“ข้า...ตอนที่เดินตามจูมามามาในตำหนักก็บังเอิญเห็นสาวใช้เดินออกไป และผู้ใดไม่รู้บ้างว่าพระราชวังหยวนฉีมีห้องแยกอยู่ทั้งสองด้าน ห้องโถงมีห้องแยกน้อยสุดห้าห้อง มากสุดเจ็ดห้อง ไม่ได้ใช้เป็ที่เก็บของหรืออาบน้ำ ดังนั้นจึงมีไว้สำหรับให้นางกำนัลที่มาเข้าเวรพักผ่อน!” นางกล่าวอย่างรีบร้อน โดยกลัวว่าโม่ซีจะไม่เชื่อ
"โอ้? จริงหรือ?"
โม่ซีเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปาก "เ้าดูคุ้นเคยกับแบบแปลนของพระราชวังหยวนฉีนะ สมกับเป็สตรีในวังหลัง ... "
เขาพูดอย่างมีเจตนาแอบแฝง ทำให้ฉีซีรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
การโกหกเพื่อปกปิดความจริงกลับยิ่งเผยให้เห็นจุดอ่อน ยิ่งพูดมากก็ยิ่งผิด เงียบไว้เสียยังจะดีกว่า!
“อย่าให้กูต้องบอกเ้าซ้ำๆ ว่าผู้ใดที่สามารถสวมเสื้อรัดอกสีแดงเข้มปักดิ้นทองนั้นได้ ทองคำสองร้อยแท่งก็หาได้ยากยิ่ง เว้นเสียแต่จะเป็ขุนนางผู้ร่ำรวยหรือราชวงศ์เท่านั้นที่พอจะมีได้ แม้ว่าเขตเก้าทางใต้จะเต็มไปด้วยตระกูลที่ร่ำรวย แต่กูไม่คิดว่าจะมีผู้ใดกล้าแย่งคนของกูไป เ้าทำสัญญาเป็นายบ่าวกับกูที่ถนนดอกไม้แล้ว เหตุใดจึงเปลี่ยนใจล่ะ? หลอกกูอย่างนั้นหรือ?" โม่ซีเดินไปที่เตียง
“หากเป็เช่นนี้ ตามกฎหมายอาญาของต้าจิ้ง จะถูกตัดศีรษะทันที”
เมื่อเห็นสีหน้าเ็าของเขา ฉีซีก็รู้สึกหวาดกลัว กอดผ้าห่มและหดตัวไปอีกฟากหนึ่งของเตียง พูดตะกุกตะกักว่า "...ข้าไม่ได้โกหกท่าน ข้ามีเหตุผล...”
“เหตุผลหรือ? จะให้กูเชื่อว่าเ้าไม่ใช่นางสนมของหยวนฉีอย่างนั้นหรือ?” ริมฝีปากของโม่ซีโค้งขึ้นเล็กน้อย คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ขณะที่ฉีซีรีบพยักหน้าหงึกหงัก ทว่าประโยคถัดมากลับทำให้สีหน้าของนางซีดเผือด
“ั้แ่โบราณ สนมในวังหลังของอาณาจักรที่แพ้าจะต้องเป็นางบำเรอให้กับทหารฝ่ายตรงข้ามจึงจะรอดชีวิต หากไม่ใช่นางสนม แต่เป็องค์หญิง… กูก็ได้รับราชโองการให้สังหารราชวงศ์หยวนฉีโดยไม่ต้องปราณี! "
คำพูดของเขาราวกับดาบที่ฟาดลงกลางใจอันเย็นเฉียบของฉีซี เกล็ดน้ำแข็งสาดกระเซ็นจนส่งเสียงดังกึกก้อง
โม่ซีมาถึงข้างเตียงแล้ว คุกเข่าข้างหนึ่งบนเตียง โน้มตัวไปข้างหน้า ถามสตรีที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยรอยยิ้มจาง "เช่นนั้น บอกมาเถอะ ว่าเ้าเป็นางสนมหรือองค์หญิงหลิวเฟิง?"
“ข้าไม่ใช่องค์หญิงหลิวเฟิง!”
ทันทีที่พูดออกไป นางก็รู้สึกเสียใจ!
โม่ซีมองนางโดยไม่พูดอะไร บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งคู่หยุดชะงัก
ภายใต้สายตาของเขา ฉีซีรู้สึกถึงเหงื่อที่ไหลซึมจากต้นคอลงมาที่แผ่นหลัง นางไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก่อนที่โม่ซีจะยิ้มออกมา ลุกออกจากเตียง ปลดเข็มขัดรัดชุดออก เหลือเพียงเสื้อผ้าชั้นใน
ฉีซีตัวสั่น การกระทำของเขาคือวิธีตอบสนองต่อคำตอบของนางอย่างแน่นอน
เพื่อที่จะรอดชีวิต นางจึงรีบร้อนปฏิเสธตัวตนที่แท้จริงของตน ทว่าก็ไม่ต่างกับการยอมรับว่านางเป็นางสนมของหยวนฉี ในสายตาของเขา นางได้เลือกระหว่างความบริสุทธิ์กับชีวิต และการร่วมหลับนอนจะต้องเกิดขึ้นในคืนนี้ ทว่านางไม่้าร่วมหลับนอนกับเขา! นางคือองค์หญิงแห่งหยวนฉี นางจะมีสัมพันธ์กับเขาได้อย่างไร!
ฉีซีพยายามเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ ทว่าเนื่องจากฤทธิ์ของผงหม่าเฟ่ย จึงเคลื่อนไหวไม่ได้มาก นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสงบสติอารมณ์และไม่ทำให้เขาโกรธเช่นตอนกลางวัน นางไม่สามารถตายตกอยู่ที่แห่งนี้ได้ นางแบกความคาดหวังของเสด็จแม่ไว้บนบ่า จึงต้องตามหาเฝิงซื่อหลางและวางแผนใหม่!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้นางก็แทบจะหลั่งน้ำตา นางเพิ่งหมั้นกับเฝิงซื่อหลางได้ไม่นาน เหตุใดนางจึงไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ของตนได้? หากนางมีความสัมพันธ์เช่นนั้นกับซีอ๋องแล้วจริงๆ แล้วนางจะคู่ควรกับเฝิงซื่อหลางได้อย่างไร?
นางเงยหน้าขึ้นมองโม่ซีที่นั่งอยู่บนเตียง
แม้ว่าจะไม่เห็นสีหน้าของเขา ทว่าก็ยังหวังว่าจะมีโอกาสรอดพ้นจากเงื้อมมือของเขาได้
นางถามด้วยเสียงสั่นเครือ "ซีอ๋อง ท่านช่วยเลื่อนการร่วมหลับนอนไปก่อนได้หรือไม่? ตอนนี้แขนขาข้ารู้สึกไร้เรี่ยวแรง จึงไม่สามารถปรนนิบัติท่านได้อย่างเต็มที่... "
หากสามารถซื้อเวลาเพิ่มได้ ก็จะมีพื้นที่สำหรับการเปลี่ยนแปลง!
นางจะหนีออกจากตำหนักแห่งนี้ก่อนการร่วมหลับนอน!
โม่ซีหยุดชะงัก หยุดถอดรองเท้าแล้วหันกลับมามองนางด้วยสายตาซับซ้อน ไม่นานก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า "ไม่ได้"
“การร่วมรักระหว่างบุรุษและสตรีไม่จำเป็ต้องใช้แขนข้างที่เจ็บของเ้า เ้าอยู่ด้านล่าง กูอยู่้า เ้าไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงมากนักหรอก” โม่ซีกล่าวอย่างจงใจ
ฉีซีตกตะลึง พวงแก้มเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ
แม้จะรู้ว่าเขาอาจจะปฏิเสธ ทว่าไม่คาดคิดว่าคำตอบของเขาจะชัดเจนและไม่น่าฟังถึงเพียงนี้ บุรุษผู้นี้ช่างไร้ยางอาย!
ฉีซีเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เจตนาฆ่าของนางจึงปรากฏออกมา สายตากวาดไปรอบเตียงเพื่อค้นหาสิ่งที่สามารถใช้เป็อาวุธได้ ทันใดนั้นก็นึกถึงปิ่นปักผมบนศีรษะขึ้นมาได้ นางพยายามขยับแขนเพื่อเอื้อมไปแตะศีรษะ ทว่าสิ่งที่ััได้กลับเป็เรือนผมดำสนิท ปิ่นปักผมหายไปั้แ่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่อาจรู้
นางกัดริมฝีปาก จ้องแผ่นหลังของเขา ยังคงได้ยินเสียงเขาถอดรองเท้าและขึ้นมาบนเตียง เขากล่าวเสียงเรียบ "เก็บเจตนาฆ่าของเ้าเสีย คนที่ขยับยังทำไม่ได้ แล้วจะฆ่าผู้ใดได้?"
ฉีซีหวาดกลัว เขารู้ได้อย่างไร? หรือว่าเขาจะมีดวงตาอยู่ด้านหลัง?
โม่ซีไม่หันกลับมา ทว่าเห็นสีหน้าตกตะลึงของนางสะท้อนของกระจกทองแดง จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จากนั้นหันกลับมาและยกขาเพื่อขึ้นไปบนเตียง เขานอนเอามือประสานกันรองศีรษะ มองนางที่โกรธจนหน้าแดงก่ำ ทว่าในแววตาแฝงความหวาดกลัว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไปทางนาง
ฉีซีหวาดกลัวมากจนร่างกายชาและกรีดร้อง "ไม่! ไม่! อย่าแตะต้องตัวข้านะ!"
โม่ซีหยุดมือค้างอยู่กลางอากาศ จากนั้นเอื้อมมือไปข้างหน้าอีกครั้ง คว้าผ้าห่มผ้าในมือของฉีซี แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ผู้ใดบอกว่าอยากััเ้ากัน? ผ้าห่มมีผืนเดียว เหตุใดจึงยึดไปไว้ผู้เดียวล่ะ?”
ฉีซีถูกเขาทำให้หวาดกลัวมากจนหลั่งน้ำตา เมื่อเห็นเขามาแย่งผ้าห่ม จึงไม่กล้าปล่อยมือและจับผ้าห่มให้แน่นขึ้น
โม่ซีคิดว่าแม้จะไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวตนของสตรีที่อยู่ตรงหน้า ทว่าการที่นางไม่สามารถซ่อนอารมณ์ได้นั้นน่าสนใจมาก
พฤติกรรมของนางเต็มไปด้วยช่องโหว่ เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยผ่านโลกมาก่อน หากอยู่ในตำหนักต่ออีกสองสามวัน นางอาจจะเปิดเผยตัวตนออกมาก็ได้
หากจะกล่าวหาว่าเขาหลงใหลในเรือนร่างงดงามเย้ายวนใจของนาง ก็คงไม่เท่ากับที่เขารู้สึกขบขันกับความงุ่มง่ามของนาง ทว่าหากนางไม่ได้งดงามโดดเด่นและมีรูปลักษณ์คล้ายหลี่อวิ๋นเจินเขาจะสนใจนางได้อย่างไร?
เขาแค่นเสียงเย็น หัวเราะเยาะตัวเอง หัวเราะเยาะหลี่อวิ๋นเจิน และหัวเราะเยาะแม้กระทั่งสตรีตรงหน้า ทว่าเขาไม่ได้รู้สึกมีความสุขแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ?
เขาพอจะเดาตัวตนที่แท้จริงของนางได้แล้ว ทว่าเขาไม่รีบร้อนที่จะเปิดเผยตัวตนของนาง กลับกันเขาอยากรู้ว่านางจะสามารถทำให้เขาพอใจได้มากเพียงใดก่อนที่นางจะเปิดเผยตัวตนของนาง แน่นอนว่ารวมถึงความสุขบนเตียงด้วย
“หากยังไม่ปล่อย กูจะร่วมหลับนอนกับเ้าจริงๆ ”
“ถ้าข้าปล่อย ท่านจะไม่แตะต้องตัวข้าใช่หรือไม่?” ฉีซีมองเขา ปลายนิ้วของนางจิกลงในผ้าห่มผ้า ความกระวนกระวายใจทำให้นางฟื้นเรี่ยวแรงขึ้นมาก ดึงผ้าห่มแย่งกับเขา ทว่าเขาก็แย่งไปไม่ได้
“เหตุใดเ้าจึงต่อรองกับกูล่ะ?” โม่ซีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย
"เฮ้!" ฉีซีกลิ้งเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เรือนผมยาวของนางพันกันจนยุ่ง
โม่ซีใช้นิ้วปัดเรือนผมดำที่ยุ่งเหยิงออกจากใบหน้าของนาง เลิกคิ้วแล้วกล่าวกับนางว่า "เ้าต่างหากที่มีแต่ความคิดเื่การหลับนอนอยู่ในหัว แต่กลับไม่ยอมรับ"
คำพูดของเขาราวกับเข็มชี้ให้เห็นข้อเท็จจริง พวงแก้มของฉีซีร้อนผ่าว เถียงไม่ออกเสมือนมีก้อนคำพูดติดอยู่ในลำคอ รู้สึกอึดอัดจนแทบจะอาเจียนออกมา ผู้ใดกันที่จับหน้าอกนาง? ผู้ใดกันที่ถอดเสื้อผ้าต่อหน้านาง? นางจะไม่คิดไปในทางนั้นได้อย่างไร?
“ไม่! ไม่ใช่เด็ดขาด! อย่ามาแตะต้องตัวข้านะ!” นางตอบอย่างเขินอายและร้อนรน ห่อตัวเองให้แน่นขึ้นอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้