หนิงมู่ฉือรู้ดีว่า ด้วยฐานะของนางไม่สามารถอยู่ในตำหนักอ๋องนานๆ ได้ ท่านอ๋องและซื่อจื่อเสี่ยงอันตรายเพื่อนางมาครั้งหนึ่งแล้ว นางทำใจไม่ได้ถ้าต้องเห็นทั้งสองคนต้องมาเดือดร้อนเพราะนางอีก
ประกอบกับสัญญาที่ให้ไว้กับจ้าวซีเหอว่านางจะอยู่ที่นี่ปีหนึ่งก็ได้จบลงแล้ว นางมองท่านอ๋องที่ทานเสร็จลูบท้องอย่างสบายอารมณ์พร้อมกับส่งยิ้มมาให้นาง
“นางหนูหนิง การที่ข้าได้ทานอาหารฝีมือเ้านับว่าข้ามีวาสนามากเหลือเกิน” ท่านอ๋องยิ้มอย่างไร้เดียงสา
ท่านอ๋องผู้มีท่าทางเช่นนี้ คือคนที่แยกแยะถูกผิดไม่ออกจริงหรือ
คนของตำหนักอ๋องคือคนที่นางสมควรจะเกลียด…ใช่หรือไม่
นางทำใจให้เกลียดท่านอ๋องและจ้าวซีเหอไม่ได้ ในจดหมายท่านแม่บอกไว้ว่าได้ให้คนรอรับนาง ซึ่งตอนนี้ก็กำลังรอนางอยู่ อีกทั้งนับแต่นี้นางก็ไม่ต้องเข้าไปสอนขันทีพ่อครัวรุ่นใหม่ในวังอีกต่อไปแล้ว นี่ถือเป็โอกาสที่ดีที่นางจะออกจากตำหนักอ๋อง
จ้าวซีเหอได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมาแต่ไกล ท้องจึงส่งเสียงร้องโครกครากออกมา ครั้นเห็นหนิงมู่ฉือเข้าไปในห้องบิดา เขาจึงเดินตามไป
เห็นบิดาทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขาอดลอบกลืนน้ำลายไม่ได้
หนิงมู่ฉือที่คุกเข่าลงอย่างกะทันหันทำให้ท่านอ๋องสะดุ้งใเป็อย่างมาก ท่านอ๋องรีบเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นยืน “นางหนูหนิง เ้าเป็อะไรไป”
แต่อย่างไรหนิงมู่ฉือก็ไม่ลุกขึ้น เอ่ยออกมาว่า “ท่านอ๋อง ฉือเอ๋อร์มีเื่จะพูดกับท่านเ้าค่ะ”
ท่านอ๋องพยักหน้า จ้าวซีเหอซึ่งแอบดูอยู่มองหนิงมู่ฉืออย่างสงสัย
หนิงมู่ฉือมองสีหน้าเหนื่อยล้าของท่านอ๋องพร้อมกับน้ำตาไหล นางพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้ “ท่านอ๋องเ้าคะ ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าเหตุใดฉือเอ๋อร์ถึงต้องมาอยู่ที่นี่”
ท่านอ๋องได้ฟังก็ถอนหายใจออกมา มองหนิงมู่ฉือพร้อมกับเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “นางหนูหนิง ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เื่นี้จะโทษเ้าไม่ได้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคนเลวเ่าั้”
หนิงมู่ฉือส่ายหน้า “ไม่เ้าค่ะ ต้องโทษที่ฉือเอ๋อร์หาเื่ใส่ตัวเอง ท่านยังจำสัญญาที่เคยให้ไว้กับท่านว่าจะอยู่ที่นี่ปีหนึ่งได้หรือไม่เ้าคะ”
ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าท่านอ๋องเปลี่ยนเป็เคร่งขรึม ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยถาม “นางหนูหนิง เ้า้าจะพูดสิ่งใด”
หนิงมู่ฉือคำนับท่านอ๋องอีกครา “ท่านอ๋อง ฉือเอ๋อร์ไม่ขอปิดบัง ฉือเอ๋อร์อยากตามหาความจริงเื่ที่สกุลหนิงถูกฆ่าล้างสกุล เป็ฉือเอ๋อร์ที่นำพาความเดือดร้อนมาให้ท่านกับซื่อจื่อ เช่นนั้นฉือเอ๋อร์จึงจะมาขอลาเ้าค่ะ”
ได้ยินถึงตรงนี้ จ้าวซีเหอที่แอบดูอยู่เปิดประตูเข้ามาทันที “ไม่ได้ ข้าไม่อนุญาต!”
ท่านอ๋องมองหนิงมู่ฉือก่อนจะหันไปมองจ้าวซีเหอ จ้าวซีเหอมีท่าทีกรุ่นโกรธ ะโเสียงดังว่า “หนิงมู่ฉือ ชีวิตของเ้าเป็ข้าที่ช่วยเอาไว้ เ้าบอกว่าอยากจะจากไปก็สามารถจากไปได้หรือ! ข้าไม่อนุญาต!”
หนิงมู่ฉือก้มหน้าลงโดยพลัน ท่านอ๋องมองบุตรชายอย่างไม่พอใจ “เ้าลูกไม่รักดี เหตุใดถึงชอบเข้ามาแทรกเวลาคนอื่นกำลังพูดกันอยู่นักนะ ออกไปประเดี๋ยวนี้!”
ท่านอ๋องพยุงหนิงมู่ฉือให้ลุกขึ้นยืน “นางหนูหนิง เ้าต้องคิดให้ดีๆ นะ!”
หนิงมู่ฉือส่งยิ้มให้ท่านอ๋อง สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า “ท่านอ๋อง ท่านแม่เคยบอกกับข้าว่า นางรู้จักท่านพ่อที่ชายแดน ข้าจึงอยากไปสถานที่ที่ท่านแม่เคยบอกกับข้าเอาไว้”
ท่านอ๋องเริ่มใจอ่อน เขาปล่อยแขนหนิงมู่ฉือ หันหลังไปอีกทาง “แล้วเ้าจะไม่สืบหาความจริงแล้วหรือ”
หนิงมู่ฉือชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม “สืบเ้าค่ะ เพียงแต่เมื่อคิดถึงเื่ที่ท่านแม่มอบหมายให้ข้า ทำให้ข้าคิดถึงเยี่ยนฉือขึ้นมา ข้านำพาเื่เดือดร้อนมาสู่ตำหนักอ๋องมากมาย ข้าจึงคิดว่าข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว”
ท่านอ๋องยืนนิ่งอยู่นาน จนในที่สุดก็หันมาส่งยิ้มให้ พร้อมกับตบไหล่หนิงมู่ฉือเบาๆ “ได้ อย่างไรเ้าก็คือคนที่เผชิญเื่ใหญ่มาแล้วไม่น้อย ในเมื่ออยากจะไป ข้าก็จะไม่ห้ามเ้า”
หนิงมู่ฉือมองท่านอ๋องอย่างซาบซึ้งใจ “ฉือเอ๋อร์ขอบคุณท่านอ๋องมากเ้าค่ะ”
ท่านอ๋องส่งยิ้มให้หนิงมู่ฉือ “นี่ก็ใกล้จะปลายปีแล้ว เ้าจะไม่อยู่ให้พ้นปีใหม่ก่อนหรือแล้วค่อยจากไป ข้าจะได้ทานอาหารฝีมือเ้าในวันสิ้นปีด้วย”
หนิงมู่ฉือนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มตอบ “ได้เ้าค่ะ ฉือเอ๋อร์จะอยู่ที่นี่จนถึงปีใหม่ พ้นปีใหม่แล้วค่อยไป”
ท่านอ๋องยิ้มออกมา
ใกล้ปีใหม่ หนิงมู่ฉือกับผู้ดูแลห้องครัวจึงออกไปซื้อของที่ตลาด เห็นท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย นางถอนหายใจออกมาหนึ่งคราก่อนจะหันไปยิ้มให้ผู้ดูแลห้องครัว
ผู้ดูแลห้องครัวเห็นท่าทางหนิงมู่ฉือดูแปลกๆ จึงเอ่ยถาม “แม่นางหนิงเป็อะไรไปหรือ เหตุใดถึงมีท่าทางเศร้าสร้อยเช่นนี้”
หนิงมู่ฉือส่ายหน้า เวลานี้เองที่สายตาเหลือบไปเห็นแผงขายถังหูหลู[1] ซึ่งขายดียิ่งนัก ทำให้นางนึกถึงสมัยเด็ก นางมักจะออดอ้อนท่านพ่อให้ซื้อมันให้นาง นางจึงจูงมือพาผู้ดูแลห้องครัวไปที่แผงขายถังหูหลู
แผงขายถังหูหลูเต็มไปด้วยกลุ่มขอทานเด็กเล็กซึ่งเสื้อผ้าขาดวิ่น กลุ่มขอทานจ้องถังหูหลูไม่ละสายตาพร้อมกับน้ำลายไหล ในใจหวังให้มีสักชิ้นที่หล่นลงมา พวกตนจะได้มีโอกาสได้กินสักชิ้น
หนิงมู่ฉือถอนหายใจออกมาขณะเดินไปที่แผงขายถังหูหลู “ถังหูหลูพวกนี้ราคาเท่าไหร่”
คนขายส่งยิ้มให้นาง “ไม้ละสองอีแปะขอรับ”
นางส่งเงินให้คนขาย ก่อนจะรับถังหูหลูมา เอาเข้าปากแล้วกัด
นางถ่มถังหูหลูที่เอาเข้าปากแล้วลงพื้น เอ่ยกับคนขายอย่างไม่พอใจ “วิธีทำถังหูหลูของเ้ามันผิดหมด!”
สีหน้าคนขายประเดี๋ยวเขียวคล้ำประเดี๋ยวซีดขาว เอ่ยเสียงดังตอบโต้ “เป็ไปไม่ได้ บรรพบุรุษข้าทำถังหูหลูขายทุกรุ่น วิธีทำจะผิดได้อย่างไร เ้าจะมาทำลายการค้าขายของข้ามากกว่า!”
นางเอ่ยตอบ “เ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เ้า น้ำตาลที่เ้าเคี่ยวใช้เวลานานเกินไป ซานจา[2] ที่เ้าใช้ก็เหี่ยวเกินไป อีกทั้งทำเสร็จแล้ว เวลาที่ทิ้งเอาไว้ให้มันเย็นก็นานเกินไปเช่นกัน!”
คนขายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะยิ้มประจบเอาใจ “ที่แท้แม่นางก็เชี่ยวชาญถึงเพียงนี้“
นางถอนหายใจ ขณะกำลังจะเดินจากไปกลับถูกคนขายเรียกเอาไว้เสียก่อน คนขายส่งยิ้มให้นางพร้อมกับเอ่ย “แม่นาง ท่านช่วยบอกวิธีทำแก่ข้าได้หรือไม่ ข้าจะได้กลับไปลองทำตามดู”
นางมีสีหน้าไม่ใคร่ใส่ใจนัก “บอกวิธีทำแก่เ้าแล้วข้าจะได้อะไร”
เอ่ยจบนางลากผู้ดูแลห้องครัวเดินออกมา นางไม่อยากเป็จุดเด่น เพราะจะดึงดูดคนที่อิจฉาริษยาให้เข้ามาด้วย
แถวแผงขายเนื้อสัตว์เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์สดใหม่ นางลากผู้ดูแลห้องครัวเดินไปเลือกของอย่างกระตือรือร้น เห็นแผงขายเนื้อหมูร้านหนึ่ง เนื้อหมูดูสดเอามากๆ นางจึงจูงมือพาผู้ดูแลห้องครัวไปที่แผงขายหมูแผงนั้น
คนขายมีหนวดเคราขึ้นเต็มใบหน้า ตัวใหญ่แข็งแรงกำยำ มือหนึ่งถือมีด อีกมือถือท่อนเหล็ก เขากำลังลับมีดอยู่ ทำให้เกิดเป็เสียงที่น่าขนลุก
นางเดินไปที่แผงขายหมู ก้มมองขาหมูสดใหม่ที่วางอยู่พร้อมกับเอ่ยถาม “เถ้าแก่ ขาหมูพวกนี้ราคาเท่าไหร่”
[1] ถังหูหลู คือขนมหวานของจีนทางตอนเหนือ นำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวมาเคลือบน้ำตาลแล้วนำไปเสียบไม้
[2] ซานจา คือพุทราป่า ผลไม้ประเภทเบอร์รี่ มีลักษณะเป็ลูกกลมๆ เล็กๆ รสชาติเปรี้ยว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้