เสี่ยวหานเห็นว่ามู่จื่อหลิงในขณะนี้กำลังแย้มยิ้มด้วยสีหน้าเ้าเล่ห์ ราวกับกำลังวางแผนใดอยู่ ตอนที่นางออกไปเตรียมอาหารเมื่อครู่นี้พลาดสิ่งใดไปหรือ?
เมื่อครู่นายน้อยพูดว่าท่านหมอเล่อเทียนสมควรตาย หรือว่าท่านหมอเล่อเทียนไปยั่วโมโหนายน้อยเข้า? นายน้อยเตรียมวางแผนเล่นงานท่านหมอเล่อเทียน?
เสี่ยวหานเริ่มเห็นอกเห็นใจผู้ที่กำลังจะถูกนายน้อยทรมานอย่างเงียบๆ
“นาย...นายน้อย ท่าน...ท่านไม่เป็อันใดจริงหรือ” เสี่ยวหานถามเสียงอ่อน
“ไม่มีอันใด มา ดูสิว่าเ้าทำอะไรอร่อยๆ มา” มู่จื่อหลิงตบบ่าเสี่ยวหาน พูดยิ้มๆ
พูดจบก็เดินไปนั่งลงบนโต๊ะกินข้าวด้วยตนเอง ลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยอย่างยิ่ง ไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน นางหิวจะตายแล้ว
ขณะนี้นางไม่เป็อันใดแล้วจริงๆ ทั้งยังรู้สึกผ่อนคลายลงราวยกูเาออกจากอก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เพียงคิดถึงว่าไม่ต้องย้ายออกจากตำหนักอวี่หานนางก็มีความสุขนัก
นางคิดว่าต้องเป็เพราะนางคุ้นเคยกับเตียง และไอเย็นอันคุ้นเคยของเตียงหยกเหมันต์ด้านในตำหนักอวี่หานที่ทำให้นางรู้สึกสบายใจไร้กังวล นางเกรงว่าหากย้ายออกไปสิ่งนี้จะกลายเป็เหตุให้นางนอนไม่หลับ
ไม่ว่าจะเป็เหตุผลใด อย่างไรซะต้องไม่เกี่ยวกับคำพูดที่หลงเซี่ยวอวี่พูดกับนางแม้แต่น้อยเป็แน่
เสี่ยวหานเห็นมู่จื่อหลิงกินอย่างสำราญใจ ก็ไม่อยากรบกวน ทว่านางยั้งปากไว้ไม่อยู่
“นายน้อย เหตุใดครานี้นายน้อยจึงนอนหลับไม่ได้สติไปนานถึงเพียงนั้นเ้าคะ?” เสี่ยวหานถามอย่างสงสัย
มู่จื่อหลิงคิดไม่ออกว่าต้องอธิบายอย่างไร จึงแต่งเื่หลอกลวงไปอย่างลวกๆ “ไม่มีอันใด เ้าดูสิ ข้าฟื้นขึ้นมาก็ยังสบายดีอยู่ แค่นอนไปหลายวันเท่านั้น”
แต่ดูเหมือนเสี่ยวหานยังไม่วางใจ นายน้อยยิ่งเป็ปกติเช่นนี้นางก็ยิ่งกังวลใจ นายน้อยจะมีเื่ที่มิได้บอกนางจริงๆ หรือไม่
“นายน้อย ครั้งนี้ท่านหมดสติไปนานนัก บ่าวเป็ห่วงท่าน ครั้งหน้าท่านจะ...”เสี่ยวหานกล่าวอย่างกังวลใจยิ่งนัก นางไม่กล้าพูดประโยคข้างหลังออกไป
นายน้อยคราก่อนนอนหมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ครานี้สามวัน คราหน้าจะนานขึ้นไปอีกหรือไม่ นางไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว
มู่จื่อหลิงได้ฟังคำพูดของเสี่ยวหานก็อดคิดไม่ได้
นี่นับเป็ปัญหาหนึ่ง ต่อไปก็ยากจะรับรองนัก นางยังต้องเข้าไปในระบบซิงเฉิน เพียงเข้าไปก็ลืมเวลาไปจนสิ้น ทำให้บ่าวไร้เดียงสาผู้นี้ร้อนรนอยู่ข้างนอก
หากยังยุ่งจนลืมตื่นขึ้นมาอีก เช่นนั้นนางคงได้นอนหลับไปชั่วนิรันดร์จริงๆ
“วางใจ ร่างกายข้าแข็งแรงมาก ไม่มีปัญหาหรอก” มู่จื่อหลิงวางตะเกียบในมือลง อาหารเต็มปากพลางพูดอย่างคลุมเครือ
“แต่ว่า” เสี่ยวหานยังคิดจะพูดอันใดทว่าถูกมู่จื่อหลิงตัดบทเสียก่อน
“ครั้งหน้าหากข้ายังนอนไม่ตื่นอีก เ้าเพียงนำเข็มมาทิ่มนิ้วข้า ข้าก็จะตื่นขึ้นมาแล้ว”
พูดจบมู่จื่อหลิงก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดล่วมยา หยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมามอบให้เสี่ยวหาน
“นายน้อย ท่านกลัวเข็มไม่ใช่หรือ?” เสี่ยวหานถามอย่างงงงวย
นางยังไม่ลืมตอนที่นายน้อยเพิ่งแต่งเข้ามา เพราะนายน้อยกลัวเข็ม จึงทิ่มนิ้วนางไปป้ายลงบนผ้าพรหมจรรย์
“ก็เป็เพราะกลัว จะได้กลัวจนตื่นยังไงเล่า หากข้าหลับไปเกินหนึ่งวันเ้าจึงทิ่มได้ แต่ต้องเบาแรงหน่อยเล่า” มู่จื่อหลิงกล่าวอย่างสบายอารมณ์
ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน นางที่กลัวเพียงเข็มก็ถือว่าทุ่มสุดตัว เพื่อมิให้ตนเองเสี่ยงต่อการนอนหลับไปตลอดกาลแล้ว นางได้แต่ให้เสี่ยวหานใช้ ‘การทารุณ’ นี้มาทำร้ายตนเอง ไม่แน่ว่าเสี่ยวหานยังไม่ทันทิ่มเข็มเข้าไปนางก็ใจนตื่นขึ้นมาแล้ว
เสี่ยวหานฟังมู่จื่อหลิงจนตะลึงงันไป พยักศีรษะอย่างซื่อๆ รับเข็มเงินไปเก็บให้ดี
นางไม่เข้าใจว่าทำไมนายน้อยจึงกลัวเข็ม สิ่งนั้นไม่เจ็บแม้แต่นิด แต่ขอเพียงนายน้อยไม่เป็อันใด เพียงนายน้อยไม่หลับใหลไปตลอดกาล จะให้นางทำสิ่งใดนางล้วนยินยอมทั้งนั้น
-
อุทยานจื่อจู๋
เมื่อเล่อเทียนกลับจากตำหนักอวี่หานมาถึงอุทยานจื่อจู๋ เื่แรกที่ทำคือชำระล้างจัดการสิ่งสกปรกหนวดเคราที่สะสมบนตัวมาสามวันไปหนึ่งรอบ
แม้เขาจะมิได้รักสะอาดอย่างรุนแรงเข้าขั้นฉีอ๋อง แต่ถูกปกคลุมไปด้วยคราบสกปรกสามวันเต็มๆ กระทั่งตอนที่เขาอาบน้ำชำระกายถึงได้รู้สึกตัวว่าตนเองสกปรกเพียงใด จนเกือบจะทำให้เขาพะอืดพะอมจนสิ้นชีวิต
เพื่อฉีหวางเฟยแล้วเขาทุ่มเทจนสุดตัว ทว่าท้ายที่สุดนั้นกลับทำร้ายตนเองเข้าเต็มเปา ตนเองนั้นยุ่งและกังวลไปเสียเปล่าโดยสมบูรณ์
ตนเองเพียรพยายามปานนั้นถึงคิดปัญหาออก แต่ฉีหวางเฟยรู้อยู่นานแล้ว เพียงเล็กน้อยก็มองออก เขาเทียบกับฉีหวางเฟยแล้วช่างห่างไกลกันจนมิอาจเทียบได้
ทว่าครั้งนี้การยุ่งยากโดยเปล่าประโยชน์ที่จวนฉีอ๋องนั้นกลับมิได้ขาดทุนเลย ไม่เพียงแค่ได้ความรู้มาจากฉีหวางเฟยมาบางส่วนแล้ว ยังทำให้เขาได้รู้ว่าฉีอ๋องไม่เหมือนคนเ็าไร้ความรู้สึกที่เขารู้จัก
ไม่นานนัก เล่อเทียนก็กลับมาคล้ายคลึงกับคุณชายสะโอดสะองผู้สุภาพอ่อนโยน
ยามที่เล่อเทียนชำระกายเสร็จออกมาจากห้องก็พบหลงเซี่ยวอวี่ที่นั่งอยู่บนตั่งอย่างสงบเยือกเย็น เอ้อระเหยละเลียดชาหอม
เล่อเทียนเห็นฉากนี้ก็ชะงักไปอย่างไม่รู้ตัว เหตุใดเขาเพิ่งจะกลับมาถึงไม่นาน ฉีอ๋องก็มาแล้วเล่า ดูท่าทีเช่นนี้เหมือนว่าจะเพิ่งมาถึงไม่นานนักเช่นกัน
ฉีอ๋อง ‘จัดการ’ กับหวางเฟยเสร็จเร็วถึงเพียงนี้เชียว?
หรือว่าเดิมนั้นเขาเข้าใจผิด ฉีอ๋องมิได้สนใจคำพูดของฉีหวางเฟยเลยแม้แต่น้อย จึงไม่คิดจะ ‘จัดการ’ ฉีหวางเฟย ก็กลับมาพร้อมเขาเสียแล้ว?
เล่อเทียนเก็บอารมณ์ ไม่คิดฟุ้งซ่านอีก เดินเข้าไปอย่างช้าๆ หลงเซี่ยวอวี่เหมือนกับไม่เห็นเขาอย่างไรอย่างนั้น ยังคงเอ้อระเหยละเลียดชาหอมต่อไป
ดูเหมือนเล่อเทียนจะชินชากับการเมินเฉยของหลงเซี่ยวอวี่ เดินไปที่เก้าอี้หินด้วยตนเองแล้วนั่งลงตามอำเภอใจ
“เซี่ยวอวี่ เื่ครั้งนี้เ้าคิดว่าอย่างไร?” เล่อเทียนรินชาให้ตนเอง หลังจากจิบเข้าไป จึงเอ่ยถามหลงเซี่ยวอวี่
เล่อเทียนมิได้พูดว่าเป็เื่ใด แต่หลงเซี่ยวอวี่กลับเข้าใจ
“จับตาดูเงียบๆ” หลงเซี่ยวอวี่กล่าวอย่างเฉยเมย จิบชาด้วยความผ่อนคลาย
ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเื่นี้ ไม่สนใจจริงๆ หรือว่ายังมีความหมายอื่นอีก คงมีเพียงเขาเองที่รู้
“ครานี้ฮองเฮาลงมือไม่สำเร็จ เกรงว่าจะไม่เลิกราโดยดี” เล่อเทียนพูดต่อไปอีก
แม้เขาจะไม่เข้าใจการต่อสู้แย่งอำนาจความเป็ใหญ่ แต่พูดไม่ได้ว่าครั้งนี้ฮองเฮาตาถึงนัก ดูเหมือนจะเพ่งเล็งไปที่สิ่งสำคัญแล้ว ทั้งยังฉลาดคิดควบคุมมู่จื่อหลิง
ปุถุชนไร้ความผิด ผิดที่หยก [1]
ฉีหวางเฟยเป็คนที่มีปริศนา เขาเดาว่าหากล้วงความลับของฉีหวางเฟยออกมาจนหมด ต้องทำให้ผู้อื่นตกตะลึงแน่ สิ่งสำคัญที่สุดคือนางมีฐานะเป็พระชายาของหลงเซี่ยวอวี่
หากหลงเซี่ยวอวี่ให้ความสำคัญมู่จื่อหลิงขึ้นมา เช่นนั้นมู่จื่อหลิงไปไหนก็ล้วนกลายเป็เนื้ออ้วนพีที่ทุกคนอยากงับเข้าปาก
แต่คำพูดต่อมาของหลงเซี่ยวอวี่กลับไม่เป็ตามที่คาดไว้
“หลุมที่นางขุดขึ้นมาก็ต้องถมเอง” น้ำเสียงของหลงเซี่ยวอวี่ยังคงปกติ ท่าทางไม่เกี่ยวข้องกับเื่นี้โดยสิ้นเชิง
เล่อเทียนได้ยินคำพูดของหลงเซี่ยวอวี่ก็ตะลึงงัน เขารู้ว่า ‘นาง’ ที่หลงเซี่ยวอวี่พูดถึงนั้นเป็ใคร เขาเข้าใจผิดไปจริงๆ น่ะหรือ?
คำพูดนี้ของหลงเซี่ยวอวี่มีสองความหมาย
เผยให้รู้ว่าหลงเซี่ยวอวี่นั้นไม่สนใจมู่จื่อหลิงแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการช่วยมู่จื่อหลิง นี่จะให้มู่จื่อหลิงไปต่อกรกับฮองเฮาเองด้วยซ้ำ
แต่ว่าครั้งนี้ที่ฮองเฮายื่นเขี้ยวเล็บมาทางมู่จื่อหลิงอย่างโจ่งแจ้งนั้น อดทำให้เล่อเทียนรู้สึกขบขันไม่ได้
ฮองเฮาเชื่อมั่นในความสามารถของมู่จื่อหลิงถึงเพียงนั้น ทั้งยังใช้กู่กับนางอย่างชะล่าใจ คิดว่าเทพไม่ทราบผีไม่รู้ ไม่ทราบเลยแม้แต่น้อยว่าถูกเปิดโปงไปนานแล้ว
เพียงฮองเฮาผู้เดียวก็เกินพอแล้ว ยังเพิ่มองค์ชายที่ทั้งอำมหิตทั้งหน้าตัวเมียเข้าไปอีก มู่จื่อหลิงจะสู้ไหวหรือ?
อุบายขององค์ชายใหญ่ เขานั้นเคยประสบมาก่อน มารดาเป็เช่นใดบุตรย่อมเป็เช่นนั้น บางทีเหนือฟ้าอาจยังมีฟ้า ตัวบุตรชายนั้นยิ่งจัดการได้ยากยิ่งกว่า
“แต่ฉีหวางเฟย” เล่อเทียนยังคิดจะพูดต่อ แต่ถูกหลงเซี่ยวอวี่ขัดขึ้นมาอย่างเ็า
“เ้ากลับใส่ใจนางนัก?” หลงเซี่ยวอวี่กล่าวอย่างเ็า รอบกายแผ่ไอเย็นออกมา
เช่นนี้เล่อเทียนจึงฝืนใจปิดปาก เขามิได้สนใจน้ำเสียงหลงเซี่ยวอวี่มากนัก เพียงคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่รังเกียจที่เขายุ่งเื่ชาวบ้านมากไป
เคยพบมู่จื่อหลิงเพียงสามครั้ง ได้พูดคุยจริงๆ ก็แค่สองครั้งเท่านั้น
จะมาพูดว่าเขาใส่ใจมู่จื่อหลิงก็ไม่ได้ กลับกังวลมากกว่า แต่เขาก็ไม่พูดออกไป สามีที่ถูกต้องของผู้อื่นเขายังไม่คิดสนใจ คนนอกเช่นเขาจะเข้าไปยุ่งได้อย่างไร
แต่ถ้าหลงเซี่ยวอวี่ไม่อยากยุ่งด้วย เหตุใดต้องนำรังนกมาให้เขาตรวจสอบกัน ทั้งยังสั่งให้เขาไปดูฉีหวางเฟยที่หลับใหลไม่ได้สติด้วยตนเอง ให้ชีวิตเขารับความทุกข์ทรมานถึงสามวันเต็มๆ
ทั้งๆ ที่ใส่ใจ แต่เขากลับพูดเช่นนี้ทำให้ผู้อื่นกังขา ช่างย้อนแย้งนัก!
ผู้ใดก็มองความรู้สึกนึกคิดของฉีอ๋องไม่ออกจริงๆ
ในวังมีคนกี่มากน้อยที่ทั้งยำเกรงทั้งละโมบในอำนาจของหลงเซี่ยวอวี่ หลายปีมานี้ได้เพียงถ่างตามอง มิกล้าประมาทเลินเล่อ
ครานี้หลงเซี่ยวอวี่ก็ไม่เกรงกลัวว่าเื่ของมู่จื่อหลิงที่ทำเอาจวนฉีอ๋องมีนกกระเจิงสุนัขะโหนีจะแพร่ออกไป จนทำให้มีคนคิดฉวยโอกาส
ฮองเฮาสามารถหาสัตว์น่าหวาดหวั่นเช่นกู่นี้มาได้ ต้องใช้อีกเป็แน่ หากการใช้แพร่กระจายออกไป แม้มิอาจพูดว่าเป็หายนะของอาณาประชาราษฎร์ แต่ก็คงอยู่ไม่ไกลจากคำนั้นแล้ว
ต่อให้ไม่ใส่ใจมู่จื่อหลิง เขาก็ควรคิดถึงเสด็จพ่อฮ่องเต้ของเขา การต่อสู้ของสตรีวังหลังนั้นจัดการยากเสียยิ่งกว่าห่าธนูในสนามรบเสียอีก
เพียงแต่หลงเซี่ยวอวี่จะปล่อยวางไม่สนใจได้จริงๆ น่ะหรือ
-
หลังจากมู่จื่อหลิงตื่นมาจากหลับใหลไปสามวัน ก็กินดื่มนอนเสียยกใหญ่ พลังชีวิตจึงกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ชีวิตสองสามวันที่ผ่านมานั้นยังคงผ่านไปอย่างอิสรเสรี
วันคืนดีๆ ที่ผ่านไปทำให้มู่จื่อหลิงรู้สึกซาบซึ้งในการพระราชทานสมรสของไทเฮานัก นางประทานให้ถูกคนแล้ว โชคดีที่ไทเฮา ‘ตาถึง’ ให้นางแต่งกับหลงเซี่ยวอวี่ไม่ใช่คนอันธพาลที่ไหน
แต่งให้หลงเซี่ยวอวี่ ทั้งไม่มีานางสนม และไม่มีการต่อกรของแม่สามีลูกสะใภ้ อีกทั้งตอนนี้นางยังกุมอำนาจทั้งหมด ขอเพียงนางอยู่ในจวนฉีอ๋องแล้วหลงเซี่ยวอวี่ไม่อยู่ นางก็จะกลายเป็าา
ส่วนพวกสรรพสัตว์ในวังนั้น ถูกมู่จื่อหลิงเมินไปเสียแล้ว ขอเพียงไม่มาแว้งกัดนาง นางก็จะไม่ไปหาเื่โง่ๆ เช่นกัน
ไม่ต้องพูดเลยว่าชีวิตเล็กๆ ดวงนี้ผ่านไปอย่างสุขสบายเพียงใด
บางครั้งบางคราวนางก็ไปจัดการสมุนไพรที่เรือนด้านหลัง บางทีก็ไปดีดฉินที่ศาลากลางน้ำ แล้วก็ช่วยจัดการเื่เล็กๆ น้อยๆ ในจวนฉีอ๋อง
บางครั้งบางคราวก็แต่งกายเป็บุรุษออกไปตรวจสอบกิจการที่หลิงซั่นถัง ต้องบอกว่าการกระทำครั้งที่แล้วของนางฉลาดนัก ั้แ่คราก่อนที่หมอหลวงมาซื้อยาลดธาตุไฟจากหลิงซั่นถังไปให้หลงเซี่ยวหลี ก็มีคนจากในวังจำนวนไม่น้อยมาซื้อยาที่หลิงซั่นถัง
จนถึงปัจจุบันกิจการของหลิงซั่นถังจึงเจริญวันเจริญคืน เงินทองไหลมาเทมา
สุดท้ายมู่จื่อหลิงก็คิดวิธีขึ้นมาได้ ให้ผู้จัดการถงทำข้อตกลงกับหมอหลวงที่นำเข้ายาในวังหลวงผู้นั้น ให้วันหน้ายาสมุนไพรในวังล้วนนำเข้าจากร้านหลิงซั่นถัง
แม้ทำการค้ากับวังหลวงจะอันตรายที่สุด ไม่ระวังเพียงเล็กน้อยอาจจะจบชีวิตได้ ทว่ามีเงินมาไม่รับไว้คือคนโง่เขลา การค้าในวังนั้นทำง่าย เงินก็ดีนัก แล้วเหตุใดนางจะไม่ยินดีทำ
ขอเพียงเถ้าแก่หลังม่านเช่นนางไม่ถูกเปิดเผย ก็ยังสามารถได้รับมันไปเรื่อยๆ หาเงินทุนที่ใช้ซื้อร้านค้าไปกลับมาเสียก่อน นางไม่อยากขาดทุนเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนเื่ในภายหลังค่อยว่ากัน
ทว่าชีวิตที่สงบสุขนั้นย่อมมีวันสิ้นสุดลง
วันนี้เอง ไม่รู้ว่ามีผู้ใดมารบกวนจวนฉีอ๋องอีกแล้ว
-----------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ปุถุชนไร้ความผิด ผิดที่หยก หมายถึงคนที่มีความสามารถจนกลายเป็เป้าหมายให้ผู้อื่นคิดร้าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้