สูตรยาที่มีค่ามากถึงหนึ่งร้อยตำลึงนี้คงเป็สูตรยาที่เหนือจินตนาการมากเป็แน่ ดูท่าของดูต่างหน้าที่ฉู่ซื่อเหลือไว้ให้ฟู่อินผู้นี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
แคว้นต้าเหว่ยแห่งนี้ให้ความสำคัญกับสูตรยาโบราณมาก หากมีสะใภ้แต่งเข้าคนใดรู้สูตรยาโบราณเช่นนั้นแล้ว ก็เรียกได้ว่าครอบครัวของฝั่งชายนั้นนับว่าโชคดียิ่ง
เพราะเหตุนี้เด็กสาวตรงหน้านี้จึงได้เงินก้อนนี้มา เรียกได้ว่ามันไม่มีทางเลือก เพราะหลินคนที่สามยังไม่กลับมา นางจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเ้าตัวน้อยทั้งสอง
วันนี้นางได้อุ้มเ้าตัวน้อยทั้งสองไปยังบ้านของจู้ซื่อและพี่สะใภ้พื่อส่งเงินและให้เ้าตัวน้อยได้ดื่มนม แม้ทั้งสองคนนั้นจะไม่ค่อยอยากให้นมนักก็ตาม
หญิงสาวทั้งสองตกลงยอมให้นมเด็กทุกวัน จู้ซื่อไม่ได้ว่าอะไรมาก แต่สะใภ้ใหญ่ประกาศชัดว่าหากจะมาดื่มทุกวัน อย่างน้อยต้องได้เดือนละสองตำลึง
และหากจะให้พี่สะใภ้ของจู้ซื่อแล้ว จะไม่ให้จู้ซื่อเลยก็ไม่ได้อีก เพราะอย่างนั้นมันจึงจะกลายเป็เดือนละสี่ตำลึง รวมกับที่ต้องจ่ายให้ท่านปู่หลินอีกสอง ก็เท่ากับเป็เดือนละหกตำลึง
หากไม่หาทางรอดั้แ่ตอนนี้ แล้วในอนาคตมันจะไปรอดได้อย่างไร?
“ท่านยาย จากนี้ไปชีวิตของเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ แน่ ท่านไม่ต้องกังวล!” หลินฟู่อินให้กำลังใจยายหลี่อย่างมั่นใจ
ต่อให้แผนธุรกิจกับหมอหลี่จะเกิดล้มเหลวขึ้นมา แต่นางก็ยังคิดหาทางอื่นได้อยู่ นางจะไม่ยอมตาย เช่นคำกล่าวที่ว่าผู้คนที่มีชีวิตจะไม่มีทางหายใจไม่ออกตายด้วยปัสสาวะ
ยายหลี่พยักหน้ารับ
หลินฟู่อินยื่นมือออกไปหาก้อนตำลึงทั้งหมด แล้วหยิบมาสองก้อนเพื่อยื่นให้นาง แล้วกล่าว “ท่านยาย ข้าเป็เพียงมนุษย์ตัวจ้อย ยังมีหลายสิ่งที่ข้ามิอาจทำได้ ข้าอยากให้ท่านช่วยนำเงินยี่สิบตำลึงนี้ไปยังบ้านหลี่เจิ้ง เพื่อขอให้เขาช่วยจัดชาวบ้านเข้าไปในเขาเพื่อตามหาพ่อข้าให้ที”
ยายหลี่มองเงินในมือแล้วจึงถอนหายใจ “เด็กน้อย เงินยี่สิบตำลึงนี่มากเกินกว่าที่ต้องใช้เกินไปแล้ว แม้แต่คนงานชั้นหนึ่งยังได้มากที่สุดเพียงห้าตำลึงเท่านั้นเลย”
“ก็คงใช่ แต่การเข้าไปในเขานั้นนับว่าอันตรายยิ่งนัก อย่างน้อยต้องมีคนเก่งห้าคน แต่ข้าอยากได้ถึงสิบคน ระยะเวลาค้นหาคือเจ็ดถึงแปดวัน ซึ่งเงินค่าจ้างก็คือเงินกองนี้”
ยายหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้ารับ “ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปอธิบายหลี่เจิ้งให้เอง”
แล้วหลินฟู่อินจึงรับเ้าตัวน้อยทั้งสองมาก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องของยายหลี่
แม้นางจะรู้ว่าพ่อของนางนั้นตอนนี้สถานการณ์น่าหวาดหวั่น แต่นางก็จะไม่ยอมล้มเลิกการค้นหาแน่
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ จึงได้รู้ว่าตอนนี้ใกล้บ่ายแล้ว อีกไม่นานอาเฝิงและอาฝางคงจะกลับมา ยายหลี่เองก็เช่นกัน
หลินฟู่อินถลกแขนเสื้อขึ้น แล้วจึงไปหยิบตะกร้าไผ่เพื่อไปเก็บผักจากในสวนหลังบ้าน
มองผ่านๆ แล้วจะเห็นได้ว่าสวนหลังนี้ใหญ่กว่าตัวบ้านเกือบเท่าตัว ตีได้ว่ามันกว้างกว่าสองร้อยตารางเมตร
นี่เป็ครั้งแรกที่นางมีเวลามาคิดถึงเื่สวน
สวนผักนี้จัดระบบไว้ดีมาก มันถูกแบ่งเป็สี่แถวห้าแนว ที่ปลูกไว้มีถั่วเขียว ถั่วพู ต้นหอมจีน กระเทียม กะหล่ำ พริกเขียว หงหลัวปัว [1] มะเขือยาว และยังมีแตง ฟักทอง พุดซ้อน รวมไปถึงผักและผลไม้ชนิดอื่นๆ อีกมากมาย
หลินฟู่อินเห็นว่าถั่วเขียวไม่ได้ถูกเก็บมาหลายวันแล้ว นานจนมันเริ่มแก่ นางจึงไปเก็บถั่วเขียวยาวๆ สดๆ มาบางส่วน แตงกวานุ่มๆ อีกสาม ถั่วเขียวเจ็ดหรือแปด และต้นหอมอีกเล็กน้อยก่อนกลับบ้าน
หลินฟู่อินมองผักในตะกร้าแล้วจึงคิด พืชผักในยุคโบราณนี่มันช่างเขียวชอุ่มดีแท้ ต่อให้กลับไปในโลกอนาคตไม่ได้แล้ว แต่ถ้าคิดว่าจะมีผักปลอดสารพิษแบบนี้ให้กินไปตลอดชีวิตแล้วมันก็น่าสนใจไม่น้อยเลย
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว นางก็ล้างผักด้วยน้ำที่ตุนไว้ในโอ่ง ล้างข้าว แล้วจุดไฟเพื่อหุงข้าวก่อน
จากนั้นจึงถือมีดทำครัวเข้าไปในห้องด้านหลัง ตัดเนื้อหมูที่ห้อยไว้บนกำแพงมาแล้วหั่นออกมาให้มีขนาดเท่าฝ่ามือโดยมีเนื้อส่วนที่ติดมันติดมาด้วย
เมื่อล้างแล้วก็หั่นก่อนจะนำไปทำเป็หมูผัดพริกเขียว นางนำต้นหอมจีนไปผัดกับแตงกวา เท่านี้ก็ได้อาหารมาหนึ่งมื้อแล้ว
ตอนนางยังเล็กนั้นครอบครัวของนางค่อนข้างแร้นแค้น การคุมไฟเช่นนี้จึงเป็ความถนัดของนางอย่างหนึ่ง
เมื่ออาหารพร้อมแล้ว ยายหลี่ก็กลับมาถึงพอดี
หลินฟู่อินตักน้ำไปให้นางแก้วหนึ่ง ตอนนี้เกือบบ่ายแล้วอากาศจึงเริ่มอุ่นขึ้น ยายหลี่เลยมีเหงื่อกาฬไหลซ่ก
ยายหลี่รับน้ำไปด้วยรอยยิ้ม แล้วดื่มไปหลายอึกก่อนจะวางถ้วยลง
นางมองหลินฟู่อินแล้วจึงยิ้ม “หลินฟู่อิน เ้าสบายใจได้ หลี่เจิ้งได้รับเงินแล้ว และรับคำเป็มั่นเป็เหมาะว่าจะจัดหาคนที่ดีที่สุดไปตามหาบิดาของเ้าให้”
หลินฟู่อินพยักหน้า นางมิได้สนใจเื่ความคิดของหลี่เจิ้ง ขอเพียงคนที่เขาหามานั้นซื่อสัตย์และไม่ี้เีก็พอใจแล้ว
ยายหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองนางอย่างลังเล
“ท่านยาย หากมีอะไรก็ว่ามาตามตรงเถิด” หลินฟู่อินมองออกว่านางมีเื่อยากจะพูดอีก
ยายหลี่ส่งเสียงในคอ “ฟู่อิน ข้าเองก็ยังไม่ได้อยากปัดความเป็ไปได้ทิ้งหรอกนะ แต่ครั้งนี้บิดาของเ้าหายไปในูเาร่วมยี่สิบวันแล้ว แต่กลับไม่มีข่าวเลยแม้ข้าจะพยายามหาก็ตาม”
หลินฟู่อินเข้าใจในสิ่งที่ยายหลี่พยายามสื่อ
“แต่ข้าทิ้งความหวังไม่ได้” หลินฟู่อินตอบอย่างหนักแน่น
ยายหลี่ถอนหายใจอีกครั้ง แล้วจึงได้กลิ่นอาหารบนโต๊ะลอยมา เมื่อได้เห็นอาหารหลากสีบนโต๊ะแล้ว สายตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นมา
“ฟู่อิน เ้าเก่งมากจริงๆ ” ยายกล่าวชม
หลินฟู่อินยิ้ม แล้วจึงเม้มปากก่อนจะกล่าว “พวกเราต่างก็เป็สาวชาวนา ต้องเป็งานแน่นอนอยู่แล้วมิใช่หรือเ้าคะ”
ยายหลี่ยิ้ม
แต่นางก็มีสิ่งที่เก็บไว้ในใจอยู่ สาวชาวนานั้นใช่ว่าจะอ่านเขียนได้ทุกคน และยิ่งความรู้เื่ยานั้นยิ่งเป็เื่ที่ไกลตัว ทั้งคนที่ทำอาหารหลากสีที่มีกลิ่นหอมน่าทานได้เช่นนี้นั้นยิ่งมีน้อย…
จากนั้นไม่นาน อาเฝิงและอาฝางก็กลับมาพร้อมถุงใหญ่สองถุง อีกทั้งยังมีตะกร้าในมือ
ในตะกร้านั้นพูนไปด้วยผักคาวทองสดใหม่
พวกนางไปเก็บมาให้ในระหว่างที่หลินฟู่อินและยายหลี่กำลังยุ่งกันอยู่
หลินฟู่อินค่อนข้างประหลาดใจที่ได้เห็นว่าทั้งต้นผักกาดน้ำเล็กต้นหมวกหนามนั้นต่างก็ถูกล้างและตากแห้งแยกกันมาหมดแล้ว
แปลว่ามันต้องรถูกตากมานานพอสมควรแล้ว
หลินฟู่อินยิ่งพอใจ เด็กสองคนนี้รู้จักใช้สมองในการทำงานจริงๆ
“โฮ่ พวกนี้เป็ผักป่าที่หมูไม่กินนี่..” ยายหลี่กล่าวอย่างประหลาดใจแล้วจึงหันไปถามหลินฟู่อิน “ให้ทั้งสองเก็บมันมาทำไมรึ”
“อีกไม่กี่วันท่านก็จะรู้เอง” หลินฟู่อินตอบปัด แล้วจึงไปวางมันลงบนพื้นสะอาด ก่อนจะเรียกอาเฝิงและอาฝางมาทานข้าว
อาเฝิงและอาฝางดีใจมากเมื่อเห็นนางพอใจ และยิ่งดีใจเมื่อได้เห็นนางชวนพวกนางไปทานข้าวด้วยกัน
เชิงอรรถ
[1] 红萝卜hóngluóbo หงหลัวโป แครอท
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้