จู่ๆ หลิ่วซื่อก็เปิดปากกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง
นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาหลุบลงมองที่ปลอกเล็บสีแดงของตน แต่กลับเป็นางเองที่กล่าวประโยคเมื่อครู่
ใบหน้าของมู่เอ้าเทียนเย็นะเื เขาขยับริมฝีปากคล้าย้าพูดบางสิ่ง ทว่าท้ายที่สุดก็มิได้เอ่ยคำใด
ฮวาเหยียนเห็นอย่างชัดเจนว่าท่านพ่อไม่เต็มใจจะตอบคำถามของหลิ่วซื่อ
“คำที่อาสะใภ้รองกล่าวมา หากพูดกันแค่ในจวนของเราก็ช่างปะไร แต่อย่าให้หลุดออกไปภายนอกเชียว แว่นแคว้นยิ่งใหญ่ ราชวงศ์ย่อมเป็ที่หนึ่ง ผู้ใดเล่าจะหาญกล้าไปเทียบชั้นกับราชวงศ์? ถ้าคำพูดของอาสะใภ้รองถึงหูคนในราชวงศ์เข้า ข้าเกรงว่ามันอาจนำเราไปสู่ความตายได้ หรือร้ายแรงกว่านั้น กระทั่งคนทั้งตระกูลก็อาจถูกอาสะใภ้ลากไปตายทั้งหมด”
ฮวาเหยียนเปิดปากกล่าว น้ำเสียงของนางบางเบา ทว่าถ้อยคำกลับหนักอึ้งนัก
หลังสิ้นเสียงนาง สายตาของทุกคนก็มองไปที่ใบหน้าของหลิ่วซื่อทันที
โดยเฉพาะสายตาของมู่เอ้าเทียนที่เลวร้ายที่สุด เฉียบคมเกินต้าน ดั่งใบมีดที่เฉือนลงบนใบหน้าของหลิ่วซื่อ ทำให้รู้สึกเจ็บแสบยิ่ง
“ข้าหมายความเช่นนั้นเสียที่ใด?”
หลิ่วซื่อร้อนรน รีบหันกลับมาจ้องฮวาเหยียน
ดวงหน้านั้นยังคงมีเสน่ห์งดงาม ผิวพรรณขาวใสแต่งแต้มสีแดงระเรื่อด้วยเืฝาด
ยามนี้นางค้นพบอย่างแท้จริงแล้วว่าอันเหยียนผู้นี้มิใช่อันเหยียนคนเดิม และอีกฝ่ายไม่คิดจะทิ้งความเมตตาใดไว้ให้นางเลยแม้แต่น้อย
สี่ปีต่อมา ในสายตาของคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ นางก็เป็เพียงอาสะใภ้รอง ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่านั้น
“ข้ารู้ว่าท่านมิได้หมายความเช่นนั้น แต่หากคำพูดนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คนภายนอกจะกล่าวต่อเช่นไรก็ยากจะทราบแล้วเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนหรี่ตาลงก่อนเปิดปาก ท่าทางเป็มิตรราวกับกำลังเตือนอาสะใภ้รองด้วยใจจริง แต่คำที่นางเอ่ยกลับเปรียบดั่งฝ่ามือใหญ่ที่ตบลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มแรง เ็ปอย่างที่สุด
"ข้า…"
“ต่อไปห้ามพูดถึงเื่นี้อีก”
หลิ่วซื่อยัง้ากล่าวมากกว่านี้ แต่กลับถูกคำพูดของมู่เอ้าเทียนขัดจังหวะเสียก่อน
นางเงยหน้าขึ้นและพบว่าดวงตาของมู่เอ้าเทียนมิได้มองมาที่นางเลยแม้แต่น้อย
หัวใจของนางเ็ปดั่งหยาดโลหิตไหลริน หลังจากคืนนั้นมู่เอ้าเทียนก็ไม่เต็มใจแสดงสีหน้าอันดีให้นางอีก แม้ว่าเดิมทียังนับว่าสุขสงบ แต่บัดนี้กระทั่งความรู้สึกดีๆ สักนิดก็หาได้หลงเหลือไม่
หลิ่วซื่อกำมือแน่น จนปลอกเล็บทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของนาง
เมื่อมองดูสามีของตนที่ทำตัวราวกับนกกระทาขี้กลัว นางก็รู้สึกว่าเขาช่างไร้ประโยชน์เสียจริง
“ท่านลุงใหญ่และท่านพี่หญิง โปรดระงับโทสะลงก่อนเถิดเ้าค่ะ ท่านแม่แค่ปากไวเท่านั้น นางหาได้มีเจตนาร้ายใด”
มู่ชิงอวิ้นยืนขึ้นเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย เสียงแ่เบาของนางเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน อีกทั้งเมื่อรวมเข้ากับร่างกายที่อ่อนแอแล้ว ยามนางเอ่ยปากจึงทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร ดังนั้นทุกคนล้วนไว้หน้านาง
“อาอวิ้น ลุงใหญ่และพี่หญิงของเ้ามิได้โมโห พวกเราเพียงเตือนแม่ของเ้า บางคำเอ่ยได้ ทว่าบางคำไม่อาจเอ่ย เพื่อป้องกันมิให้คนใจคดได้ยินและนำไปก่อเื่”
มู่เอ้าเทียนตอบ
ยามสนทนากับมู่ชิงอวิ้น ท่าทีของเขากลับเป็มิตรขึ้นบางส่วน
“ท่านลุงใหญ่กล่าวได้ถูกต้องเ้าค่ะ”
รอยยิ้มน่ารักเชื่อฟังประดับที่มุมปากของมู่ชิงอวิ้น นางพยักหน้าแล้วหันไปทางหลิ่วซื่อ ตบมืออีกฝ่ายเบาๆ พลางกล่าวว่า "ท่านแม่ ท่านลุงใหญ่กับพี่หญิงใหญ่ล้วนทำเพื่อท่าน เพื่อตระกูลมู่ของพวกเรานะเ้าคะ"
เพียงคำว่าตระกูลมู่ของพวกเราแค่คำเดียว ซึ่งเป็การนับรวมทุกคนเข้าเป็ครอบครัวเดียวกัน
คำพูดนี้ทำให้มู่เอ้าเทียนรู้สึกพึงพอใจนัก
ตระกูลมู่ของพวกเรา หากลูกหลานอ่อนแอ พี่ชายเสริมสร้างน้องชายเสริมส่ง ความสมานฉันท์ในครอบครัวคือสิ่งที่มู่เอ้าเทียนเน้นย้ำเสมอมา
ด้วยเหตุนี้สายตาที่มู่เอ้าเทียนมองมู่ชิงอวิ้นจึงเปี่ยมด้วยความพึงพอใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เสียแรงที่อีกฝ่ายเติบโตตามรอยแม่นางน้อยของเขา
หลิ่วซื่อได้รับการปลอบโยนจากบุตรสาวตน ในใจของนางจึงรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นไม่น้อย แม้สีหน้าจะยังดูไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ฝืนยิ้มบางเบาออกมา “แม่ทราบแล้ว”
“เก็บเื่พี่ใหญ่ของพวกเ้าเอาไว้ก่อน ข้าปฏิเสธฮ่องเต้ไปแล้ว ตอนนี้มีเื่อื่นต้องจัดการ เป็เื่ที่เกี่ยวข้องกับอวิ้นเอ๋อร์…”
ทันใดนั้นมู่เอ้าเทียนก็เอ่ยขึ้นมาอีกหน
มู่ชิงอวิ้นไม่คาดคิดว่านางจะกลายเป็ตัวหลักของการประชุมครอบครัวในครั้งนี้ นางจึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นอีกครา "ข้าหรือ? ท่านลุงใหญ่ มีเื่อันใดเกี่ยวกับข้าหรือเ้าคะ?"
มู่จี้หงและหลิ่วซื่อเองก็เงยหน้าขึ้นเพื่อรอให้มู่เอ้าเทียนกล่าวต่อเช่นกัน
“เื่นี้ เกี่ยวกับการแต่งงานของอวิ้นเอ๋อร์…”
หลังจากไตร่ตรองเป็เวลานาน ในที่สุดมู่เอ้าเทียนก็เอ่ยปาก
หยวนเป่าน้อยช่างว่าง่ายนัก เขานั่งอยู่บนต้นขาของมู่เอ้าเทียนโดยไม่พูดสิ่งใดออกมาสักคำ ฟังการประชุมครอบครัวอย่างสงบเงียบ สบตากับฮวาเหยียนเป็ครั้งคราว มารดาและบุตรชายคู่นี้ยังคงคิดว่าจะทำอย่างไรให้คุณชายใหญ่ตระกูลมู่กับแม่นางมู่เฉิงอินกลับมาคืนดีกันเช่นเดิม
มู่เสวียนเย่เงียบเป็อย่างยิ่งั้แ่ต้นจนถึงยามนี้ เขาฟังจนรู้แจ้งว่าฮ่องเต้้าให้เขาเป็ราชบุตรเขย แต่ท่านพ่อกลับปฏิเสธความเมตตาของฝ่าาด้วยเหตุผลว่าเขามีการหมั้นหมายอยู่แล้ว
ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่นางมู่เฉิงอิน ท่านพ่อเองก็ทราบว่าพวกเขายังไม่ถึงขั้นหมั้นหมายกันเสียด้วยซ้ำ
บุรุษเช่นท่านพ่อย่อมเข้าใจเื่ราวต่างๆ เป็อย่างดี ท่านพ่อเป็คนซื่อสัตย์ ภักดีต่อฮ่องเต้และแว่นแคว้น คนเยี่ยงนี้ไม่คิดหลอกลวงฮ่องเต้เป็อันขาด ดังนั้นมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นที่ส่วนใดเล่า? ท่านพ่อคิดว่าเขากับแม่นางมู่กำลังสร้างสัมพันธ์สานความรู้สึกกันอยู่ และทั้งสองตระกูลขาดเพียงเื่ตกลงกันเท่านั้นหรือ? เช่นนี้ก็จับพลัดจับผลูปฏิเสธฮ่องเต้ได้แล้วหรือ?
มู่เสวียนเย่งุนงงเป็อย่างยิ่ง
ฮวาเหยียนใช้มือปัดผมของตนที่ปรกลงมา พลางใช้สายตาเหลือบมองพี่ใหญ่ ไอ้หยา นางจะอธิบายเื่แม่กุญแจทองให้พี่ใหญ่ฟังอย่างไรดีเล่า?
...
“การแต่งงานของอวิ้นเอ๋อร์? ฮ่องเต้ยังพระราชทานราชโองการอภิเษกสมรสให้อวิ้นเอ๋อร์ของพวกเราด้วยหรือ?”
มู่จี้หงอุทานด้วยความใ ทำให้ทั้งฮวาเหยียนและมู่เสวียนเย่กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
หลิ่วซื่อเองก็ลืมตาขึ้น นางมองมู่เอ้าเทียนด้วยสายตาเป็ประกาย อย่างไรนี่ก็เป็เื่ของบุตรสาวนาง นางย่อมต้องใส่ใจเป็อย่างยิ่ง
ในทางกลับกัน มู่ชิงอวิ้นกลับไม่กล่าวสิ่งใดออกมาสักคำ นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเอียงอาย พลางบิดผ้าเช็ดหน้าไหมที่อยู่ในมือไปมา เผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่มิอาจสงบลงได้ของนางในยามนี้
นางเองก็ปรารถนาจะเอ่ยถาม แต่สตรีที่ดีควรสงวนท่าทีไว้
“ฝ่าามิได้พระราชทานราชโองการอภิเษกสมรส เพียงตรัสว่าเื่การสมรสระหว่างรัชทายาทกับแม่หนูเหยียนในครานั้น องค์ไท่จื่อทรงขอยกเลิกและถอนหมั้นอย่างไม่ตั้งใจ เป็เหตุให้ตระกูลมู่ต้องอับอาย เื่นี้ทำให้พระองค์รู้สึกละอายใจต่อตระกูลมู่ตลอดมา”
มู่เอ้าเทียนเปิดปาก
ฮวาเหยียนเลิกคิ้วเมื่อพบว่าฮ่องเต้ตรัสถึงตัวนางเอง
จากนั้นนางก็ได้ยินมู่เอ้าเทียนกล่าวต่อว่า "ฮ่องเต้ตรัสว่า เวลายาวนานถึงสี่ปี สรรพสิ่งล้วนคงเดิม มีแค่จิตใจคนที่เปลี่ยนไป เื่ระหว่างแม่หนูเหยียนกับองค์รัชทายาทคงกล่าวได้เพียงมีวาสนาแต่มิอาจครองคู่ ทว่าเพราะพระองค์รู้สึกละอายใจต่อตระกูลมู่ อีกทั้งทรงมิได้้ายกเลิกการหมั้นหมาย และทรงทราบว่าครอบครัวรองของเรามีบุตรีอยู่ผู้หนึ่ง เป็สตรีให้ห้องหอที่รู้หนังสือ จึงมีพระราชประสงค์จะหมั้นหมายอวิ้นเอ๋อร์ให้เป็เฉ่อเฟย [1] ขององค์รัชทายาท ฝ่าาทรงถามว่าข้าเห็นด้วยหรือไม่? หากข้าเห็นด้วย พระองค์จะพระราชทานราชโองการอภิเษกสมรสให้ในวันถัดไป”
"ว่าอย่างไรนะ?"
"เหลวไหล!"
หลังมู่เอ้าเทียนกล่าวจบ สมาชิกทั้งสามของครอบครัวรองก็ตกตะลึงอย่างโง่งมทันที สติของพวกเขาล้วนยังไม่ฟื้นคืนจากข่าวอันน่าในี้ อภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทหรือ? ์! ข่าวดีอะไรเช่นนี้ กลัวเพียงคงมิใช่พวกเขาที่หูแว่วไปเอง!
เป็ฮวาเหยียนกับมู่เสวียนเย่ที่ส่งเสียงออกมาก่อน
ฮวาเหยียนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน นางไม่เพียงใ แต่ที่มากกว่านั้นคือความไม่เข้าใจ แท้จริงแล้วฮ่องเต้ทรง้าทำสิ่งใดกันแน่? ให้มู่ชิงอวิ้นแต่งงานเป็เฉ่อเฟยขององค์รัชทายาท เพื่อแสดงถึงความเมตตาที่มีต่อตระกูลมู่หรือ? หากเื่นี้ลุล่วง ก็มิใช่ว่าตระกูลมู่จะกลายเป็ตัวตลกของคนทั้งใต้หล้าหรือ?
พี่สาวน้องสาวแต่งงานกับสามีคนเดียวกัน?
บุรุษทั้งใต้หล้าล้วนสิ้นชีวากันไปหมดแล้วหรือ นอกจากองค์รัชทายาทก็แต่งให้ผู้ใดไม่ได้เลยหรือ?
ฮ่องเต้ผู้นี้ก็ด้วย เพราะ้าเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์กับตระกูลมู่ให้จงได้ พอพี่ชายใหญ่มิอาจเป็ราชบุตรเขย ก็จับบุตรีแต่งเข้าเป็พระชายารองเสียเลย อ้อ หากว่ากันตามตรงก็เป็เพียงอนุเท่านั้น
“ฝ่าาจะมีพระราชดำริเช่นนี้ได้อย่างไร หากชิงอวิ้นแต่งเข้าจวนขององค์รัชทายาทแล้วถูกกลั่นแกล้งลับหลังจะทำเยี่ยงไร? มิได้เป็อันขาด”
เชิงอรรถ
[1] เฉ่อเฟย หมายถึง พระชายารอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้