี้ดูไม่เหมือนผิวที่นางกำนัลควรมี ผ้ารัดอกที่เ้าสวมใส่ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางกำนัลควรสวม ดูเหมือน…” โม่ซีจงใจกล่าวประโยคนี้พลางกระชับมือของฉีซีให้แน่นขึ้น
นางกัดฟันแน่น มองดวงตาสีเข้มของโม่ซีด้วยแววตาสั่นระริก
โม่ซีสังเกตเห็นว่ามือเล็กๆ ของฉีซีสูญเสียความอบอุ่น และพวงแก้มสีแดงจางลงจนซีดขาวราวกับกระดาษและพูดอย่างเ็าว่า "สนมของฮ่องเต้แห่งหยวนฉี"
ฉีซีตกตะลึง รีบส่ายศีรษะอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ว่าควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกดีหรือไม่
เขาเดาผิดไปอย่างสิ้นเชิง ทว่าไม่ว่าจะมีตัวตนเช่นไรก็เป็จุดจบ
"ไม่ ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่..." ฉีซีหวาดกลัวและก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ยังเล่นลิ้นอยู่อีกหรือ?” โม่ซีจ้องไปทีดวงตาที่ตื่นตระหนกของฉีซี รอยยิ้มเย็นปรากฏบนริมฝีปาก
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตคือการที่คนอื่นโกหกเขา หลี่อวิ๋นเจินก็โกหกเขาเช่นกัน เมื่อคิดถึงอดีต ความคิดโหดร้ายก็ผุดขึ้นในหัว
“ไม่... นายน้อย ข้าไม่ใช่นางสนมจริงๆ ” ฉีซีเห็นความโหดร้ายที่เคยลงโทษบรรดาสนมและนางกำนัลในพระราชวังในอดีตสะท้อนอยู่ในดวงตาของโม่ซี รัศมีรอบตัวเขาเ็าทำให้ผู้คนหวาดกลัวยิ่งกว่านั้น
“นายน้อยหรือ? เ้าควรจะรู้สิว่าข้าเป็ผู้ใด ช่างน่าขันเสียจริงที่จนถึงตอนนี้ยังคิดถึงหยวนฉีอยู่”
"...ท่านอ๋อง ข้าพูดผิด..." ฉีซีเห็นการเปลี่ยนแปลงของแววตาและสีหน้าของโม่ซี จึงพูดอย่างรวดเร็ว "ข้ารู้สึกซาบซึ้งที่ท่านช่วยข้าไว้ ข้าจะคืนทองคำสองร้อยแท่งให้ท่านจริงๆ โปรดรอข้า...”
“เ้าคิดว่าจะจ่ายทองคำสองร้อยแท่งนั้นคืนได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ? รู้ไหมว่าสตรีสี่คนที่เ้าเจอมีค่าเท่าไร? ทองคำสองร้อยแท่งมีค่าเท่ากับสองหมื่นตำลึง รู้ไหมว่าทองคำสองร้อยแท่งนั้นสามารถจ่ายเงินเดือนให้กับเหล่าขุนนางและทหารทั้งราชวงศ์ได้? อัครเสนาบดีหนึ่งคนได้เงินเดือนเพียงสองร้อยตำลึง เขาต้องทำงานถึงหนึ่งร้อยปีถึงจะได้ทองคำสองร้อยแท่ง เ้าคิดว่ามีผู้ใดสามารถชดใช้คืนได้บ้างล่ะ?"
โม่ซีก้าวไปหาฉีซีที่อยู่ข้างหน้าทีละก้าว ฉีซีก็ก้าวถอยหลังทีละก้าวเช่นกัน
“ถ้าคำนวณตามค่าค่ำคืนของฮวาขุยในหลานตู คืนละหนึ่งร้อยตำลึง เ้าต้องปรนนิบัติบุรุษแปลกหน้าเป็เวลาสองร้อยวันถึงจะชดเชยได้ หากเ้าเป็นางกำนัลจะได้เงินไม่เกินหนึ่งร้อยก้วนต่อเดือน เมื่อใดถึงจะหาได้ครบทองคำสองร้อยแท่งล่ะ? หากเ้าเป็สนมของฮ่องเต้แห่งหยวนฉีจะได้เงินต่อเดือนประมาณหนึ่งร้อยตำลึง ต้องใช้เวลาสองร้อยปีถึงจะหามาคืนได้ครบ…"
เมื่อฉีซีถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง จึงเห็นว่าสีหน้าค่อยๆ ซีดเซียวและหมดหวังลง ราวกับคุณหนูที่ไม่เคยผ่านโลกมาก่อน ทำให้โม่ซียิ่งสงสัยในตัวตนของนางมากขึ้น นางกำนัลหรือ? ทั้งอาณาจักรหยวนฉีและอาณาจักรต้าจิ้งต่างไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติให้เหล่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์มาทำงานหนักรับใช้ผู้อื่นนี่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้