“ ออกมาได้สักทีนะ ฉันเรียกหล่อนอยู่ตั้งนานนึกว่าตายไปเสียแล้ว ”
แม่เฒ่าหนิงเมื่อเห็นลูกสะใภ้คนที่สี่ออกมาจากห้อง ก็เอ่ยถากถางและแสดงความไม่พอใจของตนเองออกมา
“ หากฉันตายไปแล้วก็คงไม่มายืนอยู่ตรงหน้าคุณแม่หรอกค่ะ ”
เฉินจือหลันได้ยินคำพูดของแม่เฒ่าหนิงก็อยากะโออกไปจริงๆว่าใช่แล้ว เฉินจือหลันตายไปแล้ว ตายไปเพราะถูกแม่สามีใจร้ายอย่างคุณใช้งานอย่างหนัก
“ นี่หล่อนใช้สายตาอะไรมองฉัน ”
แม่เฒ่าหนิงเมื่อเห็นลูกสะใภ้มองมาที่ตนด้วยสายตาอาฆาตแปลกๆก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะเ้าของร่างเดิมแม้ว่าจะถูกด่าหรือถูกทำร้ายร่างกายมากแค่ไหนเธอก็ทำได้เพียงแค่ก้มหน้ารับเท่านั้น
สายตาที่มองมาเมื่อกี้ทำให้แม่เฒ่าหนิงรู้สึกขนลุกเล็กน้อย และรู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้าเหมือนไม่ใช่ลูกสะใภ้คนที่สี่ของตน
“ หล่อนอย่ามัวแต่มามองฉันหล่อนรีบไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นตื่นมาในบ้านก็ต้องรีบกินข้าวแล้วจะได้ไปทำงาน หล่อนก็รู้หน้าที่ของหล่อนดีอย่าให้ฉันต้องสั่งทุกวันจะได้ไหม ”
แม่เฒ่าหนิงเอ่ยสั่งลูกสะใภ้ด้วยท่าทีขึงขัง แต่เฉินจือหลันกลับไม่สนใจการกระทำของแม่เฒ่าหนิงเลยแม้แต่น้อย เธอเดินเข้าไปในครัว แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะไปทำงานตามที่แม่เฒ่าหนิงสั่งเลย
ที่เธอเดินเข้ามาในครัวเพราะเธอ้าต้มน้ำร้อนเอาไปเช็ดตัวให้เด็กๆทั้งสองเพียงเท่านั้น เธอไม่สนใจอยู่แล้วว่าแม่สามีจะทำอย่างไรกับเธอ หากจะลงมือทำร้ายร่างกายเธอเหมือนแต่ก่อนก็ต้องมาคอยดูกันว่าเฉินจือหลันคนนี้จะยอมหรือเปล่า
แต่แม่เฒ่าหนิงจะทำอะไรได้หากไม่ลงมือทำร้ายร่างกาย ก็คงมีแต่ไม่ให้เธอกับลูกกินข้าวเท่านั้น และแน่นอนเฉินจือหลันไม่สนใจอยู่แล้วเพราะของในมิติของเธอมันมีจำนวนมากเหลือเกิน ต่อให้เธอกับลูกทั้งสามกินกันทั้งชีวิตก็กินไม่หมด
เพราะของในมิติคลังสินค้าของเธอนั้นมันช่างมากเหลือเกินคลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ของที่คนเป็พันล้านสามารถใช้และกินลองคิดดูว่ามันจะมหาศาลแค่ไหน
เฉินจือหลันจุดไฟตามความทรงจำของเ้าของร่างเดิมจากนั้นเธอก็ต้มน้ำให้ร้อน เมื่อได้น้ำร้อนตามที่เธอ้าแล้วเธอก็ยกกลับเข้าไปในห้องของตนเอง
“ นี่ๆเธอทำอะไรทำไมเสร็จเร็วจัง ”
แม่เฒ่าหนิงเมื่อเห็นเฉินจือหลันยกถังน้ำกลับเข้าไปในห้องก็รีบลุกเดินเข้าไปในครัว ก็พบว่าเฉินจือหลันยังไม่ได้ทำอะไรเลยเพียงแค่จุดไฟไว้เท่านั้น
หน้าที่ของเฉินจือหลันเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาเธอต้องเตรียมอาหารเช้า ให้ทุกคนในบ้านกินก่อนออกไปทำงาน อาหารเช้าที่เธอต้องทำก็ไม่ใช่อาหารยากอะไรเพียงแค่ต้มธัญพืชหยาบเพียงเท่านั้น และเธอยังต้อง เตรียมต้มน้ำร้อนเพื่อให้คนในครอบครัวใช้ล้างหน้าในตอนเช้าทุกวัน
เมื่อทุกคนออกไปทำงานกันหมดแล้ว งานบ้านทั้งหมดก็จะตกเป็หน้าที่ของเฉินจือหลัน ไม่ว่าจะเป็การซักผ้าของทุกคนในบ้าน ทำความสะอาดคอกหมูเล้าไก่ ให้อาหารสัตว์ต่างๆที่มีอยู่ในบ้านและต้องเก็บกวาด ทำความสะอาดบ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่หลังคา
ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจแม่สามีเล็กน้อย แม่เฒ่าหนิงก็จะทุบตีจนกว่าแม่เฒ่าหนิงจะพอใจ ส่วนคนในบ้านก็รู้เห็นว่าแม่เฒ่าหนิงตีเธออย่างหนักแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร
ส่วนสามีของเ้าของร่างเดิมนั้นทำงานอยู่ในตัวอำเภอเป็พนักงานประจำในโรงงาน ทำให้เขาไม่ค่อยได้กลับบ้านจะกลับบ้านเพียงแค่เทศกาลสำคัญที่เป็วันหยุดยาวเพียงเท่านั้น
ซึ่งเขาเองก็รู้ว่าแม่เขาทำอย่างไรกับภรรยา แต่เขากลับมีท่าทีนิ่งเฉยราวกับว่าสิ่งที่แม่เขาทำนั้นมันถูกต้องแล้ว ผู้ชายที่ไม่สามารถปกป้องภรรยาตัวเองได้ก็ไม่ต่างอะไรจากผู้ชายไร้ค่า เฉินจือหลันไม่คิดจะใช้ชีวิตกับผู้ชายแบบนี้แน่นอนเธอต้องหาทางหย่ากับเขาให้ได้
“ แม่ๆ แม่ๆ ”
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าลูกๆทั้งสองคนของเธอตื่นกันหมดแล้ว เด็กน้อยทั้งสองคนลืมตามองมาที่เธออย่างน่ารัก เฉินจือหลันเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกใจละลาย
“ แม่ๆ แม่ๆ ”
สาวน้อยหนิงอันเมื่อเห็นแม่เปิดประตูเข้ามาแล้ว แต่กลับยืนมองพวกตนสองคนพี่น้องอยู่จึงเอ่ยเรียกอีกครั้ง และก็พยายามจะลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปให้แม่อุ้ม เด็กน้อยทั้งสองอายุ สองขวบแล้วแต่เดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น และก็พูดได้เพียงคำง่ายๆเช่น แม่ๆ หม่ำๆ เท่านั้น
ต่างจากเด็กในยุคปัจจุบันที่ได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวเป็อย่างดีไม่ถึงขวบก็สามารถเดินได้แล้ว แต่เด็กสองคนนี้ทั้งไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และในแต่ละวันเ้าของร่างเดิมก็ไม่ได้มีเวลามาดูแลพวกเขาตลอดเวลา เพียงแค่ปล่อยพวกเขาไว้บนเตียงเท่านั้น และก็จะเดินมาดูพวกเขาบ้างหากเธอว่าง
แต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยว่างเพราะจะถูกแม่สามีคอยจับตามองทุกฝีก้าวว่าเธอทำอะไรอยู่ หากเธอว่างเพียงเล็กน้อยก็จะถูกด่าและสั่งให้ไปทำงานอย่างอื่น
ทำให้พัฒนาการการเจริญเติบโตของเด็กทั้งสองค่อนข้างช้า แต่เมื่อเทียบกับเด็กในหมู่บ้านแล้วก็ถือว่าพัฒนาการของเด็กทั้งสองนั้นไม่ได้ช้า เพราะเด็กๆในหมู่บ้านก็ถูกเลี้ยงไม่ต่างจากลูกของเธอแต่อาจจะได้กินอาหารที่ดีกว่าหน่อย เพราะในยุคนี้คงไม่มีอาหารดีๆมาบำรุงเด็กๆเพราะอาหารจะกินในแต่ละวันก็ถือว่ายากลำบากมากแล้ว
ถึงแม้ครอบครัวตระกูลหนิงจะมีแรงงานทำงานในไร่หลายคน แต่ละคนก็ได้คะแนนงานจำนวนมาก เมื่อถึงเวลาสิ้นปีก็จะได้ส่วนแบ่งอาหารจำนวนมาก แต่ภายในบ้านเองก็มีสมาชิกหลายคนด้วยเช่นกัน เด็กๆที่มีในบ้านก็หลายสิบคนแล้ว ส่วนแม่สามีของเธอก็ไม่ได้ลงไปทำงานเหมือนคนอื่นๆ ทำให้ไม่ได้ส่วนแบ่งอาหาร
เฉินจือหลันเช็ดตัวลูกสาวก่อนส่วนลูกชายเธอให้เขากินนมอยู่เพราะว่าลูกสาวกินไปก่อนแล้ว เมื่อเช็ดตัวลูกสาวคนเล็กลูกชายของเธอก็น่าจะกินนมอิ่มพอดี
เ้าของร่างเดิมเป็คนสะอาดเธอดูแลลูกๆทั้งสองเป็อย่างดี เธอจะเช็ดตัวพวกเขาทุกวัน ส่วนเสื้อผ้าของเด็กๆถึงแม้จะมีรอยขาดและรอยปะชุนจำนวนมาก แต่เ้าของร่างเดิมก็ซักทำความสะอาดเป็อย่างดี ต่างจากเด็กคนอื่นที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควร เพราะพวกเขามักจะสกปรกมอมแมม
เฉินจือหลันที่กำลังจดจ่อตั้งใจเช็ดตัวให้ลูกชายอยู่นั้น เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้แม่สามีของเธอกำลังโมโหเป็อย่างมาก
“ คุณแม่เป็อะไรคะทำไมถึงได้โมโหอย่างนี้ ”
สะใภ้ใหญ่ของบ้านเมื่อออกมาจากห้อง ก็เห็นแม่สามีของตนเองยืนมองไปที่ห้องของน้องสะใภ้สี่ด้วยใบหน้าดำค้ำ
เคร่งเครียด เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่ากำลังโกรธอยู่
“ สะใภ้ใหญ่หล่อนไปเอาท่อนไม้ที่อยู่ในลานบ้านมาให้ฉันซิ ”
“ คุณแม่จะให้ฉันไปเอามาทำไมหรือคะ ”
“ บอกให้หล่อนไปเอามาก็ไปเอามาเถอะอย่าถามมากน่ารำคาญ ”
แม่เฒ่าหนิงเมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้คนโตถามหาเหตุผลกับตนก็หันไปมองหน้าลูกสะใภ้ด้วยความไม่พอใจ สะใภ้ใหญ่เมื่อเห็นแม่สามีมองมาที่ตนแบบนั้น ก็รีบไปเอาท่อนไม้ที่อยู่ในลานบ้านมาให้แม่สามีตามที่แม่สามีสั่ง
ส่วนเฉินจือหลันที่เพิ่งเช็ดตัวให้ลูกชายเสร็จไม่รู้เลยว่าแม่สามีจะทำอะไรกับเธอต่อจากนี้
“ ฉันอยากจะรู้นัก ว่าหล่อนเอาความกล้าที่ไหนมาต่อต้านฉัน ”
แม่เฒ่าหนิงเมื่อรับท่อนไม้จากลูกสะใภ้คนโตก็ใช้ท่อนไม้ขนาดใหญ่นั้นทุบไปที่ประตูห้องของเฉินจือหลันอย่างแรง
เฉินจือหลันที่พึ่งเช็ดตัวให้ลูกชายเสร็จเธอวางเขาไว้ข้างๆน้องสาว เมื่อได้ยินเสียงทุกประตูจากข้างนอก ตัวเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
ประตูห้องเธอก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรถึงแม้แม่เฒ่าหนิงจะไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงเหมือนคนอื่นในบ้านแต่ก็มีกำลังมากพอที่จะทุบประตูห้องที่ไม่ได้แข็งแรงพังได้ ประตูห้องตอนนี้ก็ถึงกับสั่นะเืเหมือนจะพัง
เฉินจือหลันไม่รู้จะทำอย่างไร เ้าของร่างเดิมเป็ชาวปักกิ่ง แต่เมื่อเธออายุครบสิบหกปีเธอก็ถูกส่งมายังหมู่บ้านแห่งนี้ในฐานะเยาวชนเพื่อพัฒนาหมู่บ้าน และเมื่ออายุครบสิบแปดปีเธอก็ได้แต่งงานกับหนิงป๋อชายหนุ่มในหมู่บ้านที่มีอายุมากกว่าเธอถึงสี่ปี
เฉินจือหลันยังไม่ได้วางแผนให้กับชีวิตของตนเองเลย ถึงแม้เธอจะออกจากบ้านหลังนี้แต่เธอก็ต้องวางแผนด้วยว่าถ้าออกจากบ้านหลังนี้เธอจะอยู่ไหน และใช้ชีวิตกับลูกต่อไปอย่างไรส่วนเื่สามีแน่นอนอยู่แล้วว่าเธอต้องหย่ากับเขาแน่นอนเพราะเธอมั่นใจว่า เธอไม่มีทางใช้ชีวิตกับผู้ชายที่ยอมให้แม่ของตนเองทำร้ายภรรยาได้โดยไม่ปกป้อง
“ โครม!! ”
เมื่อประตูห้องของเฉินจือหลันที่ถูกแม่เฒ่าหนิงทุบพังลง ทำให้ตอนนี้สามารถเห็นภายในห้องของเฉินจือหลันได้ทั้งหมด
เฉินจือหลันกับแม่เฒ่าหนิงมองหน้ากันไปมา ส่วนพี่สะใภ้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆแม่สามีเองก็มองเข้ามาเห็นน้องสะใภ้สี่ที่อยู่ในห้อง ที่ตอนนี้ไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม่สามีเลยแม้แต่น้อย หล่อนก็รู้สึกใเป็อย่างมาก
ความโกรธที่กำลังปะทุของแม่เฒ่าหนิง ทำให้แม่เฒ่าหนิงใช้ไม้ที่ถืออยู่ในมือฟาดไปที่เฉินจือหลันด้วยแรงทั้งหมดที่มี เฉินจือหลันที่มองไปที่ไม้ตลอดเมื่อเห็นว่ามันกำลังฟาดมาที่เธอ เธอก็ไม่ได้โง่ที่จะรับไม้นั้น เธออุ้มลูกสาวกับลูกชายพร้อมกับะโลงจากเตียง จากนั้นก็วิ่งหลบไม้ที่ฟาดมาได้อย่างหวุดหวิด แล้วเธอก็วิ่งออกจากห้องไป
สมาชิกทุกคนในบ้านตระกูลหนิงเองเมื่อได้ยินเสียงดังโครมครามที่แม่เฒ่าหนิงทำขึ้นก็พากันออกมาดูทั้งหมด ทุกคนเห็นเฉินจือหลันที่กำลังอุ้มลูกทั้งสองยืนอยู่ที่ลานบ้าน กับแม่เฒ่าหนิงที่กำลังถือท่อนไม้ขนาดใหญ่อยู่ สายตาที่แม่สามีลูกสะใภ้คู่นี้ใช้มองการราวกับจะฆ่ากันให้ตาย
“ สะใภ้ใหญ่เกิดอะไรขึ้น ”
พ่อเฒ่าหนิงไม่รู้จะถามเื่ที่เกิดขึ้นกับใคร ถามกับภรรยาตอนนี้ก็คงจะไม่ได้คำตอบ ส่วนถ้าจะถามกับลูกสะใภ้คนที่สี่ ก็เหมือนจะไม่ต่างกับภรรยา จึงเอ่ยถามลูกสะใภ้คนโตที่อยู่ไม่ไกลจากภรรยาของตนมากนัก
“ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณพ่อ ”
สะใภ้ใหญ่ก็ไม่รู้จะบอกพ่อสามีอย่างไรเพราะเธอเองก็ไม่รู้ เพราะเมื่อออกมาจากห้องแม่สามีก็บอกให้เธอไปหยิบท่อนไม้มาจากนั้นก็ทุบไปที่ประตูห้องสะใภ้สี่ โดยที่ไม่ได้บอกอะไรเธอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้