ฮูหยินซ่งอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางลังเลที่จะพูดต่อ
“ฮูหยินซ่ง ยานี้มีอันใดเ้าคะ? เอามาได้ยากหรือเ้าคะ?” เวินซีใกับท่าทีของนางจึงเอ่ยปากถาม
ฮูหยินซ่งมองกลับมา ไม่นานนักก็ถอนหายใจ “มิได้เอามายากหรอก แต่มันเป็รางวัลสำหรับผู้ชนะในการแข่งขันทำเครื่องหอมน่ะสิ มีเพียงเม็ดเดียว”
การแข่งขันทำเครื่องหอม?
เวินซีมองดูสีหน้าของฮูหยินซ่ง ในใจพลางสงสัยว่านี่เป็ข้ออ้างเพื่อกล่อมให้นางเข้าร่วมการแข่งขันทำเครื่องหอมหรือไม่
“จื้อหยางนั้นหายากมาก สิ่งที่ทรงพลังกว่าจื้อหยางย่อมเป็ของที่ล้ำค่ายิ่งกว่า เป็สิ่งที่พบได้เพียงหนึ่งเดียวในหลายร้อยปี มันถูกถวายให้ฮ่องเต้และเก็บอยู่ในคลังของพระราชวัง”
“ยาเม็ดนี้ข้าก็ได้มาเพราะว่าองค์ฮ่องเต้ประทานให้เป็รางวัลของผู้ชนะ”
มีหรือที่ฮูหยินซ่งจะไม่รู้ว่าเวินซีคิดอันใด นางจึงอธิบาย
“ฮูหยินซ่ง ท่านจำที่เราพนันกันได้หรือไม่เ้าคะ นี่คือคำขอของข้า” เวินซีรู้ว่าจ้าวต้านกำลังรออยู่ นางจะกลับไปมือเปล่ามิได้ แววตาของนางแน่วแน่ ฮูหยินซ่งจึงได้แต่นิ่งเงียบ
“ฮูหยินซ่ง หากท่านกลัวว่าจะถูกตำหนิ ท่านบอกไปก็ได้นี่เ้าคะว่าจวนซ่งถูกปล้น”
“ข้ามีวิธีที่จะหาทางออกได้ทั้งสองทาง” ฮูหยินซ่งกล่าว “ในเมื่อมันเป็รางวัลของการแข่งขันทำเครื่องหอม เช่นนั้นเ้าก็เข้าร่วมการแข่งเสีย ฝีมือในการทำเครื่องหอมของเ้าข้าก็เคยได้เห็นมาแล้ว”
ในที่สุดฮูหยินซ่งก็ยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง
“ฮูหยินซ่ง เกรงว่าข้าจะรอนานเช่นนั้นมิได้เ้าค่ะ ข้า้ายานี้ไปช่วยชีวิตคน”
“ข้าจะให้ยากับเ้าก่อน ข้าเชื่อมือเ้า รอสักครู่”
ฮูหยินซ่งเดินไปที่ห้องด้านหลัง ตอนที่ออกมาก็ถือกล่องไม้หงมู่ [1] ที่ประณีตออกมาด้วย
นางกดปุ่มเปิด กล่องไม้ก็เด้งออกมา ยาที่อยู่ด้านในทำให้ดวงตาของเวินซีเป็ประกายด้วยความดีใจจนยากจะปกปิดไว้
หญ้าเร่อหลิง
ถึงแม้จะมิได้แข็งแกร่งเท่ากับหญ้าหิ่งห้อยร้อน แต่มันก็เป็พืชประเภทเดียวกัน แม้จะไม่สามารถแก้พิษของเนี่ยนหานกู่ได้ แต่ก็สามารถยับยั้งไว้ได้อย่างดี
“ขอบคุณเ้าค่ะฮูหยินซ่ง”
เวินซีรับกล่องไม้และกอดมันไว้ราวกับเป็ของล้ำค่า
“ในเมื่อข้าให้ยาเ้าแล้ว ในการแข่งขันทำเครื่องหอมเ้าก็อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ” ฮูหยินซ่งยิ้มให้
เวินซีจึงรับคำ “ฮูหยินซ่ง วันนี้ข้ายังมีเื่ด่วน วันหลังข้าจะมาหานะเ้าคะ”
นางเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว เมื่อหันกลับมามองก็เห็นว่าฮูหยินซ่งได้เดินตามมาด้วย
“ฮูหยินซ่งมีอันใดเ้าคะ?”
“ข้าอยากจะเห็นเ้าของป้ายโองการนี้”
“เช่นนั้นฮูหยินรีบตามมานะเ้าคะ”
ฮูหยินซ่งช่วยแก้ปัญหาใหญ่เช่นนี้ให้ เวินซีจะกล้าปฏิสธได้อย่างไร
ทั้งสองใช้ประโยชน์จากตอนกลางคืนที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น รีบเดินเข้าไปในวิหารที่ผุพัง
ทว่าในระหว่างที่เวินซีออกไปเอายา เนี่ยนหานกู่ในตัวจ้าวต้านกลับแผลงฤทธิ์ขึ้นอีกครา เขากัดปากอดทนอย่างทรมาน าแที่ถูกพันไว้ทั่วร่างก็ฉีกออกอีกครั้งเพราะว่าดิ้นไปมา
เวินซีจุดเทียน หลังจากที่เผาไฟฆ่าเชื้อเข็มเงินก็เริ่มฝังเข็มเข้าที่ร่างของเขา แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะไปกระตุ้นหนอนกู่ในร่างและทำให้พิษแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ฮูหยินซ่งหลบอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วมองจ้าวต้าน นางแน่ใจในตัวตนของเขาได้ทันที ที่แท้ก็เป็ใต้เท้าผู้นั้นจริงๆ เขายังไม่ตาย
“ฮูหยินซ่ง ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่เ้าคะ?”
จ้าวต้านดิ้นอย่างรุนแรงเพราะเ็ป ขณะนั้นเวินซีเริ่มหมดแรงที่จะรั้งเขาไว้ ภาพที่เขาแผลงฤทธิ์คราก่อนยังชัดเจนอยู่ในหัวของนาง นางจึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากฮูหยินซ่ง
ฮูหยินซ่งเข้าไปข้างหน้า ในแววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
“ฮูหยินซ่งช่วยฉีกผ้าแดงพวกนั้นได้หรือไม่เ้าคะ?”
เมื่อมองตามสายตาของเวินซี ฮูหยินซ่งก็เห็นผ้าแดงที่แขวนอยู่บนขื่อ นางเดินไปฉีกมันออก ฝุ่นกองใหญ่จึงร่วงลงมาทำให้คนสำลัก นางไอสองสามครั้ง แต่ไม่กล้าชักช้าจึงรีบมอบผ้าแดงให้เวินซี
เวินซีมีสีหน้าจริงจัง เอาผ้าแดงฉีกเป็เส้นบางๆ แล้วมัดตัวจ้าวต้าน จนในที่สุดก็ควบคุมเขาได้
นางถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะนำเข็มเงินฝังลงไปตามร่างกายของเขา
หญ้าเร่อหลิงสามารถทานสดๆ ได้ เวินซีหั่นเป็แผ่นแล้วป้อนให้จ้าวต้าน ดีที่เขายังมีสติอยู่บ้างจึงกลืนเข้าไปทั้งหมด
ในเวลาต่อมา เสียงไก่ขันก็ดังขึ้น บ่งบอกว่าด้านนอกเป็เวลาใกล้รุ่งสาง หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จ เวินซีก็ล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรงพลางหายใจหอบ
หาเื่ใส่ตัวเก่งจริงๆ นางนึกด่าตัวเอง
เมื่อมองดูจ้าวต้านที่นอนสลบอยู่บนพื้น เวินซีก็ส่ายศีรษะ สุดท้ายตนเองก็ทนยืนดูเฉยๆ มิได้ ในตอนที่นางพอจะมีแรงก็ลุกขึ้นนั่งแล้วเคลื่อนย้ายตัวจ้าวต้าน
คนพวกนั้นจะต้องตามหาเขาจนพบในไม่ช้าก็เร็ว หากอยู่ที่นี่นานจะยิ่งไม่ปลอดภัย
“หากไม่รังเกียจ ก็ซ่อนเขาไว้ที่จวนซ่งเถิด”
ในขณะที่เวินซีกำลังกังวลเื่ที่ซ่อนตัวเขาอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินข้อเสนอของฮูหยินซ่ง
“จะทำให้ฮูหยินซ่งเดือดร้อนหรือไม่เ้าคะ?”
“ไม่หรอก ไม่มีผู้ใดกล้ามาค้นจวนซ่ง อีกทั้งจ้าวต้านก็มีบุญคุณกับตระกูลซ่ง ข้าควรตอบแทนเขา”
เวินซีเม้มริมฝีปาก มันเป็วิธีเดียวที่จะทำได้ในตอนนี้
“รบกวนฮูหยินด้วยนะเ้าคะ”
ทั้งสองช่วยกันหารถม้ามาหนึ่งคัน แล้วนำจ้าวต้านส่งไปที่ประตูหลังของจวนตระกูลซ่ง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี เวินซีก็กลับไปที่ร้านเครื่องหอม ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรงและหลับไป
ที่จวนตระกูลซ่ง จ้าวต้านถูกนำตัวไปอยู่ในห้องที่ลึกลับที่สุดด้านหลัง ฮูหยินซ่งคอยอยู่ข้างๆ เขา นางกระตือรือร้นเสียจนทำอันใดไม่ถูก เดิมทีนางอยากจะส่งข่าวออกไป แต่ก็นึกถึงเขาที่ยังเจ็บหนักจึงอดทนไว้ก่อน
“ฮูหยินซ่ง”
จ้าวต้านที่อยู่บนเตียงค่อยๆ ตื่นขึ้น เขาเรียกนางเบาๆ สายตาพลางสังเกตไปรอบห้อง เมื่อไม่เห็นสตรีผู้ที่ตนหวังจะได้เห็นจึงหลับตาลง
“ข้าน้อยขอเข้าร่วม...” ฮูหยินซ่งย่อตัวลง
“ฮูหยินซ่ง ที่นี่มิใช่เมืองหลวง ข้าเป็เพียงจ้าวต้าน ไม่จำเป็ต้องเคารพข้า” จ้าวต้านเอ่ยขัดนาง
“ก็จริงเ้าค่ะ คุณชายจ้าวดีขึ้นแล้วหรือเ้าคะ?” ฮูหยินซ่งยิ้มเบาๆ
“ฮูหยินซ่ง นางล่ะ?” จ้าวต้านมิได้สนใจตัวเองนัก แต่เป็สตรีที่ช่วยเขาไว้ต่างหาก
“เมื่อคืนเวินซีงานยุ่งทั้งคืน นางกลับไปพักผ่อนแล้วเ้าค่ะ คุณชายจ้าวต้องพักผ่อนให้ดี เวินซีเป็ห่วงท่านมาก”
“เมื่อคืนนางมาหาข้าเพื่อเอายารักษา เกือบจะพังจวนข้าเชียวเ้าค่ะ”
ฮูหยินซ่งแกล้งพูดเล่น
จ้าวต้านแย้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยด้วยสีหน้าอ่อนโยน เมื่อคิดไปถึงใบหน้าของนางที่ไม่ชอบใจตอนที่รักษาเขาก็พลันส่ายหน้า
นางรู้ว่าเขาโกหก ครานี้คงทำให้นางหายโกรธยาก บางครั้งเขาก็หวังว่านางจะฉลาดน้อยลงอีกหน่อย หากเป็เช่นนั้น เขาก็คงไม่เหลียวมองจนทำอันใดมิได้เช่นนี้
“คุณชายจ้าวพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน” ฮูหยินซ่งเห็นท่าทีของเขา ในใจก็แอบยิ้ม
“ฮูหยินซ่ง คนที่เมืองหลวงติดตามข้าทุกย่างก้าว เื่ที่ได้พบข้า จะช่วยปิดไว้เป็ความลับได้หรือไม่”
“ข้าเข้าใจเ้าค่ะ คุณชายโปรดวางใจและรักษาตัวเถิด ่นี้ข้าจะมิให้ผู้ใดได้รับรู้”
ประตูห้องปิดลงเหลือเพียงจ้าวต้านอยู่ในห้องคนเดียว สายตาของเขาจับจ้องไปที่หน้าต่าง
การที่อีกฝ่ายซุ่มโจมตีครั้งนี้ ทำให้ทหารลับที่เขามีอยู่หายไปกว่าครึ่ง เกรงว่าเวลาออกเดินทางจะต้องล่าช้าออกไปอีก
......
ในเวลาต่อมา ตอนที่เวินซีตื่นขึ้นก็เที่ยงวันแล้ว เพราะว่าตระกูลเวินเปิดร้านใหม่ ร้านของนางจึงมีลูกค้าน้อยลงมาก
จ่างกุ้ยนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขากำลังไม่สบายใจเื่สูตรเครื่องหอมของเวินอี๋เหนียง
เวินอี๋เหนียงชอบจดบันทึกสูตรน้ำหอมไว้บนกระดาษ ไม่รู้ว่าตระกูลเวินยังมีสูตรของนางอีกเท่าไร เมื่อจ่างกุ้ยเห็นพวกเขานำสูตรเครื่องหอมไปใช้ก็รู้สึกขยะแขยงเสียยิ่งกว่าทานแมลงวัน
“คุณหนูเวินซีขอรับ” จ่างกุ้ยเอ่ยเรียกเมื่อเห็นนางเดินออกมา
เวินซีพยักหน้าเป็การตอบรับ
“เวินซี” ขณะนั้นเองที่ด้านนอกร้าน ฮูหยินซ่งก็เดินเข้ามาด้วย
ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่เวินซีจะพานางไปที่สวนหลัง
หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดคอยสอดส่อง เวินซีก็ค่อยๆ ถามว่า “จ้าวต้านเป็เช่นไรบ้างเ้าคะ?”
“ไม่มีอันใดร้ายแรงแล้วล่ะ เื่การแข่งขันทำเครื่องหอมข้าได้เตรียมไว้แล้วนะ เมื่อถึงเวลา เ้าไปเข้าร่วมได้ทันที นี่คือใบลงทะเบียน เก็บไว้ให้ดีล่ะ”
ฮูหยินซ่งมอบใบลงทะเบียนให้
“เื่เมื่อวานต้องขอบคุณฮูหยินซ่งจริงๆ เ้าค่ะ หากมิได้ฮูหยินซ่ง วันนี้จ้าวต้านคงได้กลายเป็ศพไปแล้ว” เวินซีรู้สึกขอบคุณ
“เป็เื่ที่ข้าควรทำ จ้าว...”
“คุณหนูเวินซี มีคนมาหาขอรับ” จู่ๆ จ่างกุ้ยก็เปิดผ้าม่านออกมา ขัดจังหวะทั้งสองคน สีหน้าของเขาเคร่งเครียดและดูเป็กังวลมาก
เวินซีพลันสงสัย ขมวดคิ้วและมองออกไปทางผ้าม่าน จึงเห็นว่ามีคนมาล้อมรอบร้านเครื่องหอมไว้
เชิงอรรถ
[1] หงมู่ 红木 หมายถึง ไม้มะฮอกกานี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้