ฮวาเหยียนยื่นดอกบัวพันปีไปตรงหน้าหยวนเป่า ก่อนจะเปิดปากกล่าว
ดอกบัวพันปีส่งกลิ่นหอมฟุ้งน่าหลงใหล แต่หยวนเป่าทำเพียงแค่มอง ก่อนจะผลักดอกบัวพันปีกลับมาตรงหน้าของฮวาเหยียน “ท่านแม่ ท่านทานเถิด จะได้ฟื้นฟูผิวพรรณเสริมสร้างความงาม แถมยังช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วย”
ยิ่งได้เห็นท่าทางของหยวนเป่า ในใจฮวาเหยียนก็ยิ่งรักใคร่เอ็นดูเขา
เด็กน้อยคนนี้ เพราะอากาศร้อนอบอ้าว อีกทั้งเขาเร่งเกวียนให้เดินทางโดยเร็ว ทำให้ใบหน้านั้นถูกแดดอาบจนแดงก่ำ ทว่าสายตาของเด็กน้อยกลับเป็ประกาย ทั้งดื้อรั้นและซุกซน ไม่้ากินดอกบัวพันปี
ดวงตาของฮวาเหยียนเลือนรางเล็กน้อย ความคิดล่องลอยไปไกล...
เด็กคนนี้ ดื้อรั้นเช่นนี้มาโดยตลอด
สี่ปีก่อนที่นางถูกชายหน้ากากทองโจมตีจนตกหน้าผา ร่างกายาเ็สาหัส ชีวิตตกอยู่ในอันตราย นางเหยียบย้ำวิ่งไปบนหิมะพลางกอดหยวนเป่าเอาไว้แน่น ใต้หน้าผาที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนนั้น ในรัศมีร้อยลี้ไม่มีเงาของมนุษย์สักคน นางเกือบจะคิดแล้วว่านางและเด็กน้อยนี้คงจะต้องตายอยู่ท่ามกลางหิมะในดินแดนอันไกลโพ้นนี้เป็แน่ ทว่าในตอนที่รู้สึกว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว กลับได้พบท่านผู้เฒ่าติงที่หนีโลกมาเพื่อจับกระต่าย จึงถือเป็โชคดีที่สามารถเก็บชีวิตกลับไปได้
ในยามนั้น หยวนเป่ายังเด็กยิ่งนัก นางเคยมีประสบการณ์เลี้ยงลูกที่ใดกัน? ช่างเป็เื่น่ารำคาญจนทนแทบไม่ไหว ตีก็ไม่ได้ ดุด่ายิ่งไม่ได้ นับว่าเป็ความเหนื่อยล้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยวนเป่าที่ร่างกายาเ็กลางหิมะนั้น ยังหลงเหลืออาการหนาวสั่นและหวาดกลัวทิ้งไว้ ทำให้เขา้ายาที่ดีที่สุดในใต้หล้าเพื่อฟื้นฟูร่างกาย แต่นี่ก็ยังไม่ใช่เื่โชคร้ายที่สุด ภายในร่างของหยวนเป่ายังมีพิษที่ได้มาั้แ่ยังอยู่ในครรภ์ของมารดา หมุนเวียนอยู่ในกระดูกและเืซึ่งเป็พิษร้ายแรงที่ยากจะพบเจอ ด้วยความที่ในเืนั้นมีพิษร้ายแรงอยู่ทำให้ผู้ที่ััถูกอาจจะติดเชื้อได้
ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยชอบเด็กคนนี้ ต้องเว้นระยะห่างไว้เพื่อรักษาชีวิตตน
ทว่าเด็กน้อยคนนี้รู้จักแค่นางคนเดียว เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าท่านผู้เฒ่าติงจะเป็คนป้อนอาหารเขา แต่หากเขาไม่เห็นตนในกรอบสายตา ก็จะร้องไห้น้ำตาไหลพราก
เวลาผ่านไปสามเดือน เป็ยามที่เขาร้องเรียกนางว่าท่านแม่ครั้งแรก
ท่านแม่หรือ... นางผู้ซึ่งเป็สาวพรหมจรรย์ ไม่มีทางยอมเป็แม่ของผู้ใดหรอก ซ้ำยังไม่เคยทำหน้าดีๆ ให้กับเด็กน้อยเลย นาง้าเพียงรีบเลี้ยงเขาให้โตไวๆ และนำเขาส่งคืนพ่อของเขา เท่านี้ก็ถือว่าพ้นทุกข์เสียที
ทว่าเด็กคนนี้รู้ความยิ่งนัก
ยามที่เขาเพิ่งอายุหนึ่งขวบ พูดเป็อยู่ไม่กี่คำ กลับรู้จักเอาของอร่อยทั้งหมดเก็บไว้ให้กับนาง กล่าวโดยสรุปก็คือเขาติดนางเป็อย่างยิ่ง ทว่ายิ่งเขาติดนางมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรำคาญมากขึ้นเท่านั้น
เ้าเด็กน้อยคงััได้ว่านางไม่ชอบ ดังนั้นจึงยิ่งพยายามทำตัวให้ดีมากขึ้นไปอีก แต่ด้วยความที่ฮวาเหยียนเป็คนที่เ็ามาั้แ่กำเนิด นางไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก
จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง
เพราะอยากกินเนื้อสัตว์ยิ่งนัก นางจึงเข้าป่าไปล่ากระต่ายจนเผลอนอนหลับไปใต้ต้นไม้ ยามที่ตื่นขึ้นมาก็เป็เวลาใกล้เที่ยงแล้ว
ทว่าในป่ากลับเกิดเสียงร้องไห้โหยหวนดังขึ้น
นางเดินตามหาที่มาของเสียงนั้น กลับพบกับฉากที่ยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต
เด็กน้อยคนนั้นผมยาวสยายพันกันยุ่งเหยิง ใบหน้าอาบย้อมไปด้วยหยาดน้ำใสไหลริน แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขานั่งคุกเข่าลงกับพื้น ในอ้อมอกกอดชุดเปื้อนเืตัวหนึ่งเอาไว้ ข้างกายมีเพียงหมาป่าที่ตายไปแล้วสองตัว ที่มือเขาถือกริชเอาไว้แน่น แทงไปที่ร่างของหมาป่าครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับเสียงร้องอันสลดหดหู่
“ท่านแม่ เ้าคืนท่านแม่ของข้ามานะ”
“เ้ากินท่านแม่ของข้าไปแล้ว เ้ากินท่านแม่ของข้าไปแล้ว ข้าจะฆ่าเ้า ข้าจะฆ่าเ้า”
“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ใด ท่านออกมาเถิด ท่านแม่...”
“เ้าคืนท่านแม่ของข้ามานะ ท่านแม่ ท่านอย่าทิ้งหยวนเป่าไปเลย ท่านแม่...”
หยวนเป่าคุกเข่าลงกับพื้น ทั่วร่างถูกย้อมไปด้วยโลหิตสดๆ จนกลายเป็สีแดง ทั้งน้ำตาทั้งเือาบย้อมเต็มใบหน้าเล็กๆ ที่งดงามนั่น เขาคิดว่านางถูกหมาป่ากินเข้าไปแล้ว ชุดเปื้อนเืนั่น จริงๆ เป็ชุดที่นางตั้งใจวางไว้เป็กับดักไว้ เพราะว่าอยากจับสัตว์ป่าสักตัว แต่ไม่คิดว่า...
เสียงเพรียกหามารดาครั้งแล้วครั้งเล่า ใจของนางราวกับถูกทุบด้วยค้อนหนักอย่างโเี้ เจ็บจนหายใจไม่ออก
แม้ว่านางมีนิสัยเ็ามาั้แ่เกิด แต่นางก็ไม่ใช่คนใจหิน
เด็กคนนั้นเหลือนางเพียงคนเดียวแล้ว
“หยวนเป่า”
นางะโเรียก
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้น แววตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าสิ้นหวังพลันเปล่งแสงสว่าง เขาลุกขึ้นโถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของนางทันที
“ท่านแม่ ท่านไปไหนมา หยวนเป่าตามหาท่านมาตั้งนาน คิดว่าท่าน คิดว่าหมาป่าสองตัวนั้นกินท่านเข้าไปแล้ว ชุดเปื้อนเืนั้น... ท่านแม่ ท่านอย่าทิ้งหยวนเป่าไปนะขอรับ หยวนเป่ารักท่าน หลังจากนี้ไปหยวนเป่าจะเชื่อฟังท่าน จะไม่ดื้ออีกแล้ว ได้หรือไม่ขอรับ
ท่านแม่ ท่านอย่าทิ้งหยวนเป่าไปนะ หยวนเป่าจะเชื่อฟัง หยวนเป่าจะเป็เด็กดี”
เขากอดเอวของนางแน่น ราวกับว่าหากปล่อยมือไปก็จะไม่ได้เจอนางอีกแล้ว
ฮวาเหยียนนิ่งชะงักอยู่ตรงนั้น นางลูบหน้าตัวเองหนึ่งที ดวงตาของนางเอ่อท้นเต็มไปด้วยน้ำตา
ก้าวผ่านมาสองศตวรรษด้วยความโดดเดี่ยวและตัวคนเดียว ใจแข็งดั่งเหล็กกล้าทว่าสุดท้ายวันนี้กลับต้องมาสั่นไหวเพราะเด็กน้อยคนนี้ กลายเป็ความอ่อนโยนสายหนึ่งที่อบอุ่นที่สุดในส่วนลึกของหัวใจนาง
นางเข้าใจแล้ว
เด็กคนนี้เรียกนางว่าท่านแม่ด้วยใจจริง
จากวันนั้นเป็ต้นมา นี่ก็คือลูกของนาง ลูกแท้ๆ ของนาง
วันนั้น พระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า ย้อมทุกอย่างให้เป็สีเื นางกอดหยวนเป่าที่ร้องไห้จนตัวสั่นเทา ในใจลอบสาบานว่าชีวิตที่เหลือจะเฝ้ามองเขา ดูแลเขาดั่งชีวิตของตน ดั่งสมบัติล้ำค่า จะไม่มีทางอนุญาตให้ผู้ใดก็ตามแตะต้องเขาได้แม้เพียงปลายเล็บ
“ท่านแม่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่ กินสิขอรับ”
หยวนเป่ามองมาที่ฮวาเหยียนที่ตกอยู่ในภวังค์ ท่าทางเหม่อลอย เด็กน้อยต้องเรียกขานออกมาหนึ่งเสียง และนั่นพาให้สติของฮวาเหยียนกลับคืนมา
เด็กน้อยกะพริบตาแวววาว มีความรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย พลางมองไปที่นาง
ในใจของฮวาเหยียน แม้ว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไป นางจะปฏิบัติต่อหยวนเป่าดั่งเช่นสมบัติล้ำค่า นางรักและทะนุถนอมเขายิ่งนัก แต่นี่เป็ครั้งแรกที่นางกลายเป็มารดา นางที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ งานบ้านงานเรือนล้วนทำไม่เป็ ไม่ง่ายเลยที่จะต้องกลายเป็แม่คนหนึ่ง นางอยากจะต้มน้ำแกงสักถ้วยให้หยวนเป่า แต่ผลที่ได้คือทำหม้อน้ำแกงะเิ...
กลับกันแล้ว หลายปีที่ผ่านมานี้เด็กน้อยกลับเป็คนที่ดูแลนาง ทั้งทำกับข้าว ซักผ้า เก็บกวาดงานบ้าน นวดทุบหลัง พูดโดยรวมว่าเขาเป็ลูกชายที่ดีมียี่สิบสี่ความกตัญญู [1]
มองเห็นดอกบัวที่ส่งกลิ่นหอมอยู่เบื้องหน้า ฮวาเหยียนยิ้มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู “ลูกรัก แม่งามมากพอแล้ว ไม่จำเป็ต้องเสริมสร้างอันใดแล้วล่ะ ร่างกายของเ้าไม่ดี หนาวสั่น ทั้งยังมีพิษร้ายแรง รีบเอาดอกบัวพันปีนี้ไปกินเร็วเข้า”
“ไม่เอา หยวนเป่าร่างกายหนาวสั่น ตากแดดก็ดีขึ้นแล้ว อีกทั้งท่านอาจารย์ยังกล่าวอีกว่า ภายในสามปีนี้ ขอเพียงแค่ไม่เกิดเหตุสุดวิสัย ร่างกายของหยวนเป่าก็จะไม่เกิดเื่ ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกังวลนะขอรับ”
หยวนเป่าน้อยช่างเป็เด็กดีแต่นิสัยดื้อยิ่งนัก ไม่รู้ว่าเหมือนผู้ใด
“ตาเฒ่าติงนั่น... อย่าพูดถึงเขาเลย แม่เกลียดเขา”
ฮวาเหยียนเบะปาก ผู้เฒ่าติงคือคนที่ช่วยชีวิตนางและหยวนเป่าไว้ในทีแรก ตัวตนไม่ชัดเจน นิสัยแปลกประหลาด ไม่เปิดเผยเื่ราวส่วนตัวของตัวเองเลยสักนิดแต่กลับมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังรับหยวนเป่ามาเป็ลูกศิษย์อีกด้วย
นางกับผู้เฒ่าติงไม่ลงรอยกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกันจึงเป็สิ่งที่ไม่คุ้นตา
ปากของตาแก่นั่นทั้งทิ่มแทงทั้งมีพิษสง ั้แ่ครั้งแรกที่เจอนางในสภาพร่างกายขาวซีด เขาก็กล่าวว่านางทั้งเอวบางสะโพกเล็ก ย่อมเพราะขาดสารอาหารเป็แน่ ด้วยเหตุนี้นางจึงวิ่งไล่ตีผู้เฒ่าติงอยู่นาน ทว่ากลับเกือบจะคว้าได้เพียงเคราที่เขาเลี้ยงไว้หลายปีเท่านั้น
นึกถึงผู้เฒ่าติง ในใจของฮวาเหยียนก็รู้สึกหนักอึ้งอยู่บ้าง
ครั้งนี้พาหยวนเป่าออกจากหุบเขา เพื่อทำความรู้จักบรรพบุรุษและกลับสู่ตระกูลคือเหตุผลที่หนึ่ง ทว่าเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ้าจะตามหาบิดาที่แท้จริงของหยวนเป่า เพราะพิษร้ายแรงที่อยู่ในร่างกายทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินเจ็ดขวบเท่านั้น จำเป็ต้องนำเืจากพ่อแท้ๆ มาทำโอสถ นี่เป็วิธีเดียวที่จะสามารถถอนพิษให้เขาได้
“ท่านแม่ ท่านกำลังคิดอะไรอีกแล้วขอรับ? ”
เชิงอรรถ
[1] 二十四孝 ยี่สิบสี่ความกตัญญู เป็สุภาษิตจากยุคโบราณยี่สิบสี่บท สั่งสอนและหล่อหลอมให้คนจีนยึดมั่นในความกตัญญูรู้คุณบิดามารดา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้