ตอนที่ 43
ฮวาเหยียนถาม
ทันทีที่สิ้นเสียง ใบหน้าของมู่เสวียนเย่พลันปรากฏความเศร้าหมองขึ้น
“เมื่อสี่ปีที่แล้วหลังจากที่เ้าหายตัวไป พี่สามของเ้าก็ทิ้งจดหมายเอาไว้และจากไปเช่นกัน ข้อความในจดหมายนั้นบอกว่าเขาจะออกท่องยุทธภพ ทว่าพวกเราทุกคนรู้ดีว่าเขาออกตามหาเ้า ใน่สี่ปีที่ผ่านมา เขาเพิ่งกลับจวนมาแค่หนเดียว...”
ยามที่มู่เสวียนเย่เอ่ยคำเหล่านี้ออกมา ดวงตาของเขาราวกับมีหยาดน้ำตาหยดซึม
ฮวาเหยียนรู้สึกเศร้าทันทีที่ได้ยิน
“น้องหญิง โชคดีที่เพียงแค่สี่ปีเ้าก็กลับมาแล้ว หากนานไปกว่านี้ เกรงว่าคงไม่อาจรู้ได้ว่าครอบครัวนี้จะเป็เช่นไร ยามที่ท่านแม่จากเราไป หากมิใช่เพราะว่าพวกเรายังเด็ก ท่านพ่อก็คงจะตามท่านแม่ไปอย่างแน่นอน"
มู่เสวียนเย่ดูเหมือนจะติดอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำ ดวงตาของเขาหนักอึ้ง เงาของแสงจันทราสาดกระทบกับใบหน้าของเขา ดวงหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเ็ป
“สี่ปีก่อน ตอนที่เ้าหายไป ท่านพ่อ... เขา...”
มู่เสวียนเย่ถอนหายใจ ราวกับว่าเขาไม่รู้ว่าจะเอ่ยออกมาอย่างไร ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงเปิดปากกล่าวว่า "ท่านพ่อเขาเกือบจะเสียสติไปแล้ว"
หัวใจของฮวาเหยียนพลันเ็ปขึ้นมา
แทบจะเสียสติไปเลย...
นี่คืออะไรกัน?
หัวใจของนางบีบรัดและเ็ป นางพอจะนึกถึงฉากนั้นได้ ยามที่มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่หายตัวไป และท่าทางราวกับเสียสติของมู่เอ้าเทียน
ฮวาเหยียนเงยหน้าขึ้น มองไปทางมู่เอ้าเทียน เขาย่อตัวลงเพื่อจับมือของหยวนเป่า คนหนึ่งแก่และคนหนึ่งเด็ก ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน
แต่กลับกลายเป็ว่า นางฟังจนหลงเข้าไปในห้วงคำนึง ไม่รู้ว่าเป็เมื่อใดที่นางหยุดเดิน และยืนอยู่ ณ จุดเดิม
“น้องรัก หลังจากนี้เ้าห้ามจากไปโดยไม่บอกลาอีก เ้าเป็เสาหลักแห่งจิติญญาและความสดใสของตระกูลมู่และเป็ความหวังของท่านพ่อ”
ในท้ายที่สุด คำเอ่ยของมู่เสวียนเย่กระแทกเข้าที่หัวใจของฮวาเหยียน หนักอึ้งราวกับโซ่ที่ผูกมัดพันธนาการ
ในยามนั้น ฮวาเหยียนสาบานในใจว่านางจะไม่มีวันพูดเป็แน่ จะไม่มีวันให้ตระกูลมู่รู้ตัวตนของนางเด็ดขาด และไม่มีวันให้ท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่รู้ว่ามู่อันเหยียนตัวจริงนั้นได้ตายจากไปแล้ว...
เพราะว่า... นางไม่เต็มใจ... ที่จะเห็นท่าที่ที่สิ้นหวังของตระกูลมู่
...
“ตระกูลมู่ของเราร่วมทุกข์สุขกันมา โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านปู่เสียไปเมื่อสองสามปีที่แล้ว ตอนนี้ท่านพ่อเป็ผู้นำตระกูล ท่านอาแห่งครอบครัวรองค่อนข้างอ่อนแอ มีบุตรสาวเพียงคนเดียวคือชิงอวิ้น ก่อนที่เ้าจะสูญเสียความทรงจำไป เ้าสนิทสนมกับนางยิ่งนัก หลังจากกลับไปที่จวนแล้ว เ้าสามารถแวะไปเที่ยวเล่นหานางได้ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของพวกเราเติบโตขึ้นมาภายใต้การกล่อมเกลาจากเ้า นางอ่อนโยนและจิตใจดี”
เมื่อได้ยินคำเอ่ยของมู่เสวียนเย่ ฮวาเหยียนก็พยักหน้า นางพบว่าแม้ว่าตระกูลมู่จะเป็ตระกูลที่สร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่าสมาชิกในครอบครัวกลับมิได้มีมากมายนัก รุ่นท่านพ่อมีพี่น้องเพียงสองคน ครอบครัวใหญ่ถึงเพียงนี้ล้วนมีท่านพ่อคอยดูแลและสนับสนุนทั้งสิ้น
มู่ชิงอวิ้นแห่งครอบครัวรองผู้นั้น นางมีความทรงจำเกี่ยวกับน้องหญิงผู้นี้อยู่ ยามที่นางกลับคืนตระกูลมู่ หญิงสาวผู้งดงามราวกับดอกสาลี่ต้องสายฝนก็รีบวิ่งโผเข้ามาหานาง ที่แท้เดิมทีความสัมพันธ์ของพวกนางนั้นดียิ่งนัก เมื่อคิดถึงท่าทีเฉยเมยของตัวเองในสมัยก่อน ฮวาเหยียนก็เม้มริมฝีปากและกำลังคิดอยู่ว่าหลังจากกลับไปจะไปหามาหาสู่กับนางให้มากขึ้น
โดยเฉพาะ เื่ก่อนหน้านี้ของมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ ยกตัวอย่างเช่นบุรุษที่นางรักคือผู้ใด คิดว่ามู่ชิงอวิ้นคงจะรู้อะไรบางอย่าง
"เข้าใจแล้วเ้าค่ะ พี่ใหญ่"
ฮวาเหยียนเอ่ยอย่างเชื่อฟัง
มู่เสวียนเย่ยกยิ้มมุมปาก พลางยกมือขึ้นลูบหัวของฮวาเหยียน
ดวงตาของฮวาเหยียนเป็ประกายราวกับดวงดาว นางเงยหน้าขึ้นเพื่อดูรูปร่างที่สูงและหล่อเหลาของมู่เสวียนเย่ แต่ในใจนางกำลังคิดว่า สตรีเช่นไรกันนะที่เลี้ยงบุตรออกมาได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้? นางหายไปที่ใดแล้ว?
เหตุใดั้แ่กลับมาถึงจวนตระกูลมู่ ถึงไม่เคยเห็นนางเลยเล่า?
“แล้ว ท่านแม่ล่ะเ้าคะ?”
นางถาม
เมื่อคำเอ่ยของฮวาเหยียนสิ้นสุดลง ใจของนางก็เต้นเร็วขึ้น มันเต็มไปด้วยความคาดหวังและความรักที่มีต่อ 'ท่านแม่' คนนี้ที่นางยังไม่เคยพบ
ทันทีที่สิ้นคำถาม นางพลันเห็นมู่เสวียนเย่ตกตะลึง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ท่านแม่ นางจากไปในที่ที่ไกลแสนไกล น้องสาวตัวน้อยเ้าจงจำไว้ว่าอย่าเอ่ยถึงท่านแม่ต่อหน้าท่านพ่อเด็ดขาด"
ยามที่มู่เสวียนเย่เอ่ยเช่นนี้ ใบหน้าของเขาพลันดูจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย
ฮวาเหยียนหัวใจเต้นแรง ไปยังที่ที่ไกลแสนไกล...
หมายถึงจากโลกนี้ไปแล้วหรือ?
ถุ้ย ถุ้ย ถุ้ย
ฮวาเหยียนส่ายหัว แม้ว่าในใจนางอยากที่จะรู้เื่ราวทุกอย่าง ทว่าท่านพี่ใหญ่เอ่ยอย่างเคร่งขรึมถึงเพียงนั้น ดังนั้นหัวข้อของท่านแม่จึงไม่สามารถยกขึ้นมาเอ่ยขึ้นมาในตระกูลมู่ได้ เกรงว่าอาจมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นยามนั้น
“เ้าค่ะ ข้าจะจดจำไว้เ้าค่ะ ท่านพี่ใหญ่”
ฮวาเหยียนพยักหน้าและตกปากรับคำอย่างเคร่งขรึม
เนื่องจากการเอ่ยถึง 'ท่านแม่' ฮวาเหยียนพบว่าบรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัดใจ ดังนั้นนางจึงถอนหายใจและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังเป็อย่างยิ่งว่า “ท่านพี่ใหญ่ เื่ราวทั้งหมดที่ข้ากระทำลงไปในจวนไท่จื่อวันนี้ ท่านพ่อโกรธใช่หรือไม่เ้าคะ? ท่านดูสิว่าเขาไม่สนข้าเลยตลอดทาง ไม่คุยกับข้าด้วยเช่นกัน”
เื่ราวเกี่ยวกับเหล่าพี่ชายตระกูลมู่ก็พอจะรู้และเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ฮวาเหยียนจึงกลับไปนึกถึงเื่ที่มู่เอ้าเทียนไม่สนใจนางขึ้นมา
นางจิตตกและเจ็บเข้ามาถึงทรวงใน ทั้งที่ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน ทว่าฮวาเหยียนที่แสนหยิ่งผยอง ในยามนั้นกลับรู้สึกเศร้าหมองอีกแล้ว
“ไม่หรอก ท่านพ่อหักใจมิได้หรอก”
มู่เสวียนเย่เก็บรอยยิ้ม ยามที่มองไปที่ดวงหน้าอันขมขื่นของฮวาเหยียน เขารู้สึกว่ายามนี้น้องสาวของเขาดียิ่งนัก แม้ว่าสี่ปีที่ผ่านมาจะทนทุกข์เหลือเกิน ทว่ามันกลับสร้างสาวน้อยที่สดใสและมองโลกในแง่ดีขึ้นมา นางช่างมีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์เป็ที่สุด
"เฮ้อ..."
นางรู้ดีว่ามู่เสวียนเย่กำลังปลอบโยนนาง ฮวาเหยียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ การถอนหายใจนี้ยังไม่ทันโล่งดีก็พลันบังเกิดเงาขึ้นปกคลุมที่ศีรษะของนางและเงานั้นก็คือมู่เอ้าเทียนที่อุ้มหยวนเป่าที่ตัวพับตัวอ่อนกลับมา
ใบหน้านั้นเ็าและจริงจังยิ่งนัก เขามองฮวาเหยียนโดยไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย
ฮวาเหยียนเม้มริมฝีปาก ดวงตากลอกไปมา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แ่เบาว่า “ท่านพ่อเ้าคะ อย่าโกรธข้าเลย เื่ที่เกิดขึ้นวันนี้เป็ความผิดของข้าเองเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนผู้หยิ่งผยองต่อฟ้าดิน ในตอนนี้กลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานเพื่อปลอบประโลมท่านพ่อของนาง
ทันทีที่สิ้นเสียงพลันเห็นว่าใบหน้าของมู่เอ้าเทียนยังคงเคร่งขรึม “ผิดที่ใด? ”
มู่เอ้าเทียนถาม
ฮวาเหยียนกะพริบตา ผิดที่ใดหรือ...
นางกระแอมในลำคอแล้วเอ่ยด้วยท่าทางเรียบร้อยเชื่อฟังว่า “ ข้าไม่ควรเข้าไปยั่วยุองค์รัชทายาท ซ้ำยังลากท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่ให้ลำบากไปด้วย”
"เอ่ยอีกที"
ทันทีที่สิ้นคำ นางก็ถูกมู่เอ้าเทียนดุอีกครั้ง ใบหน้านั้นดูโมโหยิ่งนัก ทว่าฮวาเหยียนรู้ดีว่ามู่เอ้าเทียนผู้นี้เป็เสือกระดาษ [1]
ฮวาเหยียนกะพริบตาอีกครั้ง ท่านพ่อให้นางเอ่ยอันใดอีกที?
นางส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่หยวนเป่า เ้าเด็กน้อยเม้มริมฝีปาก ท่าทางเหมือนกำลังลอบหัวเราะ ดวงตากลมโตของเขาเป็ประกาย เด็กน้อยกะพริบตาให้กับนางสองครั้ง
“ท่านพ่อเ้าคะ วันนี้ข้าหุนหันพลันแล่นเกินไป ข้าไม่ควรที่จะไม่บอกกล่าวแก่ท่านสักคำและบุกเข้าไปก่อเื่ในจวนไท่จื่อเพียงลำพัง จนเกือบจะสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่”
ฮวาเหยียนเอ่ยออกมาอีกครั้ง ด้วยท่าทีของการยอมรับความผิดพลาดอย่างถึงที่สุด
“ยังมีอะไรอีก? ”
ยังมีอะไร?
“ยังมี... ข้าไม่ควรขัดแย้งกับพระองค์ การกระทำั้แ่ต้นล้วนเป็ความผิดพลาดของข้าทั้งหมด ท่านพ่อ ท่านอย่าโกรธเลยนะเ้าคะ ลูกใจเจ็บไปหมดแล้ว...”
ฮวาเหยียนเอามือกุมหน้าอกของนางแล้วกะพริบตา ขนตาของนางสั่นไหว ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ ท่าทีแบบนี้ของฮวาเหยียนทำให้คนอื่นใจอ่อนลงจริงๆ
ฮวาเหยียนเป็ราชินีแห่งหัวขโมย นางอยู่เหนือทุกคน ด้วยความเ็าและจิตใจที่เหี้ยมเกรียม จะมีผู้ใดที่เคยพบเห็นนางด้วยท่าทีนุ่มนวลเช่นนี้บ้าง
มู่เอ้าเทียนโกรธนางจริงๆ เมื่อเห็นนางเป็เช่นนี้ เขาถอนหายใจ ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไร ดวงตาของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็สีแดง
ทันทีที่ฮวาเหยียนเห็น ท่านพ่อของตระกูลมู่โกรธมากจนเป็เช่นนี้หรือ? โกรธจนร้องไห้เลยหรือ? จู่ๆ นางก็ทำอะไรไม่ถูก
ในยามนี้พลันได้ยินมู่เอ้าเทียนเอ่ยว่า "ลูกรัก หยวนเป่าบอกพ่อหมดแล้ว... "
ฮวาเหยียนกะพริบตา บอกอะไร?
มู่เสวียนเย่เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
จากนั้นมู่เอ้าเทียนที่ขอบตาแดงก่ำก็เอ่ยต่อว่า “เหตุใดเ้าเด็กคนนี้ถึงได้ดื้อด้านนัก? หยวนเป่ามีพิษอยู่ในร่างและ้าโอสถจิติญญาระดับสูงเพื่อเสริมสร้างร่างกาย ทว่าเหตุใดเ้าถึงเก็บเื่นี้และปกปิดเอาไว้ในใจของเ้า เื่ดอกบัวพันปีเ้าก็ปิดบังความจริงอย่างเอาเป็เอาตาย เ้าบุกไปที่จวนไท่จื่อด้วยตัวเพียงคนเดียว หากพระองค์ไม่ทรงพบเบาะแสและเปิดเผยว่าดอกบัวพันปีเป็เ้าที่กินเข้าไป เ้าก็ไม่คิดจะบอกผู้ใดเลยเช่นนั้นหรือ? เ้าอยากให้พ่อเ็ปจนตายเลยใช่หรือไม่?
มู่เอ้าเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
เมื่อครู่เขาโมโหเหลือเกิน โมโหที่บุตรสาวคนนี้ไม่บอกอะไรเขาสักคำ และยังอยากที่จะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาโทษตัวเอง เขารู้สึกอึดอัด รู้สึกละอายใจ ใน่สี่ปีที่ผ่านมา บุตรสาวของเขาต้องทนทุกข์ทรมานมามากเพียงใด ถึงได้เอาแต่พึ่งพาตนเอง ไม่ว่าจะเกิดเื่อะไรก็อยากที่จะกัดฟันผ่านไปมันไปได้ด้วยตัวเองมากกว่าที่จะพึ่งพาพ่อคนนี้
หยวนเป่าเข้ามาบอกเขาว่าตนเองได้กินดอกบัวพันปีเข้าไปแล้วจริงๆ เนื่องจากเ้าตัวเล็กมีสุขภาพที่ไม่ดี เขามีพิษไหลเวียนอยู่ในร่างกายั้แ่เกิด หากไม่มีโอสถจิติญญาหรือไม่หาวิธีแก้พิษ เขาก็คงมีอายุไม่เกินเจ็ดขวบ
เสียงของหยวนเป่ายังเด็กมากทว่ากลับมีวุฒิภาวะ โตเป็ผู้ใหญ่ ตอนที่เด็กชายเอ่ยเื่นี้ เขาสงบนิ่งยิ่งนัก แต่มันก็เหมือนกับกลางหูของเขามีฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ หลานชายของเขาเป็เด็กที่มีร่างกายเป็พิษและชีวิตมีขีดจำกัด
สิ่งนี้ทำให้มู่เอ้าเทียนทุกข์ใจยิ่งนัก
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็คนที่เข้มแข็ง เขาก็อยากจะกอดตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาจริงๆ
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หลานชายตัวน้อยที่แสนดี บุตรสาวของเขาผู้แสนน่ารักเชื่อฟัง ์ไร้ตาหรือ!
เขาไม่กล้าคิดเลยว่าใน่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ บุตรสาวของเขามีชีวิตรอดผ่านมาได้อย่างไร และยิ่งไม่กล้าคิด หากหยวนเป่าเป็อะไรไป บุตรสาวสุดที่รักของเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร...
“ท่านพ่อเ้าคะ มันเป็ความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรปิดบังท่านและท่านพี่ใหญ่ ในอนาคตถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะต้องบอกพวกท่านเป็คนแรกแน่เ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนรู้ว่ามู่เอ้าเทียนและหยวนเป่าเป็ญาติสนิท ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันทางสายเื และนางก็รู้ว่าร่างกายที่เป็พิษของหยวนเป่าย่อมทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นนางจึงต้องให้สัญญาว่าจะเชื่อฟัง
หัวใจของมู่เอ้าเทียนวางเอาไว้อยู่ในเพลิงไหม้ตลอดเวลา หน้าอกของเขาเต็มไปด้วยความเ็ปและความรู้สึกไม่สบายใจ ความรู้สึกผิดในใจของเขากำลังเผาไหม้ ลำคอของเขาตีบตันอย่างรุนแรง
เขาโทษตัวเองเป็อย่างยิ่ง จนเมื่อได้ยินคำสัญญาของฮวาเหยียนจึงรู้สึกดีขึ้น ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “ลูกรัก เ้าไม่ต้องกังวล เ้ามีท่านพ่ออยู่ด้วยเสมอ หลังจากนี้ไปจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้กลั่นแกล้งเ้าแม้แต่ปลายนิ้ว
ส่วนหยวนเป่า ท่านพ่อจะทำทุกทางเพื่อหาวิธีการรักษาหลานชายของพ่อ"
มู่เอ้าเทียนตบหน้าอกให้สัญญา
หัวใจของฮวาเหยียนอบอุ่น นางมองไปที่หยวนเป่า เห็นเด็กตัวน้อยกำลังก้มหน้าปาดเช็ดน้ำตา เห็นได้ชัดว่าเขาซาบซึ้งมากเพียงใด คำเอ่ยของฮวาเหยียนจุกอยู่ที่คอจึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป ไม่ได้บอกมู่เอ้าเทียนว่าที่จริงแล้วหลานชายของเขาเป็หมออัจฉริยะ แต่ถึงแม้เขาจะเป็หมออัจฉริยะ หากเขาหาเืของบิดาผู้ให้กำเนิดไม่พบก็ไม่มีทางที่จะช่วยชีวิตหยวนเป่าเอาไว้ได้
"เ้าค่ะ"
ฮวาเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ท้ายที่สุดแล้วปัญหาคือพ่อผู้ให้กำเนิดหยวนเป่าคือผู้ใด ต้องหาเวลาบอกท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่ชาย กำลังของนางเพียงคนเดียวนั้นย่อมด้อยกว่ากำลังของทั้งครอบครัว
...
“เหตุใดร่างกายของหยวนเป่าถึงติดพิษเล่า? ”
ตอนที่มู่เอ้าเทียนเอ่ย มู่เสวียนเย่ไม่ได้พูดอันใดอยู่เป็นาน เป็เพราะเขาเองก็ในัก บุตรชายของน้องสาวเขาคนนี้มีนามว่าหยวนเป่า เป็หลานชายของเขา เป็เด็กฉลาดมีไหวพริบ ทั้งยังเป็เด็กดี ทว่าแท้จริงแล้วร่างกายของเด็กคนนี้ติดพิษและสามารถใช้ชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดขวบ?
เป็ไปได้อย่างไร?
มู่เสวียนเย่รู้สึกโศกเศร้าเหลือพรรณนา เขาชอบหลานชายคนนี้มากจริงๆ
“พิษในครรภ์ มีมาั้แ่กำเนิด ต่อมาเพราะอยู่ในดินแดนหิมะอันหนาวเหน็บจึงได้รับเอาความหนาวเย็นเข้ามาจนทำให้ร่างกายอ่อนแอลงกว่าเดิม”
เชิงอรรถ
[1] เสือกระดาษ ความหมายคือแข็งนอกอ่อนใน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้