หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเดินไปด้านข้างผู้เฒ่าผู้นั้น ก่อนจะกระซิบบางอย่างข้างหู ผู้เฒ่าผู้นั้นจากเดิมที่มีใบหน้าเรียบนิ่งเปลี่ยนเป็ยิ้มแย้มทันที “ข้าได้ยินชื่อเสียงแม่นางมานานแล้ว”
หนิงมู่ฉือมองผู้เฒ่าผู้นั้นเดินเข้ามาหานาง นางถอยหลังไปสองก้าวด้วยความหวั่นใจขณะยิ้มตอบกลับไป “ท่านคงจะเป็นายอำเภอ”
ผู้เฒ่าผู้นั้นใช้มือลูบเคราด้วยสีหน้าลึกล้ำ ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มเช่นเดิม “แม่นางไม่จำเป็ต้องหวาดกลัว หรือแม่นางกลัวว่าข้าจะกินเ้าหรือ”
“แม่นางเชิญตามข้ามา” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนส่งยิ้มให้หนิงมู่ฉือ ก่อนจะเดินนำไปยังห้องครัว “นายท่านของพวกเราก็เป็คนเช่นนี้ แม่นางรีบปรุงอาหารสักสองสามอย่างเถิด ส่วนคำขอของแม่นาง ข้าจะต้องทำตามอย่างแน่นอน”
หนิงมู่ฉือไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใดกันแน่ ในห้องครัวแห่งนี้เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์มากมาย นางมองไปยังถังใส่ข้าวสาร พอเปิดฝาออก ก็พบว่าในนั้นมีข้าวสารอยู่เต็มถัง นางขบคิด ช่างน่าแปลกนัก แม้จวนแห่งนี้จะเก่ามาก หากแต่ความเป็อยู่เข้าขั้นดีทีเดียว นายอำเภอผู้นั้นดูภายนอกเหมือนจะเป็คนดี แต่พอได้พูดคุยกลับรู้สึกว่าเป็คนลึกลับยากจะคาดเดา
อาหารดีๆ นายอำเภอผู้นั้นคงจะทานจนเบื่อแล้ว หากนางทำอาหารเลิศหรู นายอำเภอผู้นั้นต้องไม่ทานเป็แน่
ขบคิดไปมา นางหั่นเนื้อหมูเป็ชิ้นเล็กๆ ซอยต้นหอมและขิงเพื่อนำมาทำโจ๊กซึ่งเป็อาหารธรรมดาง่ายๆ ครั้นนางต้มโจ๊กไปได้พอประมาณ โจ๊กก็ส่งกลิ่นหอมลอยโชยไปทั่วทั้งจวน ข้ารับใช้ในจวนต่างหันมองไปยังทิศทางของห้องครัวเป็ตาเดียวกัน “ได้ยินว่าแม่นางที่กำลังปรุงอาหารอยู่ในครัวเป็เทพแม่ครัวที่ฝ่าาพระราชทานฉายาให้ด้วยพระองค์เองเชียวนะ!”
ต่อมานางนำปวยเล้งลงไปผัดในกระทะ สีเขียวของมันจะต้องทำผู้คนที่ได้เห็นน้ำลายสอเป็แน่ นางล้างกระทะใหม่อีกรอบ นำงาลงไปผัดกับผักกวางตุ้ง ผัดเสร็จเรียบร้อยก็ตักใส่จาน
นางจุดไฟ ใส่น้ำมันในกระทะอีกรอบ ก่อนจะใส่ผักหุยเซียง อ้ายเย่[1] ต้นหอม ขิง และกระเทียมที่ถูกซอยเป็ชิ้นเล็กๆ ลงไปในกระทะ ผัดสักครู่จึงราไฟ นางตอกไข่สองฟองลงไป เขย่าไปมาให้ไข่ผสมกับน้ำมันจนไข่ขาวเปลี่ยนเป็สีขาวประหนึ่งหยกขาว ไข่แดงแข็งตัวดุจอัญมณีถึงค่อยจุดไฟ เขย่ากระทะให้ไข่ลอยขึ้นฟ้าแล้วตกลงมาในกระทะอย่างพอดิบพอดี
สิ่งสำคัญในการทอดไข่คือไฟต้องร้อนได้ที่
เมื่อไข่สุกนางก็ตักใส่จานสีฟ้า โรยด้วยใบกะเพราตบท้าย เพียงเท่านี้ “ไข่นกขมิ้น” ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
นางเพิ่งจะทำเสร็จได้ไม่นาน หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนก็เดินเข้ามาในห้องครัว มาตักโจ๊กใส่ถ้วยเพื่อนำไปให้นายอำเภอ
เห็นท่าทางรีบร้อนของอีกฝ่าย นางรีบเดินตามไป
นางแอบมองจากทางหน้าต่าง มองนายอำเภอผู้มีใบหน้าเรียบเฉยใช้ช้อนตักโจ๊กเข้าปากหนึ่งคำ ต่อมาใช้สองมือยกถ้วยแล้วดื่มโจ๊กลงไปจนหมด
“ยอดเยี่ยม! รสชาติล้ำเลิศจริงๆ!”
นายอำเภอตักไข่นกขมิ้น ผัดปวยเล้งและผัดกวางตุ้งเข้าปาก เคี้ยวจนหมด จากนั้นเอ่ยออกมาว่า “นกขมิ้นเกาะต้นหลิวร้องเพลง นกกระยางบินขึ้นฟ้า” นางได้ยินประโยคนี้ก็รู้ทันทีว่าเป็สัญญาณที่ดี
นางคิดถูก นายอำเภอทานอาหารดีๆ จนเอียนแล้ว ทำอาหารจำพวกเนื้อให้ทานย่อมไม่ชอบใจ ต้องทำอาหารรสชาติอ่อนๆ เช่นโจ๊กถึงจะถูกใจ ไม่เพียงแค่นั้นยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วย
กะเพราเป็พืชที่ไม่ค่อยพบเจอได้บ่อยนัก นายอำเภอจึงไม่รู้ว่าผักชนิดนี้มีรสชาติเช่นไร แต่เมื่อได้ทานเข้าไป มันให้รสชาติต่างจากผักที่เคยทาน ทั้งมีกลิ่นหอมและเผ็ดแปลกๆ เมื่อทานเข้าไปแล้วยากที่จะลืมเลือน
แม่ครัวผู้นี้ไม่ธรรมดา!
เห็นนายอำเภอทานอย่างเอร็ดอร่อย หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนลอบกลืนน้ำลาย หนิงมู่ฉือเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา “ท่านไม่ต้องใจร้อน หากท่านนำข้าวสารไปส่งให้สองสามีภรรยาผู้นั้น ข้าจะทำอาหารแบบเดียวกับที่ทำให้นายอำเภอให้ท่านทาน และถ้าให้หมูเพิ่ม ข้าจะทำอาหารอย่างอื่นให้ทานด้วย”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนตอบด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ “หากท่านเทพแม่ครัวทำอาหารให้ผู้น้อยทาน อย่าว่าแต่มอบหมูให้สองสามีภรรยาผู้นั้นเลย แม้แต่ตัวข้าข้าก็มอบให้ได้!”
“ข้าก็ด้วยๆ!” ข้ารับใช้คนอื่นกล่าวออกมา ในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก
หนิงมู่ฉือพักอยู่ที่จวนนายอำเภอหนึ่งคืน เช้าวันต่อมา เดิมนางนึกว่าจะได้ออกเดินทาง ที่ไหนได้ นางถูกหญิงรับใช้ในชุดสีชมพูอ่อนปลุกให้ตื่น “ทำอะไรของเ้า ปลุกข้าแต่เช้าด้วยเหตุใด”
หญิงรับใช้เอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “แม่นางอย่าเพิ่งมีน้ำโห ท่านนายอำเภอ้าพบท่านเ้าค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว” นางลุกจากเตียง เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็ไปพบนายอำเภอ ท่าทีของนายอำเภอเปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือ เขายิ้มให้นางด้วยสีหน้าอ่อนโยนมีเมตตา
นางมองท่าทีเช่นนั้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าท่าน้าพบข้าด้วยเื่ใด หรือจะให้ข้าทำอาหารเช้าให้ทาน”
นายอำเภอกล่าวตอบ “แม่นาง วันนี้ของทุกปีจะเป็วันที่พวกเราออกไปช่วยเหลือชาวบ้าน วันนี้ของทุกปีพวกเราจะขึ้นไปที่วัดเก่าบนเขาหนานซานเพื่อต้มโจ๊กแจกชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก ข้าจึงอยากถามแม่นางว่า อยากจะไปกับพวกเราด้วยหรือไม่ แม่นางคือคนของฝ่าา ข้าจึงอยากให้ชาวบ้านรู้สึกสำนึกในบุญคุณของฝ่าา”
แน่นอนว่ามีคนไปเพิ่มอีกหนึ่งคนก็จะได้มีคนมาช่วยเพิ่มอีกหนึ่งคน บางทีอาจจะไม่ต้องใช้คนของเขาต้มโจ๊กเลยก็ได้ หากเป็แบบนั้นจริง ทั้งเขาและคนของเขาจะต้องดีใจมากเป็แน่ นายอำเภอคิดอยู่ในใจ
ถึงอย่างไรแม่นางผู้นี้ก็อยู่ที่นี่ไม่นาน ฉวยโอกาสนี้เรียกใช้นางสักหน่อยจะเป็อะไรไป
หนิงมู่ฉือทำท่าขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบ “ท่านช่างรอบคอบเหลือเกิน ถึงแม้ข้าจะต้องรีบเดินทาง แต่จะไม่ไปก็คงไม่ได้ เพียงแต่ข้าออกมาครั้งนี้ไม่ได้ออกมาเพื่อเที่ยวเล่น แต่มีธุระสำคัญต้องทำ จึงไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ได้นาน ข้าต้องรีบเดินทางไปที่เยี่ยนฉือ เช่นนั้นท่านช่วยให้คนไปส่งข้าที่นั่นได้หรือไม่”
“ตกลง!” นายอำเภอพยักหน้า แม่นางผู้นี้ก็คงจะอยู่ที่จวนเขาอีกแค่ไม่กี่วัน ได้เสพสุขกับอาหารของนางเท่าไหร่ก็คือเท่านั้น “ได้ทานอาหารฝีมือเทพแม่ครัวไปอีกสองสามวันนับเป็วาสนาของข้านัก ได้เพียงเท่านี้ข้าก็ไม่ขอสิ่งใดมากแล้ว”
เขาเป็ห่วงก็แต่เื่เดียว คือหากแม่นางผู้นี้จากไปแล้ว หลังจากนั้นเขายังจะทานอะไรลงได้อีก
นายอำเภอเดินนำหนิงมู่ฉือออกจากจวน ครั้นหนิงมู่ฉือเห็นรูปร่างผอมๆ ของนายอำเภอก็ยิ้มบางพลางเอ่ย “ดูจากท่าทางของท่าน ปกติคงจะทานอาหารไม่ค่อยลง แม้จะมีอาหารดีๆ ให้ทาน แต่ท่านก็ไม่ชอบ เมื่อไม่มีอาหารไปบำรุงร่างกาย ร่างกายจึงผอมและดูโทรมเช่นนี้ เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ท่าน ท่านดื่มไม่กี่วันสุขภาพก็จะดีขึ้น”
นายอำเภอได้ยินเช่นนั้น ยิ้มอย่างดีใจ “แม่นางรู้เื่การแพทย์ด้วยหรือ”
หนิงมู่ฉือพยักหน้า รับกระดาษมาจากข้ารับใช้ข้างกายนายอำเภอมา แล้วเขียนชื่อสมุนไพรลงไป “ซานจาสี่เฉียน เฉินผีสามเฉียน เปลือกต้นเฉียวม่ายสามเฉียน ส่วนอาหารต้องนำแป้งเฉียวม่ายมาต้มเป็โจ๊ก”
หนิงมู่ฉือเขียนเสร็จแล้วก็ส่งให้นายอำเภอ นายอำเภอมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยขณะรับไป ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
[1] อ้ายเย่ หรือโกฐจุฬาลัมพาจีน คือพืชในตระกูลดาวเรือง เป็ไม้ล้มลุก ลำต้นตรงสีเทา สูงประมาณหนึ่งเมตร ใบเป็รูปไข่ ขอบหยักลึกแบบขนนก เป็สมุนไพรที่นิยมใช้ในการแพทย์แผนจีน มีรสชาติขมและมีกลิ่นหอม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้