โรงน้ำชาซินเยว่ หากไม่พบก็ไม่กลับ ฮวาเหยียนเน้นย้ำอีกครั้ง
จู่ๆ มู่เสวียนเย่ก็กำกุญแจทองคำในมือแน่น เขาพ่นลมหายใจออกมาคราหนึ่ง แล้วเดินจากไปอย่างใจลอย...
“ยากที่จะเห็นพี่ใหญ่ของเ้ามีท่าทีตกตะลึงเช่นนี้ มิใช่ว่าดีใจจนบ้าไปแล้วหรอกนะ?”
มู่เอ้าเทียนพึมพำ
ฮวาเหยียนและหยวนเป่ามองหน้ากัน ทั้งสองคนที่ทราบว่าความจริงเป็เช่นไรต่างนิ่งเงียบไม่พูดจา
เอาเถิด มิใช่ว่าพี่ใหญ่ตระกูลมู่ดีใจจนบ้าหรอก เกรงว่าเมื่อครู่ในใจเขาคงปั่นป่วน เดี๋ยวรู้สึกผิด อีกเดี๋ยววิตกกังวล ทั้งยังมีความยินดีอยู่เล็กน้อยด้วยกระมัง
ยังมีพี่หญิงมู่ วันพรุ่งเมื่อถึงเวลานัดแล้วเห็นว่าผู้ที่ปรากฏตัวในห้องดอกโบตั๋นมิใช่นางแต่เป็พี่ใหญ่ เมื่อนั้นพี่หญิงเองก็น่าจะดีใจมากเช่นกัน และด้วยสติปัญญาของพี่หญิง นางก็คงเดาตัวตนของนางได้ทันที
ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ
ช่างเป็แผนการเช่นอาภรณ์์ไร้รอยตะเข็บ [1] จริงๆ
“คืนนี้ให้หยวนเป่านอนกับข้า ลูกรัก เ้าก็เข้านอนเร็วขึ้นหน่อยเถิด”
มู่เอ้าเทียนเอ่ยทิ้งท้ายพลางกำลังจะอุ้มหยวนเป่าน้อยจากไป แต่ฮวาเหยียนกลับรีบหยุดเขาเอาไว้ “ท่านพ่อ รอประเดี๋ยวเ้าค่ะ ข้ามีเื่้าสอบถามท่าน”
“หืม?”
“วันนี้ท่านเข้าวัง ฮ่องเต้มิได้ตรัสเื่อื่นอีกหรือเ้าคะ? พระองค์ตรัสถามแค่การแต่งงานสองเื่นี้หรือเ้าคะ?”
หลังฮวาเหยียนพูดจบ นางก็ได้ยินมู่เอ้าเทียนพ่นลมหายใจเ็า “มีคนกล่าวโทษพ่อและฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์ พูดถึงเื่ที่เกิดขึ้นหน้าประตูเมือง พ่อจึงทูลบอกพระองค์ถึงความชั่วของบุตรชายมือขวาเสนาบดีฝ่ายทหาร พระองค์พิโรธยิ่ง ตรัสว่าจะทรงสอบสวนอย่างเข้มงวด
อ้อ ใช่แล้ว ฮ่องเต้ตรัสชมเชยที่เ้ามีเมตตา จึงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้เ้าชิ้นหนึ่ง”
ทันทีที่ฮวาเหยียนได้ยิน ในใจของนางก็จดบัญชีนี้เอาไว้ เื่ที่นางทิ้งบุตรชายมือขวาเสนาบดีฝ่ายทหารและทำร้ายใบหน้าของจวิ้นจู่หลิวซวง ย่อมไม่สามารถปล่อยผ่านไปทั้งเช่นนี้แน่ ตามที่คาดการณ์ไว้ย่อมต้องมีคนนำไปกล่าวโทษบิดาของนางลับหลัง เ้าพวกคนชั้นต่ำใจทราม
โชคดีที่ท่านพ่อเป็คนฉลาด ในใจไม่มีเื่ใดต้องปิดบัง
“ท่านพ่อ เช่นนั้นหยกสมปรารถนาเล่า?”
ฮวาเหยียนกะพริบตาปริบ ดวงตาทั้งสองทอประกาย นาง้าดูว่ารางวัลที่ฮ่องเต้พระราชทานให้เป็เช่นไร
“หืม? พ่อของเ้าปฏิเสธไปแล้ว ้ารางวัลอันใดกัน? พ่อทูลฮ่องเต้ว่านี่คือสิ่งที่เ้าควรทำอยู่แล้ว ไม่จำเป็ต้องพระราชทานรางวัลให้”
ฮวาเหยียนพูดไม่ออก “...!”
ท่านพ่อ ท่านพูดถูกต้องทุกอย่าง!
“ท่านตา หยวนเป่ายังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยขอรับ”
“ไปกันเถิด ห้องของตามีเตาเล็กๆ อยู่ ไปกินข้าวที่เรือนของตากัน กินเสร็จก็เข้านอนพร้อมตา”
มู่เอ้าเทียนเดินไปในอาณาเขตที่พักของตนพร้อมหยวนเป่าในอ้อมแขน
“ท่านพ่อ ข้าก็ยังไม่ได้กินนะเ้าคะ”
ฮวาเหยียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางเองก็ยังไม่ได้กินเช่นกัน ดังนั้นท่านพ่อที่เดินจากไปไกลแล้วจึงโบกมือให้ก่อนกล่าวว่า “ลูกรัก มีอาหารอยู่ในครัว เ้าให้สาวใช้ยกไปทานที่ห้องเถิด”
ฮวาเหยียนอับจนวาจา ท่านพ่อมิได้บอกว่านางเป็ดั่งสมบัติล้ำค่าหรอกหรือ?
...
ฮวาเหยียนกลับมาที่เรือนชิงเฟิงของนาง ก่อนจะปลุกเสี่ยวไป๋ที่นอนอย่างเกียจคร้านขึ้นมาทานข้าวด้วยกัน แล้วพามันไปเก็บไว้ในช่องว่างมิติ จากนั้นจึงหลับไป
กลางดึกค่อนคืน ทางฝั่งที่พำนักอาศัยของครอบครัวรองก็เกิดเสียงร้องไห้โหยหวนของหลิ่วซื่อ เสียงดังน่ารำคาญจนไก่สุนัขก็ไม่เป็สุข [2] มีเพียงฮวาเหยียนเท่านั้นที่พลิกตัวแล้วนอนต่อ
ต่อมาจึงได้ยินว่าเป็เพราะหลิ่วซื่อพบงูบนหัวเตียงตอนกลางดึก และด้วยความในี้นางจึงล้มป่วย ไม่ได้ออกจากเรือนเป็เวลาเจ็ดแปดวัน นี่นับเป็เื่ที่กล่าวกันต่อมาในภายหลัง
วันรุ่งขึ้น ฮวาเหยียนจิตใจสงบสดชื่น หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ นางก็สั่งให้โรงครัวปรุงไข่ให้เสี่ยวไป๋เพิ่มอีกหนึ่งฟอง เพื่อเป็รางวัลสำหรับเ้าตัวน้อย เหล่าคนรับใช้ที่รู้เื่ก็มิได้ถามอันใดเพิ่มเติม
เมื่อมองดูเวลา ก็พบว่าใกล้ถึงเวลาที่ตกลงกับหลงจู้หออู๋ิแล้ว
วันนี้ฮวาเหยียนไม่ได้อุ้มเสี่ยวไป๋ไปด้วย และออกจากจวนไปเพียงคนเดียว
เดิมทีนาง้าไปเยี่ยมพี่ใหญ่ เตือนเื่ที่วันนี้เขามีนัดกับแม่นางมู่ที่โรงน้ำชาซินเยว่ ผู้ใดจะรู้ว่าวันนี้ทุกคนในจวนจะยุ่งเป็พิเศษ ทั้งท่านพ่อและพี่ใหญ่ออกไปจากจวนั้แ่เช้า กระทั่งหยวนเป่าน้อยก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา เหลือนางเพียงคนเดียว ดีที่นางยังมีเื่ให้ต้องทำ ดังนั้นนางจึงออกจากจวนเมื่อเก็บของเรียบร้อยแล้ว
นางยังคงแต่งกายเช่นเดิม ชุดกระโปรงสีม่วง ศีรษะสวมหมวกขนสัตว์
ยังไม่ทันก้าวเข้าสู่หออู๋ิ นางก็เห็นเด็กรับใช้ที่สามารถตดเป็สีรุ้ง [3] ได้ผู้นั้นกำลังมองซ้ายทีขวาที และเมื่ออีกฝ่ายเห็นเงาของนาง ดวงตาเขาก็เปล่งประกายโดยพลัน รีบก้าวเท้ายาวๆ อย่างรวดเร็วมาต้อนรับนาง “แม่นาง ในที่สุดท่านก็มา ข้าน้อยรอท่านอยู่ตรงนี้นานมากเลยขอรับ”
“อะไรกัน? ข้ามาสายหรือ?”
ฮวาเหยียนถาม
เด็กรับใช้ส่ายหัวเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ไม่ใช่ ไม่ใช่นะขอรับ เป็หลงจู้ให้ข้าน้อยมารอต้อนรับท่านอยู่ที่นี่ขอรับ”
“อืม เช่นนั้นก็เข้าไปกันเถิด”
ฮวาเหยียนยกเท้าเดินตามบุรุษแสนกระตือรือร้นผู้นี้เข้าไปในหออู๋ิ เพียงชำเลืองนางก็เห็นจีอู๋ซวงกำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะคิดเงิน โดยที่ศีรษะเขาวางอยู่บนมือของตนเอง
“หลงจู้ขอรับ หลงจู้ แม่นางท่านนั้นมาถึงแล้วขอรับ ท่านรีบตื่นเถิด”
เด็กรับใช้รีบพุ่งเข้าไปหาจีอู๋ซวงและะโเรียกด้วยเสียงเบาบาง
จีอู๋ซวงไม่ตอบสนอง ขนตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
“หลงจู้ขอรับ แม่นางที่ท่านรอพบมาแล้วขอรับ”
เด็กรับใช้เพิ่มระดับเสียงและะโเรียกอีกครั้ง
เสียงนี้ค่อนข้างดัง ิญญาของจีอู๋ซวงจึงกลับเข้าร่างอย่างรีบร้อน ฝ่ามือเขาพลันตบเข้าที่หัวของเด็กรับใช้ฉาดหนึ่งเต็มๆ “เสียงดังอันใดเพียงนั้น อยากทำให้หลงจู้ของเ้าใตายหรือ ข้ากำลังแลกเหล้ากับสาวงามอยู่เชียว”
ชายหนุ่มกุมหน้าผากอย่างเ็ป แยกเขี้ยวยิงฟันส่งไปให้ “หลงจู้ขอรับ คนมาแล้วขอรับ”
“หืม?”
ครั้งนี้จีอู๋ซวงกลับหาวออกมา อากัปกิริยาคล้ายยังไม่ตื่นดี เขาลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน และเมื่อเห็นว่าเป็ฮวาเหยียน ทั่วทั้งร่างก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที “ไอ้หยา น้องหญิงเหยียน เ้ามาแล้วหรือ ข้ารอเ้านานนัก รอจนข้าง่วงเลยทีเดียว”
จีอู๋ซวงเอ่ยพลางเดินออกจากบริเวณโต๊ะคิดเงิน พร้อมกับหาวครั้งแล้วครั้งเล่า
“อะไรกัน? หลงจู้ ท่านรอข้าอยู่ที่นี่ั้แ่ก่อนรุ่งสางแล้วหรือ?”
ฮวาเหยียนเลิกคิ้วและถามเขา
จีอู๋ซวงรู้ว่าฮวาเหยียนล้อเล่น จึงเบ้ปากพูด “ข้าคือบุรุษที่ใช้ชีวิตท่องราตรีอย่างอู่ฟู่ ยามปกติข้ามักนอนจนถึงเที่ยง แต่วันนี้ยอมตื่นแต่เช้าเพื่อรอเ้า”
“นับเป็เกียรติของข้าแล้ว”
“ด้วยความเต็มใจ”
จีอู๋ซวงขยิบตาส่งให้ฮวาเหยียน
ฮวาเหยียนสั่นสะท้าน ยามบุรุษก่อกวน ก็เพราะไม่มีเื่อื่นใดให้ทำ
เวลานี้ในหออู๋ิมีลูกค้าอยู่ไม่น้อย ตอนที่นางเดินเข้ามาจึงมิอาจหลีกเลี่ยงการตกเป็เป้าสายตาได้ และเมื่อเห็นว่านางสนิทสนมกับจีอู๋ซวง ทุกคนก็นึกถึงหญ้าิญญาลึกลับนับร้อยออกมา ดวงตาเ่าั้จึงสว่างวาบร้อนแรง
“น้องหญิง พวกเราไปที่ชั้นสองกันเถิด”
จีอู๋ซวงกล่าว
เขาตั้งตารอที่จะได้พบฮวาเหยียนในวันนี้ั้แ่เมื่อคืนแล้ว คิดว่านางมีสินค้าอะไรดีๆ บ้าง ดังนั้นเขาจึงตื่นแต่เช้า มิเช่นนั้นคงได้หลับไปจนตะวันโด่ง
“หลงจู้ พวกเรามิได้สนิทสนมกันปานนั้น ท่านเรียกข้าว่าแม่นางเหยียนเถิด”
ทั้งสองเดินตรงไปที่ชั้นสอง ฮวาเหยียนได้ยินเขาขานเรียกนางว่าน้องหญิงจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก
“โธ่ น้องหญิงเหยียน เ้าช่างไร้หัวใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเรายังไม่คุ้นเคยสนิทสนมกันอีกหรือ?”
จีอู๋ซวงกล่าวอย่างขมขื่น
เมื่อได้ยินคำของจีอู๋ซวง ฮวาเหยียนก็กลอกตาขาวอย่างมิอาจทนไหว “พวกเรามีความสัมพันธ์อันใดกัน?”
“ความสัมพันธ์ที่ทำให้ข้าตื่นแต่เช้าเพื่อเ้า”
ฮวาเหยียนอับจนวาจา “...!”
หลงจู้ผู้นี้ช่างเจรจาเกินไปแล้วกระมัง
เมื่อขึ้นไปยังชั้นสองและหลีกเลี่ยงเสียงรบกวนจากห้องโถงที่ชั้นหนึ่งได้แล้ว จีอู๋ซวงก็หันมองฮวาเหยียนก่อนกล่าวว่า “วันนี้มีของดีอันใดมาขายเล่า? เป็หญ้าิญญาลึกลับ หรือผลไม้ิญญา?”
เชิงอรรถ
[1] อาภรณ์์ไร้รอยตะเข็บ 天衣无缝 (Tiān yī wú fèng) หมายถึง สิ่งใดก็ตามที่มีความสมบูรณ์แบบ ปราศจากร่องรอยหรือจุดด่างพร้อยใดๆ ทั้งสิ้น
[2] ไก่สุนัขก็ไม่เป็สุข 鸡犬不宁 (jī quǎn bù níng) หมายถึง ก่อกวนหรือรบกวน ทำให้เดือดร้อนเป็อย่างมาก
[3] ตดเป็สีรุ้ง หมายถึง อวย หรือยกยอปอปั้นเกินจริง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้