หลงเซี่ยวอวี่นั่งอยู่กับเล่อเทียนจนฟ้าสว่าง ไม่มีวี่แววหมดความอดทนเลยแม้แต่น้อย กลับจับจ้องเล่อเทียนด้วยใบหน้าเย็นเยียบ ราวกับรังเกียจที่ความเร็วของเขาช้าเกินไป
เล่อเทียนเองก็ไม่สนใจว่าจะถูกหลงเซี่ยวอวี่จับจ้อง เพราะในที่สุดเขาก็ยืนยันได้ว่ารังนกมีปัญหา ทว่าไม่เหมือนการวางยาพิษอันใด แต่เขาคิดไม่ออกว่ามีปัญหาที่ตรงไหน
ในใจของเขากำลังร้อนรน
สิ่งที่จนปัญญาอย่างที่สุดในฐานะที่เป็หมอคือหาสาเหตุของโรคไม่พบ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเจอปัญหาตรึงมือเช่นนี้
เสี่ยวหานเองก็อยู่ข้างเตียงมู่จื่อหลิงมาทั้งคืนไม่ละไปแม้แต่หนึ่งก้าว มองมู่จื่อหลิงอย่างระมัดระวัง มีฉีอ๋องอยู่ ต่อให้นางเหนื่อยล้าก็มิกล้างีบหลับ
นางสงสัยมาโดยตลอด ฉีอ๋องเรียกเล่อเทียนผู้นี้มาตรวจอาการนายน้อย เล่อเทียนกล่าวว่านายน้อยปกติดีทุกอย่าง เหตุใดจึงไม่พูดสาเหตุที่นายน้อยหมดสติไม่ฟื้น
นางนั้นไม่เข้าใจ ตกลงนายน้อยเป็อะไรหรือไม่!
แล้วทำไมท่านอ๋องจึงต้องให้เล่อเทียนตรวจสอบรังนกอะไรนั่น เมื่อกลางวันนายน้อยก็บอกนางว่ารังนกชามนี้ฮองเฮาเป็คนให้มา เพราะตอนนั้นต้องรีบกลับ นายน้อยจึงขอฮองเฮามา
พวกฉีอ๋องสงสัยว่าที่นายน้อยนอนหลับไม่ตื่นเกี่ยวข้องกับรังนกชามนี้หรือ?
แต่ว่าเป็ไปไม่ได้ ก่อนหน้าที่นายน้อยจะหลับไม่ฟื้นไม่ได้กินรังนกอะไรเสียหน่อย แล้วจะเกี่ยวข้องกับรังนกได้อย่างไร?
นางจะบอกฉีอ๋องดีหรือไม่ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน อาจจะมิได้เกี่ยวข้องกับรังนก
เสี่ยวหานสองจิตสองใจ ตกลงจะพูดหรือไม่พูดดี?
สุดท้ายเสี่ยวหานก็ตัดสินใจยังไม่พูดออกไป นางเองก็อยากรู้ว่ารังนกที่นายน้อยนำมาจากในวังจะมีปัญหาหรือไม่ ฮองเฮาคิดทำร้ายนายน้อยหรือไม่
อืม รอเล่อเทียนตรวจสอบออกมาก่อนแล้วนางค่อยพูด อย่างไรเสียนางก็เชื่อว่านายน้อยจะฟื้นขึ้นมา!
คราก่อนนายน้อยนอนหมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืน นี่ก็หนึ่งคืนแล้ว ไม่แน่ว่าอีกประเดี๋ยวนายน้อยก็จะฟื้นขึ้นมา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด มู่จื่อหลิงก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา จังหวะที่ไม่มีผู้ใดรับรู้ หลงเซี่ยวอวี่ก็ออกไปอย่างเงียบเชียบ
เสี่ยวหานเห็นมู่จื่อหลิงยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา ในใจก็ร้อนรนยิ่งนัก แต่นางไม่กล้าไปรบกวนเล่อเทียน ออกไปตักน้ำมาเช็ดตัวให้มู่จื่อหลิงอย่างเงียบๆ......
พระอาทิตย์ขึ้นมาแล้วก็ตกดิน เวลาผ่านไปสองวันอย่างรวดเร็ว
ในเวลาสองวันนี้หลงเซี่ยวอวี่ก็มิได้ปรากฏตัวขึ้นเลย
เสี่ยวหานร้อนใจอย่างยิ่ง นี่ก็สองวันแล้ว มู่จื่อหลิงยังคงไม่ฟื้นคืนสติขึ้นมาเช่นเดิม นางยังคงเช็ดตัวให้มู่จื่อหลิงอย่างตรงเวลาทุกวัน นาง้าป้อนสิ่งของให้มู่จื่อหลิง ทว่าทำอย่างไรก็ป้อนเข้าไปไม่ได้
เวลายิ่งเนิ่นนาน เสี่ยวหานก็ยิ่งหวาดกลัว หวาดกลัวว่านายน้อยจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก หากนายน้อยไม่ฟื้นขึ้นมาอีกจะทำเช่นไรดี
ในเวลาสองวันมานี้ เล่อเทียนก็ไม่เคยหยุดพักแม้แต่หนึ่งเค่อ [1] ยังคงนั่งตรวจสอบอยู่ตรงนั้น คิดวิเคราะห์ทุกแง่มุม ข้าวปลาก็ล้วนไม่สนใจจะกิน ใช้น้ำในการยังชีพ คางเรียวหล่อเหล่ามีหนวดเคราสีเขียวผุดขึ้นมาให้เห็นรำไร
เขาในยามนี้หาได้มีภาพลักษณ์อ่อนโยนสง่างามไม่ แม้ยังคงกระปรี้กระเปร่า แต่ก็เหมือนใบหน้าจะเปี่ยมไปด้วยความเหนื่อยล้า ร่างกายมีกลิ่นแปลกพิกล ผมเผ้ายุ่งเหยิง หากพูดว่าอเนจอนาถเพียงใดก็อเนจอนาถมากไปกว่านั้นเสียอีก
นี่คล้ายคลึงความยืนหยัดของแพทย์ผู้ศึกษาค้นคว้า ทั้งๆ ที่ค้นหาออกมาได้ แต่ก็หาออกมาไม่ได้ แม้จะย้อนแย้งกัน แต่หากไม่พบเหตุและผล ก็เหมือนว่าไม่มีวันเลิกรา
มาถึงวันที่สาม หลงเซี่ยวอวี่ที่ไม่เห็นเงาตลอดสองวันก็กลับมา แม้สองวันนี้เขาจะไม่อยู่ แต่เื่ของตำหนักอวี่หานเขากลับกระจ่างแจ้งดี
หลงเซี่ยวอวี่ชำเลืองมองเล่อเทียนที่กำลังก้มศีรษะไตร่ตรองก็ไม่ได้เอ่ยวาจาใด
เขาหันกายเดินมาข้างเตียงมองมู่จื่อหลิงที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไร้ชีวิตชีวาเหมือนเมื่อสามวันก่อนไม่ผิดเพี้ยน ั์ตาของเขาก็ยิ่งล้ำลึกราวกับยากจะหยั่งถึง ผู้ใดก็ดูความหมายลึกซึ้งภายใต้ั์ตาของเขาไม่ออก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด กุ่ยเม่ยที่เข้าไปอยู่ในวังถึงสามวันก็กลับมา เมื่อเห็นกุ่ยเม่ยกลับมาหลงเซี่ยวอวี่จึงดึงสายตากลับ เดินไปนั่งลงบนตั่งนุ่ม
กุ่ยเม่ยเห็นเล่อเทียนยังนั่งศึกษาอยู่ตรงนั้น ก็ไม่กล้ารบกวน พูดเสียงเบาอยู่ด้านข้างหลงเซี่ยวอวี่อย่างเงียบๆ
หลังจากกุ่ยเม่ยพูดจบ หลงเซี่ยวอวี่ก็ส่งสายตาให้ เขาจึงจากไปอย่างเงียบเชียบ หลงเซี่ยวอวี่ในยามนี้คิ้วขมวดแน่น คล้ายกับว่าใคร่ครวญสิ่งใดอยู่
ทันใดนั้นเล่อเทียนด้านข้างพลันสมองสว่างวาบขึ้นมา เขาตีศีรษะตนเองอย่างหงุดหงิด
ใช่สิ คือสิ่งนั้น เหตุใดเขาไม่นึกถึงให้เร็วกว่านี้นะ ความคิดของฮองเฮาผู้นี้ลึกซึ้งไม่ธรรมดาจริงๆ
เขาพลันยืนขึ้นมาด้วยความตื่นตัว ควบคุมความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ “ข้านึกออกแล้ว ในที่สุดข้าก็นึกออกแล้ว...”
เขาในยามนี้ไม่รู้เลยว่าเขาใช้เวลาในการครุ่นคิดเื่นี้นานเพียงใด ไม่รู้ด้วยว่าคนในห้องออกไปตอนไหน กลับมาเมื่อใด และไม่รู้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวั้แ่บนลงล่างนั้นเต็มไปด้วยความอเนจอนาถ พอๆ กับขอทานตามหัวมุมถนนเลยทีเดียว
หลงเซี่ยวอวี่ได้ยินเสียงก็ดึงความคิดกลับมา เห็นเล่อเทียนเช่นนี้ก็หมดความอดทน สายตาเ็าไร้ความปรานีตวัดไปทางนั้น
เล่อเทียนที่รับรู้ได้ถึงดวงตาเย็นเยียบอันน่าสะพรึงกลัวของหลงเซี่ยวอวี่ก็ย่นคอตนเอง จึงรู้สภาพของตนเอง รู้ว่าตนเองเสียมารยาทแล้ว
แต่ว่าเขาไม่ได้สนใจมากมายเพียงนั้น เขาในยามนี้จู่ๆ ก็เห็นแสงสว่างขึ้นมาในทันใด ราวกับหัวใจที่ตกตะกอนมานานโล่งขึ้นมาโดยพลัน
“กู่ เป็กู่” ต่อให้เล่อเทียนสำรวมกิริยาไปมากแล้ว แต่ก็ยังคงพูดกับหลงเซี่ยวอวี่ด้วยความยินดี
ใช่ เป็กู่นั่นเอง ขณะที่เขาพเนจรไปกับอาจารย์ก่อนหน้านี้ เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน กู่มีหลากสายพันธุ์ พิษเองก็มีเอกลักษณ์เฉพาะแตกต่างกันไป
มีแค่เพียงตอนที่พวกมันอยู่ในร่างกายมนุษย์เท่านั้นถึงจะปล่อยพิษออกมา ไม่แปลกที่เขาจะตรวจหาพิษในรังนกไม่พบ แต่ก็รู้สึกว่าในรังนกต้องมีความผิดปกติ ที่แท้ก็เป็กู่ที่สร้างปัญหาอยู่
แต่เป็กู่สายพันธุ์ใดกันที่ทำให้คนหมดสติไปได้ เหมือนคนตายทั้งที่ยังมีชีวิต?
หลงเซี่ยวอวี่ได้ยินวาจาเช่นนี้ของเล่อเทียนในใจก็ตระหนก สำหรับกู่เขาเคยได้ยินมาบ้าง ของสิ่งนี้เป็ของต้องห้ามในเมืองหลวง ทั่วทั้งแผ่นดินิเยว่มีคนเรียกสิ่งน่ากลัวเช่นนี้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย คนในวังผู้นั้นช่างไม่เลือกวิธีการจริงๆ
“กู่พันธุ์ใด?” น้ำเสียงของหลงเซี่ยวอวี่เย็นเยียบอย่างที่เคยเป็ ทำให้คนฟังจับอารมณ์อันใดไม่ได้
ไม่รู้เลยว่า ภายในใจอันเย็นเยือกของเขานั้นมีความกังวลสายหนึ่ง มู่จื่อหลิง หญิงผู้นี้กินรังนกเข้าไปจริงๆ ใช่หรือไม่?
ยามนี้เล่อเทียนถูกถามจนตะลึงงัน เขาไม่เคยศึกษาสิ่งนี้มาก่อน และนึกไม่ออกเช่นกันว่ากู่พันธุ์ใดที่ทานทนต่อความร้อนได้ ทั้งยังทำให้คนไม่สังเกตเห็นอีกต่างหาก
ตกลงแล้วฉีหวางเฟยได้กินสิ่งนี้จริงหรือไม่ ถึงได้กลายเป็สภาพนี้ หากเป็เช่นนี้จริง ฮองเฮาก็จะน่าสะพรึงกลัวไปแล้ว
เช่นนี้ต่อให้ผู้อื่นรู้ว่าในระหว่างนี้ฉีหวางเฟยกินรังนกที่ฮองเฮาเตรียมให้ สุดท้ายอาจจะสืบไปถึงนางได้ แต่ก็คงสืบไม่พบร่องรอยอันใด
“ไม่รู้ว่าเป็กู่พันธุ์ใด” เล่อเทียนตอบตามสัตย์จริง
ยามนี้เขาไม่สงสัยว่าหลงเซี่ยวอวี่เป็ห่วงมู่จื่อหลิงหรือไม่ อย่างไรเสียเขาก็กำลังกังวลใจ
หากฉีหวางเฟยหลับใหลไปเช่นนี้เพราะกินรังนกเข้าไปจริง เขาก็เสียดายนัก เขาเพิ่งเจอเพียงไม่กี่ครั้ง หวางเฟยกลับจะลาโลกไปอย่างปริศนาเช่นนี้
เห็นเป็เช่นนี้หลงเซี่ยวอวี่จึงมิได้ถามต่อ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าเล่อเทียนคงไม่รู้ หากเล่อเทียนรู้ว่าเป็กู่สายพันธุ์ใด เขากลับจะแปลกใจเสียอีก
เสี่ยวหานย่อมได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเล่อเทียน นางก็กลัวว่าในรังนกจะมีสิ่งใดอยู่จริงๆ
แม้นางจะไม่รู้ว่ากู่คือสิ่งใด ทว่าสิ่งที่เล่อเทียนยังใช้เวลานานเพียงนี้ถึงจะค้นหาออกมาได้ จะต้องเป็สิ่งของที่น่าหวาดกลัวมากเป็แน่
ฮองเฮาคิดจะทำร้ายนายน้อยจริงๆ นี่นา ทำอย่างไรดี เดิมทีนายน้อยต้องตื่นขึ้นมาได้แล้ว แต่เพราะกินรังนกที่ฮองเฮามอบให้มาจึงหลับใหลไม่ได้สติใช่หรือไม่
บัดนี้เสี่ยวหานลนลานแล้ว และไม่สนใจว่าหลงเซี่ยวอวี่จะอยู่หรือไม่ นายน้อยจะไม่อยู่กับนางแล้ว ยังต้องสนใจทำไม
นางพลันวิ่งมาด้านหน้าเล่อเทียน ‘พลั่ก’ คุกเข่าลงแล้วโขกหัวแรงๆ ร้องไห้จนน้ำตานองหน้า “ท่านหมอเล่อเทียน ขอร้องท่านช่วยนายน้อยด้วย ขอร้องท่าน......”
เล่อเทียนถูกการกระทำที่กะทันหันของเสี่ยวหานทำให้ใไปหนึ่งยก แม่สาวใช้ผู้นี้ไหว้ผิดคนแล้วหรือไม่
ฉีอ๋องก็ยังอยู่ เหตุใดสาวใช้ผู้นี้จึงมากราบไหว้เขาเล่า ต่อให้ขอร้องเขาจะมีประโยชน์อะไร เขาเองก็มีใจแต่ไร้กำลังเช่นกัน
“เ้าลุกขึ้นมาก่อนเถิด” เล่อเทียนดึงเสี่ยวหานขึ้นมาอย่างจนปัญญา
“ไม่ ไม่ ท่านหมอเล่อเทียนท่านต้องช่วยนายน้อยได้แน่ๆ เดิมทีนายน้อยนอนไปหนึ่งวันหนึ่งคืนก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว จะต้องเพราะกิน...” เสี่ยวหานดิ้นออกจากมือของเล่อเทียน พูดอย่างร้อนรน
เพียงแต่ยังพูดไม่จบก็ถูกน้ำเสียงเย็นๆ ของหลงเซี่ยวอวี่ตัดบทเสียก่อน
“หุบปาก” หลงเซี่ยวอวี่พูดอย่างเย็นเยียบ
ราวกับหลงเซี่ยวอวี่จะรู้คำพูดต่อไปของเสี่ยวหาน จึงตัดบทนาง หลงเซี่ยวอวี่เองก็นึกไม่ถึงว่าสาวใช้ของมู่จื่อหลิงกับผู้เป็นายจะขวัญกล้าเทียมฟ้าเหมือนกันนัก วาจาเช่นใดก็กล้าพูดออกมา
แม้ยามนี้เขาจะปวดหัวกับเสียงร่ำไห้ที่แม้แต่ผีก็ไม่รับรู้ของสาวรับใช้ผู้นี้นัก แต่ว่านางเพิ่งพูดจุดสำคัญไป มู่จื่อหลิงนอนหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนก็จะฟื้นขึ้นมา? เกิดอันใดขึ้น สาวใช้ผู้นี้รู้อะไรใช่หรือไม่
เล่อเทียนย่อมได้ยินจุดสำคัญในคำพูดของเสี่ยวหาน บางทีสาวใช้ผู้นี้อาจจะช่วยเขาไขปริศนาได้
“เ้าพูดว่าหวางเฟยนอนไปหนึ่งวันหนึ่งคืนก็จะฟื้นขึ้นนี่คืออันใด?” เล่อเทียนย่อตัวลงไปนั่งยองๆ ถามเสี่ยวหานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ทว่าเสี่ยวหานนั้นถูกน้ำเสียงเย็นๆ ของหลงเซี่ยวอวี่ทำให้ใจนิญญาหลุดออกไปแล้ว ปากปิดแน่นติดกัน ไหนเลยจะกล้าส่งเสียง แม้แต่เสียงสะอื้นนางยังกลั้นเอาไว้
แม้นายน้อยจะเกิดเื่ นางก็สามารถทุ่มเทจนหมดหน้าตักอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และไม่เกรงกลัวสิ่งใด นางไม่อยากจะเกรงกลัวจริงๆ แต่...แต่ว่าฉีอ๋องช่างน่ากลัวนัก
“พูด” หลงเซี่ยวอวี่เอ่ยอย่างเ็า
ได้ยินคำพูดของหลงเซี่ยวอวี่ เสี่ยวหานจึงกล้าเคลื่อนไหว
นางกล่าวอย่างหวาดหวั่น “ก่อน...ก่อนหน้านี้นายน้อยก็...ก็เคยนอนไม่ได้สติมาก่อน นาน...นานที่สุดคือหนึ่งวันหนึ่งคืน เรียกอย่างไรล้วนไม่ตื่นเช่นกัน หลังจากตื่นมานางก็จะอ่อนล้ายิ่งนัก ไม่เหมือนท่าทางเพิ่งตื่นนอนเลยแม้แต่นิด นายน้อยพูดมาตลอดว่าไม่เป็อันใด ต่อมานางก็มิได้นอนไม่ได้สติอีก กระทั่งเมื่อสามวันก่อนเ้าค่ะ”
เสี่ยวหานไม่ได้พูดต่อ เพราะเื่ที่เกิดเมื่อสามวันก่อนหน้าฉีอ๋องก็ล้วนรับรู้อยู่แล้ว
์ทรงรู้เมื่อครู่นางรวบรวมความกล้ามากแค่ไหน ถึงได้กล้าพูดมากมายเช่นนี้ต่อหน้าฉีอ๋อง นอกจากเสียงพูดนางก็ไม่กล้าส่งเสียงอันใดอีก
เสี่ยวหานไม่รู้ว่าใช้เวลานานเพียงใดจึงพูดประโยคยาวๆ จบ และหลงเซี่ยวอวี่ก็อดทนฟังคำพูดเสี่ยวหานจนจบอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
หลังจากเสี่ยวหานพูดจบ หลงเซี่ยวอวี่ก็ไม่เอ่ยปากเป็เวลานาน
“เหตุใดเ้าไม่รีบพูด” เล่อเทียนกล่าวกับเสี่ยวหานด้วยความคับแค้นใจ และเขาก็แอบยินดีกับตนเองเงียบๆ
หากเสี่ยวหานพูดเร็วกว่านี้เสียหน่อย เขาคงยืนยันได้แล้วว่าฉีหวางเฟยไม่ได้กินรังนกเข้าไป แต่มีสาเหตุมาจากร่างกายนางเอง นางคงจะฟื้นขึ้นมาได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลานานแค่ไหนเขาก็ไม่รับรู้แล้ว
หากกินรังนกเข้าไปจริงๆ ผลที่ตามมาไม่มีทางใช่การนอนหลับไปเฉยๆ อย่างง่ายดายแน่ กู่น่ากลัวแค่ไหนเขารู้ดี เขาเองยินดีนักที่หวางเฟยคงไม่ได้กินลงไป
“ล้วนเป็ความผิดของบ่าว ขอร้องท่านหมอเล่อเทียนช่วยชีวิตนายน้อยด้วยเถิดเ้าค่ะ” เสี่ยวหานได้ยินคำพูดนี้ก็กระวนกระวาย
เล่อเทียนพูดเช่นนี้เป็เพราะนางไม่บอกให้เร็วกว่านี้ จนไปถ่วงเวลาที่เขาจะช่วยชีวิตนายน้อยใช่หรือไม่ เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี นางมิได้มีเจตนา นางเพียงอยากรู้ว่ารังนกมีพิษจริงหรือไม่ นางมิได้ตั้งใจจริงๆ
ในขณะนี้เอง บนเตียงที่เงียบงันมานานก็มีความเคลื่อนไหวในที่สุด......
-----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เค่อ คือคำบอกเวลาของจีน เท่ากับ 15 นาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้