มู่จื่อหลิงแอบยินดีในใจ ยังดีที่เตรียมการทันใน่เวลาเร่งด่วนพอดี
นางนำผ้าปูส่งให้เสี่ยวหาน ส่งสัญญาณให้นางนำไปมอบให้กับหลี่มามา
หลี่มามารับผ้าปูก็ใเล็กน้อย กล่าวอย่างนอบน้อม “เหนียงเหนียง เดี๋ยวท่านต้องไปถวายพระพรไทเฮาด้วยนะเพคะ”
อะไรนะ ถวายพระพร?
วังหลวงที่มีเสือสิงห์กระทิงแรดเช่นนั้น ตนเข้าไปเพียงลำพังจะไม่ถูกเขมือบจนไม่เหลือซากหรือ
แม้จะไม่ได้หนักหนาเช่นนั้น แต่ก็ไม่ต่างกันนัก โดนแมลงวันฝูงหนึ่งตอมนางยังไม่น่าสะอิดสะเอียนถึงเพียงนี้ นางคิดว่าจะรอให้ผ่านไปสองสามวันเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ภายในวังหลวงเสียก่อน ทำตนเองให้พร้อมแล้วค่อยไปรับคำท้าทาย
“เปิ่นหวางเฟยร่างกายมิใคร่จะดีนัก แข้งขาอ่อนแรง มิอาจลุกขึ้นได้จริงๆ เ้าไปกราบทูลไทเฮาว่า วันหน้าเปิ่นหวางเฟยค่อยเข้าไปถวายพระพรพระองค์” มู่จื่อหลิงแสร้งทำทีเป็อ่อนเพลียด้วยสีหน้าเหนียมอาย
ส่วนไทเฮาจะทรงเชื่อหรือไม่นั้น นางเองก็มิอาจบอกได้แน่ชัด ช่างเถิด ผ้าพรหมจรรย์ก็ให้ไปแล้ว ไทเฮายังจะ้าสิ่งใดจากนางอีก!
เสี่ยวหานผู้อ่อนต่อโลกที่อยู่ด้านข้างได้ยินวาจาของมู่จื่อหลิงก็หน้าแดงซ่าน เหตุใดนายน้อยถึงได้พูดจาตรงไปตรงมานัก ทั้งยังเปิดเผย ไม่สำรวมกิริยาแม้แต่น้อย
หลี่มามาเห็นท่าทางของมู่จื่อหลิงก็หน้าแดงเล็กน้อย ทั้งยังประหลาดใจ มองไปที่ผ้าปูเตียงในมือ
หรือว่าฉีอ๋องจะโปรดปรานหวางเฟยแล้วจริงๆ?
เวลานี้เองก็มีเสียงประตูเปิดออกมาจากตำหนักด้านใน หลงเซี่ยวอวี่เดินออกมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“คำนับฉีอ๋อง” หลี่มามาและเสี่ยวหานคุกเข่ากล่าวพร้อมเพรียงกัน
มู่จื่อหลิงโง่งมไปแล้ว เกือบจะกลิ้งตกจากเตียง เหตุใดหมอนี่จึงอยู่ข้างในได้?
เมื่อวานนี้มิใช่ว่าเขาออกไปแล้วหรือ เขาเข้ามาั้แ่เมื่อใดกัน เหตุใดนางจึงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
แต่เขาออกมาจากด้านใน เช่นนั้นวาจาที่นางกล่าวไปเมื่อครู่ มิใช่ว่าเขาได้ยินหมดแล้วหรือ
มู่จื่อหลิงแอบเหลือบมองหลงเซี่ยวอวี่ ใครจะรู้ว่าหลงเซี่ยวอวี่เองก็กำลังมองมาที่นางพอดี ลมหายใจชะงักไปอย่างฉับพลัน สองมือกุมกันแน่น รีบก้มศีรษะลง
นางมิกล้ามองอีกต่อไป เขารู้แล้วใช่หรือไม่ กำลังจะเปิดโปงนางใช่หรือไม่ ตอนนี้นางมิได้กังวลว่าจะเสียหน้า แต่การหลอกลวงไทเฮาอาจจะเสียหัวได้
หลงเซี่ยวอวี่มองสีหน้าท่าทางของมู่จื่อหลิง ราวกับรู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ในตอนนั้นเขาจึงมิได้กล่าววาจาใดออกมา เพียงแค่มองมู่จื่อหลิงด้วยสีหน้าเ็าอย่างเงียบเชียบ
แม้มู่จื่อหลิงจะก้มศีรษะลง ทำให้มองเห็นสีหน้าได้ไม่ชัดเจน แต่ข้างในใจนั้นกลับปั่นป่วนเป็อย่างยิ่ง
ทำเช่นไรดี? หลงเซี่ยวอวี่จะเปิดโปงนางแล้ว ไม่คิดว่าแต่งงานเข้าวันที่สองจะต้องรับโทษหลอกลวงเบื้องสูง มิรู้ว่าหากตายแล้วจะยังกลับไปได้หรือไม่
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลงเซี่ยวอวี่ก็เปิดปากด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “พักผ่อนให้ดี ไทเฮาไม่ตำหนิเ้าหรอก!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ มู่จื่อหลิงที่เดิมทีก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ทันรู้ตัว สีหน้าฉายแววใอยู่บางส่วน ติ่งหูร้อนลวก
หมอนี่ได้ยินวาจาที่นางเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้จริงๆ เช่นนั้นเหตุผลที่นางปลอมผ้าพรหมจรรย์ขึ้นมา เขาคงรู้แล้วใช่หรือไม่
มู่จื่อหลิงมองไปที่หลงเซี่ยวอวี่อย่างตกตะลึง ทั้งประหลาดใจ ทั้งไม่อยากจะเชื่อ
หลงเซี่ยวอวี่มิได้เปิดโปงนาง และประโยค ‘พักผ่อนให้ดี’ ก็ยืนยันวาจาของนางที่กล่าวว่าร่างกายมิใคร่ดีเมื่อครู่อย่างอ้อมๆ
ส่วนประโยค ‘ไทเฮาไม่ตำหนิเ้าหรอก’ ก็ช่วยปลอบใจที่ไม่สงบนักของนางลง
เหตุใดจึงช่วยนาง?
คำพูดของหลงเซี่ยวอวี่นั้นเปรียบเสมือนเสาให้จิตใจของนางพักพิง ทำให้ใจนางรู้สึกสงบขึ้นมา เช่นนี้ไทเฮาจะว่าอย่างไรก็คงมิอาจนำนางไปปะาได้แล้ว
ชั่วขณะนั้นความอบอุ่นระลอกหนึ่งก็ไหลเข้าสู่หัวใจ นางก้มศีรษะลงพลางยิ้มอย่างโง่เง่า แม้บุรุษผู้นี้จะเ็า แต่ก็มิได้เลวร้ายถึงเพียงนั้น
หลี่มามาได้ยินเข้าก็แปลกใจนัก คิดว่าฉีอ๋องเองก็ยอมรับแล้ว หรือเมื่อคืนนี้จะร่วมหอกับหวางเฟยแล้วจริงๆ?
ในใจหลี่มามาสับสนวุ่นวาย ทำเพียงรับฟัง แต่มิกล้าถามสิ่งใดให้มากความ จากนั้นจึงทูลลา
หลงเซี่ยวอวี่กวาดสายตาไปยังสตรีที่นั่งยิ้มอย่างโง่งมบนเตียง ไม่รู้ว่าจะแสดงออกทางสีหน้าอย่างไร ชายหนุ่มมิกล่าวสิ่งใดก็ก้าวเท้าแล้วเดินจากไป
“คุณหนูเ้าคะ ฉีอ๋องไปแล้วเ้าค่ะ” เสี่ยวหานมองมู่จื่อหลิงอย่างแปลกใจ เหตุใดจึงเอาแต่ยิ้มอย่างโง่งม ท่านอ๋องไปแล้วก็ยังมิรู้
มู่จื่อหลิงได้สติขึ้นมา “เสี่ยวหาน ไปเตรียมอาหารเช้า กินเสร็จพวกเราไปสำรวจจวนอ๋องกัน”
ต่อไปต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่แห่งนี้เสียหน่อย นางตัดสินใจแล้วว่าจะกอดต้นไม้ใหญ่เช่นหลงเซี่ยวอวี่นี้ให้ดี แค่ต้นไม้ใหญ่ไม่โค่น นางก็จะไม่ล้มเช่นกัน
“เ้าค่ะ คุณหนู” เสี่ยวหานตอบรับพลางขอตัวลา
-
วังหลวง
หลังจากหลี่มามากลับมาถึงวังหลวง นางจึงนำสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในจวนฉีอ๋องมากราบทูลไทเฮาตามความจริง
ปัง! “อะไรนะ ฉีอ๋องกล่าวด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ?” ไทเฮาผู้สวมชุดหงส์สีทองนั่งอยู่บนบัลลังก์หงส์ ทั้งสง่างาม ทั้งเคร่งขรึมและนิ่งสงบ มือข้างหนึ่งตบลงไปยังที่เท้าแขน นิ้วทั้งห้าจิกเข้าไปที่ผ้าพรหมจรรย์
จะอย่างไรไทเฮาก็คาดไม่ถึงว่าหลงเซี่ยวอวี่จะพูดเช่นนี้ นี่มิใช่การยอมรับว่าเมื่อคืนนางได้เข้าหอกับหวางเฟยไปแล้วหรือ
หลายปีมานี้นางล้วนคิดหลากหลายวิธีเพื่อหาทางดึงเสี้ยนหนามอาบยาพิษเช่นหลงเซี่ยวอวี่นี้ทิ้งไป ทว่ากลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ
เดิมทีนางคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่จะปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ แล้วค่อยลงโทษเขาฐานขัดราชโองการ ไม่นึกว่าหลงเซี่ยวอวี่จะไม่ปฏิเสธ ทั้งยังตอบรับเสียด้วย
ไม่ว่าเขาจะตอบรับหรือปฏิเสธก็ช่างเถิด เขาสู่ขอคนไร้ค่าผู้หนึ่งมา ทั้งยังใช้นางสร้างฐานอำนาจไม่ได้ แล้วยังสามารถฉวยโอกาสทำให้คนทั้งใต้หล้าหัวเราะเยาะเขาไปอีกพักหนึ่งด้วย
แต่ตอนนี้เพิ่งจะเป็วันที่สองของการแต่งงานนางก็ได้รับเื่น่าประหลาดใจเช่นนี้แล้ว จะให้นางยอมรับได้อย่างไร
“เพคะ บ่าวเฒ่าได้ยินกับหูตนเอง ฉีอ๋องพูดด้วยตนเองว่าให้หวางเฟยพักผ่อนให้ดี” หลี่มามาก้มศีรษะลง ด้วยเกรงว่าจะไปยั่วโทสะไทเฮาได้
ั์ตาไทเฮาปรากฏแววมืดครึ้มอย่างน่าประหลาด “ผ่านงานเลี้ยงในวังหลวงไปเสียสองสามวัน ค่อยไปเชิญฉีหวางเฟยเข้าวัง”
นางสวะมู่จื่อหลิงผู้นั้นถึงกับบังอาจร่วมมือกับหลงเซี่ยวอวี่ นำเศษผ้านี่มาตบตานาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้