“หวงเอ๋อร์ อย่าได้บุ่มบ่ามเกินไป มู่จื่อหลิงหญิงผู้นี้ไม่ง่ายดาย อยากจะได้นาง ต้องค่อยเป็ค่อยไป” ฮองเฮามองการกระทำที่ผิดปกติก็มิได้ไม่ชอบใจแต่อย่างใด เหมือนกับคุ้นเคยเป็ปกติ
นางไม่คัดค้าน แต่นางก็ยังต้องตักเตือน การกระทำในวันนี้ของหลงเซี่ยวอวี่ทำลายความเข้าใจของนางที่มีต่อเขาไปจนสิ้น
หลงเซี่ยวหลียั่วโทสะหลงเซี่ยวอวี่อย่างโจ่งแจ้งเพราะหญิงผู้หนึ่ง มิใช่การกระทำที่ชาญฉลาดนัก ยากรับรองว่าจะเสียเปรียบหรือไม่
ทันทีที่หลงเซี่ยวอวี่ปรากฏตัวในวันนี้ ก็ทำให้ความพยายามก่อนหน้านี้ของนางสูญสิ้น นางไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้แน่
“เสด็จแม่วางใจ เปิ่นหวงจื่อทราบดี” หลงเซี่ยวหลีตอบไป ยังคงหรี่ตาลงด้วยใบหน้าลุ่มหลงพึงใจ ทว่าในตาที่หลุบลงกลับทอประกายแววมุ่งร้ายอันดำมืด ทำให้ผู้อื่นไร้หนทางที่ไล่ตามทัน
เขาไม่โง่งม ย่อมมองออกว่าการกระทำของหลงเซี่ยวอวี่ที่มีต่อมู่จื่อหลิงนั้นพิเศษ ถ้าหลงเซี่ยวอวี่สนใจมู่จื่อหลิงจริงๆ สำหรับพวกเขาก็มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย
ยามปกติหลงเซี่ยวอวี่นั้นจัดการเื่ราวอย่างละเอียดรอบคอบจนทำให้ผู้อื่นจับจุดอ่อนมิได้ เขากลับหวังว่ามู่จื่อหลิงจะทำให้หลงเซี่ยวอวี่สนใจได้
แม้เขาจะมากตัณหา แต่สำหรับเขาสตรีก็เป็แค่เครื่องมือระบายอารมณ์ มู่จื่อหลิงที่สวยพริ้มเพราขั้นนี้ก็เช่นกัน ต่อให้ไม่ธรรมดาก็อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่มีอันใดพิเศษ
โรคที่ผู้อื่นมองไม่ออก แต่นางกลับมองออกตามใจชอบ สิ่งนี้ก็ทำให้เขาสงสัยขึ้นมา โรคแปลกประหลาดนี่อาจจะเกี่ยวพันกับมู่จื่อหลิง
หากยาที่นางสั่ง สามารถหากลับมาได้จากหลิงซั่นถังจริงๆ เช่นนั้นเขาก็สามารถยืนยันได้เลยว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็มู่จื่อหลิงชักใยอยู่อย่างลับๆ
หากเทียบเื่อำนาจ เขาคงมิอาจเปรียบกับหลงเซี่ยวอวี่ได้ แต่หากเทียบเื่ความชั่วร้าย ในใต้หล้านี้ไม่มีใครเกินหน้าเขาแน่ เขาเฝ้ารอคอยยิ่งนักว่ามู่จื่อหลิงจะเล่นด้วยได้หรือไม่
จะต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะต้องแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสมควรจะได้รับกลับคืนมาอย่างช้าๆ
ฮองเฮาไม่เอ่ยวาจาใดอีก หลงเซี่ยวหลีในยามนี้แม้แต่นางเองก็มองไม่ออก สิ่งเหล่านี้หลงเซี่ยวหลีตั้งใจใช้เป็เปลือกนอกหรือ?
หลงเซี่ยวหลีดมผ้าเช็ดหน้าต่อไป จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด ความปรารถนาในกายก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนเกือบจะะเิออกมา
แม้เขาจะสงสัย แต่เขายังคงไม่ลืมคำเตือนของมู่จื่อหลิง ก่อนที่จะได้รับการยืนยันจำต้องระวังรอบคอบ
หลงเซี่ยวหลีที่อดกลั้นความปรารถนาในใจมาโดยตลอด กระทั่งเมื่อเขาใกล้จะทนไม่ไหวจนคิดจับนางกำนัลด้านข้างมาระบายความใคร่ ก็มีหมอหลวงผู้หนึ่งก้มหน้าวิ่งประคองถ้วยยาเข้ามาอย่างหวาดกลัว
“องค์...องค์ชายใหญ่ ยาเตรียมเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงรวบรวมความกล้าหาญ กล่าวอย่างระมัดระวัง
เขาเชื่อฟังคำพูดของฉีหวางเฟย ไปซื้อยาที่หลิงซั่นถัง เดิมทีเขาโอบอุ้มความหวังไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ไม่คิดว่าสมุนไพรที่หลิงซั่นถังจะมีมากกว่าที่เขาคิดไว้ไปโข
ยาหายากที่หวางเฟยสั่งจ่ายนั้นล้วนหาซื้อได้ที่หลิงซั่นถัง เขาต้องขอบคุณฉีหวางเฟยอีกครั้งอย่างเงียบๆ
หากมิใช่เพราะฉีหวางเฟย ชีวิตน้อยๆ ของเขาคงรักษาไว้ไม่อยู่ หากมิใช่นาง เขาก็ไม่รู้ว่าต้องหาอีกนานแค่ไหนจึงจะหายาเหล่านี้พบ
หมอหลวงมาได้ทันเวลายิ่งนัก ยาชามนี้ในเวลานี้เปรียบเสมือนฟางช่วยชีวิตหลงเซี่ยวหลี เขาไม่พูดพร่ำก็แย่งยามาจากมือหมอหลวง ชั่วพริบตาก็กลืนน้ำแกงยาที่ร้อนลวกทั้งชามลงไปในท้อง
ฮองเฮาคิดจะยับยั้งแต่กลับไม่ทันกาล หลังจากหลงเซี่ยวหลีดื่มหมดกลับยังมีสีหน้าท่าทางดังเดิม ไม่รู้สึกถึงความเ็ปจากการดื่มยาโดยสิ้นเชิง
เขารู้ว่าในเมื่อมู่จื่อหลิงพูดสาเหตุของโรคออกมาได้อย่างง่ายดาย นั่นก็เท่ากับรักษาหายได้ เขาไม่กังวลว่ายาจะมีปัญหาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่านางจะมีจุดประสงค์อันใด เขาก็ไม่ต้องทรมานแล้ว
เพียงแต่...
“ยานี่ไปหามาจากที่ใด?” หลงเซี่ยวหลีถามด้วยใบหน้ามืดครึ้ม
แม้ในใจจะมีคำตอบอยู่แล้ว เขาก็ยังถามออกมา
หมอหลวงได้ยินคำพูดนี้ก็มิกล้าเงยหน้าขึ้นมามอง พูดอย่างขลาดเขลา “เป็...เป็หลิงซั่นถังพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ” ทันใดนั้นหลงเซี่ยวหลีก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมา
ในดวงตากลับวาวโรจน์อย่างกระหายเื เพราะเขาเพิ่งรีบร้อนดื่มยาร้อนลวกเข้าไป ริมฝีปากจึงแดงสด ฉากนี้ดูไปแล้วทำให้คนขนพองสยองเกล้ายิ่งนัก
มู่จื่อหลิง ดี! ดีมาก!
ในที่สุดเปิ่นหวงจื่อก็พบสตรีที่มีสมองแล้ว น่าสนใจ ช่างน่าสนใจเสียจริง!
ในเมื่อมู่จื่อหลิงไม่เปิดเผยพิรุธ ทำเหมือนเขาเป็คนปัญญาทึบ เขาก็จะไม่เปิดเผยเช่นกัน แกล้งทำเป็โง่งมต่อไป
มู่จื่อหลิงชอบเล่น เขาก็จะตามใจนางค่อยๆ เล่นกับนาง เขาชมชอบเล่นกับสตรีเป็ที่สุด โดยเฉพาะสตรีที่เฉลียวฉลาด
คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นล้วนถูกรอยยิ้มป่าเถื่อนของหลงเซี่ยวหลีทำให้ใจนมิกล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง พวกเขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดองค์ชายจึงหัวเราะ ประหลาดใจอยู่บ้าง ทว่าประหลาดใจก็คือประหลาดใจ แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าทายใจเ้านายที่โเี้เช่นนี้
“หวงเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น” ฮองเฮาถามอย่างไม่เข้าใจ
เสียงหัวเราะนี้แม้แต่ฮองเฮาก็ยังตกตะลึง นางรู้ว่าหลงเซี่ยวหลีมิใช่เบิกบานใจ แต่โมโห เซี่ยวหลีโมโหเพราะเหตุใดกัน นางไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ” หลงเซี่ยวหลีเก็บรอยยิ้ม กล่าวอย่างเรียบๆ
เขาไม่อยากพูดให้มากความ คนรู้ยิ่งเยอะ ยิ่งเล่นไม่สนุก เื่มู่จื่อหลิงใช้อุบายลวงเขา เขารู้กับตนเองก็พอ เขาต้องเอาคืน
หลงเซี่ยวหลีพูดจบก็สูดดมผ้าเช็ดหน้าในมือแรงๆ ดูเหมือนจะรอไม่ไหวอีกต่อไป จับนางกำนัลใกล้มือสองคน กวาดอาหารบนโต๊ะอาหารทั้งหมดลงพื้น
ไม่สนใจคนที่อยู่ในที่แห่งนั้น และไม่สนใจเสียงร้องของนางกำนัล กดนางกำนัลลงบนโต๊ะอย่างโเี้ มือหนึ่งคนหนึ่ง ฉีกทึ้งอาภรณ์ของพวกนางระบายความโกรธ
“อ๊า...องค์ชายใหญ่ไว้ชีวิต...ไว้ชีวิต”
“ฮือๆ...ฮองเฮาช่วยด้วย...”
“ฮือๆ ช่วยด้วย...”
“รอก่อน ให้เปิ่นหวงจื่อทะนุถนอมพวกเ้าให้ดี ร้องออกมาดังๆ เอาใจเปิ่นหวงจื่อให้ดี” หลงเซี่ยวหลีพูดออกมาอย่างเหี้ยมกระหายเื
เขาในยามนี้ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยความปรารถนา ราวกับอีกครู่เดียวก็จะะเิออกมา
คนอื่นๆ ในที่แห่งนั้นแม้จะก้มศีรษะลงต่ำ พวกเขาก็ล้วนรับรู้ว่าองค์ชายใหญ่กำลังทำสิ่งใด ไม่มีสักคนที่กล้าเข้าขัดขวาง และมิกล้าเงยหน้ามอง คิดเพียงอยากรีบไปจากสถานที่ถูกผิดแห่งนี้โดยไว ทว่าเ้านายยังไม่ออกคำสั่ง พวกเขาล้วนมิกล้าขยับแม้แต่น้อย
ฮองเฮาย่อมเข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตานาง ทว่ามิได้ห้ามปราม และไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือของนางกำนัล ยิ่งไม่ต้องถามถึงความสงสารที่มีต่อพวกนาง
นางพาคนอื่นๆ ออกไปอย่างหูทวนลม ทั้งยังอุตส่าห์ทิ้งนางกำนัลที่เหลือไว้
มีเสียงร้องอันหวาดผวาและเสียงคำรามอย่างเปรมปรีดิ์ของหลงเซี่ยวหลีออกมาจากในห้องเป็เนืองๆ...
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสียงร้องน่าเวทนาก็เงียบหายไป หลงเซี่ยวหลีจึงเปิดประตูใหญ่ออกมา เดินออกมาอย่างไม่หนำใจ เครื่องแต่งกายนั้นไม่ยุ่งเหยิงเลยแม้แต่น้อย สีหน้าเองก็เป็ปกติ
หากมิใช่เพราะนางกำนัลระเกะระกะและตายอย่างน่าเวทนาด้านหลังเขาที่เผยให้เห็นถึงเื่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ผู้ใดก็คงคิดว่าเสียงร้องเมื่อครู่นั้นเป็เพียงจินตนาการ
-
มู่จื่อหลิงอุ้มรังนกออกมาจากตำหนักคุนหนิงอย่างเบิกบานใจ หลังจากออกมากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลงเซี่ยวอวี่ ก็หลีกเลี่ยงที่จะสงสัยไม่ได้
หลงเซี่ยวอวี่มิได้มีธุระกับนางหรือ เหตุใดเพียงพริบตาเดียวก็ไม่เห็นเสียเล่า หรือว่าเมื่อครู่นี้เพราะนางมัวยืดยาดกับรังนกเลยออกมาช้า ดังนั้นเขาจึงไปแล้ว
ไม่คิดฟุ้งซ่าน จะอย่างไรวันนี้นางก็อารมณ์ดียิ่งนัก หลงเซี่ยวอวี่จะรอนางหรือไม่ นางก็ไม่สนใจ รีบกลับไปดีกว่า ออกมานานปานนี้แล้ว เสี่ยวหานคงจะรอนางจนร้อนใจแล้ว
มู่จื่อหลิงรีบสาวเท้าไปด้านหน้ารถม้า นางเห็นสารถีเหลือบมองนางอย่างแฝงความหมาย จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าแววตาของสารถีนั้นแปลกประหลาดเล็กน้อย ทว่าประหลาดตรงที่ใดนางก็บอกไม่ถูก
สะบัดศีรษะ ขึ้นไปบนรถม้าอย่างคล่องแคล่ว เมื่อเลิกม่านออกเพียงแวบแรกนางก็รู้แล้วว่าเหตุใดเมื่อครู่สารถีจึงมองนางแปลกๆ
ที่แท้หลงเซี่ยวอวี่อยู่ข้างใน เขากำลังหลับตาพักผ่อน ราวกับไม่รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวใดทั้งนั้น
กลิ่นเหมยเย็นฟุ้งกระจายไปทั่วรถม้า หอมกรุ่นอย่างยิ่ง ทำให้มู่จื่อหลิงอดมิได้ที่จะสูดเข้าไปเฮือกใหญ่ ฉากงดงามตรงหน้าทำให้ผู้อื่นหลงใหลอย่างอดไม่ได้ แต่ว่ามู่จื่อหลิงก็มิได้คิดที่จะเข้าไปทำลายภาพจินตนาการตรงหน้า
เป็เพราะวันนี้นางออกมาเพียงลำพัง รถม้าคันนี้จึงมีขนาดเล็กไปนิดหน่อย ร่างสูงใหญ่ของหลงเซี่ยวอวี่ก็ไปกว่าครึ่งของรถม้าแล้ว ถ้านางเข้าไปนั่งจะต้องโดนตัวเขาแน่
นางไม่กล้าเดาใจหลงเซี่ยวอวี่ แม้หลงเซี่ยวอวี่จะเคยแตะต้องตัวนางมาแล้ว แต่นางกลับไม่กล้าเป็ฝ่ายเข้าไปใกล้หลงเซี่ยวอวี่ก่อน
แม้นี่จะเป็รถม้าของนาง นางนั่งก็ถือว่าสมเหตุสมผล แต่ต่อให้นางขวัญกล้าเทียมฟ้านางก็ไม่กล้าไล่หลงเซี่ยวอวี่ลงไป!
เดิมทีนางอยากอาศัยโอกาสที่หลงเซี่ยวอวี่ยังไม่รู้ตัว แอบถอยออกไป ทว่านางยังมิทันขยับตัว
บุรุษตรงหน้าก็เปิดดวงตาขึ้น เขาเหลือบมองสิ่งของในอ้อมกอดของมู่จื่อหลิง ไม่ได้ถามสิ่งใด เพียงแค่เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “มู่จื่อหลิง เก็บเขี้ยวเล็บของเ้าเอาไว้ อย่าได้ยั่วโทสะไปเสียทุกคน”
มู่จื่อหลิงได้ยินคำพูดของหลงเซี่ยวอวี่ก็แปลกใจ เขาบอกนางว่ามิให้เข้ายั่วโทสะพวกฮองเฮาหรือ
“ท่านอ๋อง ผู้อื่นไม่ยุ่งกับข้า ข้าก็ไม่ยุ่งกับผู้อื่น” มู่จื่อหลิงเปิดปากพูดอย่างไม่ลังเล
แต่ไหนแต่ไรนางไม่เข้าไปยั่วโทสะผู้อื่น แต่ถ้าผู้อื่นเข้ามายั่วโทสะนางเช่นนั้นก็ไม่แน่แล้ว นางไม่มีทางยืนอย่างโง่งม ยามนี้ในเมื่อยั่วโทสะไปแล้ว นางจะรับผิดชอบด้วยตนเอง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็เช่นใด
หลงเซี่ยวอวี่มิได้พูดต่อ ดวงตาสีดำสนิทฉายแววซับซ้อนขณะมองไปที่มู่จื่อหลิง ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
มู่จื่อหลิงถูกมองเสียจนรู้สึกไม่เป็ธรรมชาติ นางในยามนี้เข้าไปก็ไม่ใช่ ถอยก็มิเชิง หลงเซี่ยวอวี่ที่ไม่พูดก็ยิ่งทำให้บรรยากาศถูกแช่แข็ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง
“ท่านอ๋อง เรียกหาหม่อมฉันมีธุระหรือไม่เพคะ?” มู่จื่อหลิงถามออกไปอย่างกล้าหาญ
หากเป็เช่นนี้ต่อไปคงมิต้องไปแล้ว ยามนี้หลงเซี่ยวอวี่นั้นสงบเยือกเย็น วาจาใดก็ไม่พูด นางสงสัยแล้วว่าหลงเซี่ยวอวี่มีธุระด่วนกับนางจริงหรือไม่
“ไม่มีธุระ” หลงเซี่ยวอวี่เอ่ยปากอย่างเรียบเฉย ประหยัดคำพูดราวกับทองคำ
ไม่มีธุระ?
เช่นนั้นเหตุใดต้องพานางออกมาจากฮองเฮา อีกทั้งเขารู้ได้อย่างไรว่าตนเองอยู่กับฮองเฮาที่นั่น เหตุใดยามนี้จึงต้องยึดรถม้าของนาง ตอนเขามาเมืองหลวงมิได้นั่งรถม้ามาหรือ?
มู่จื่อหลิงได้แต่คิด แต่ไม่กล้าถามออกไป เมื่อมู่จื่อหลิงเงียบลง บรรยากาศจึงเคอะเขินขึ้นมา
ราวกับมองออกถึงความสงสัยของมู่จื่อหลิง หลงเซี่ยวอวี่ก็พูดขึ้นมาเป็ครั้งแรก “เปิ่นหวางผ่านมา เ้าเป็เพียงความบังเอิญเท่านั้น”
ยังคงเป็น้ำเสียงเย็นเยียบดังเดิม คำที่พูดออกมาก็ทำให้คนไม่สำราญใจเหมือนเดิม เพียงแต่คำพูดนี้ทำให้คนฟังฟังอย่างไรก็ไม่เคยชิน
มู่จื่อหลิงมองใบหน้าเยือกเย็นของหลงเซี่ยวอวี่ขณะที่กล่าววาจานี้ ไม่ได้เสียใจแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูก นางเกือบจะล้มที่ก้าวสุดท้ายแล้ว
สิ่งใดคือผ่านทาง? สิ่งใดคือบังเอิญ? คำพูดนี้ของหลงเซี่ยวอวี่คือเขาผ่านมาที่ตำหนักคุนหนิงแล้วบังเอิญพานางออกมาด้วยหรือ?
ในเมื่อหลงเซี่ยวอวี่พูดเช่นนี้ นางก็จะไม่เปิดโปง ฉีอ๋องเป็ผู้รักหน้าตามากมายนัก
ความกล้าหาญของมู่จื่อหลิงจึงเพิ่มขึ้นมา นางกล่าวกับหลงเซี่ยวอวี่เสียงเบา “ท่านอ๋อง รถม้าคันนี้ไว้ให้ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะไปหาอีกคัน”
ขณะที่พูดนางก็เตรียมจะถอยออก หลงเซี่ยวอวี่เอ่ยปากอีกว่า “ไม่ต้อง”
ไม่ต้อง? ความหมายของเขาคือเขาจะออกไปหรือ?
ดังนั้นมู่จื่อหลิงจึงมิได้ขยับ นางกำลังรอให้หลงเซี่ยวอวี่ออกไป
ทว่ารอไปรอมา หลงเซี่ยวอวี่ก็มิได้ขยับแม้แต่น้อย ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปเลย หรือว่านางเข้าใจผิดไป
มู่จื่อหลิงอยากจะอ้าปากพูด
หลงเซี่ยวอวี่ก็ชิงเปิดปากขึ้นมาก่อน “ฝูหลิน ไปได้”
สารถีข้างนอกได้ยินก็สะบัดแส้ม้า “ย่าส์......”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้